หากกำลังมองหาคอมฯ ตัวเล็ก ๆ ราคาไม่ถึงหมื่น เพื่อนำมาต่อกับจอทีวี หรือจอโปรเจคเตอร์ สำหรับใช้ดูหนัง ดูซีรี่ส์ หรือนำมาต่อจอคอมฯ เพื่อใช้ฟังก์ชันพื้นฐานของคอมฯ เจ้า MiniAir 11 สามารถมอบให้คุณได้ครับ
คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 8.9 เต็ม 10
![]() |
|
ย้อนกลับไปสัก 5-10 ปีก่อน ถ้าพูดถึง คอมพิวเตอร์ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะต้องนึกถึง Mini PC เป็นอันดับสุดท้ายอย่างแน่นอน เพราะถ้าเรานำมาเทียบกับพวก Laptop, All in One PC และ Desktop PC แล้วเจ้า Mini PC ดูจะไม่คุ้มที่สุดเลย เนื่องจากมันมีราคาที่ค่อนข้างแพง แถมด้วยขนาดที่จำกัด มันจึงใส่สเปกได้ต่ำมาก ๆ ด้วยเหตุนี้ผู้คนส่วนใหญ่จึงเลือกจะซื้อคอมพิวเตอร์ ประเภทอื่นมาใช้แทน ซึ่งถึงแม้จะแพงกว่า แต่มันก็ได้สเปกที่ดี และคุ้มค่ากว่าครับ
ซึ่งเราต้องขอบคุณเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในยุคนี้เลย ที่ช่วยให้อุปกรณ์ต่าง ๆ มีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่กลับมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ จึงทำให้ Mini PC รุ่นใหม่ ๆ สามารถยัดสเปกแรง ๆ มาไว้ในกล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ได้แล้ว และที่สำคัญมันยังมีราคาที่ถูกลงมาก ๆ อีกด้วยครับ ทำให้มีประสิทธิภาพไม่ต่างจากคอมฯ ทั่วไปเลย ดังนั้นเพื่อเป็นการพิสูจน์ ในวันนี้เราได้นำ GEEKOM MiniAir 11 Mini PC ราคาถูก มาลองให้ทุกคนได้ดูกัน เดี๋ยวเราไปทดสอบกันดูว่า Mini PC ราคา 6,900 บาทเครื่องนี้ น่าสนใจอย่างไร ? ใช้ทำอะไรได้บ้าง ? และเหมาะกับคุณรึเปล่า ? ไปติดตามกันครับ
ปล. หากซื้อที่ Shopee ได้ที่ https://shope.ee/40CRJe7vy0 ตอนนี้สามารถใส่โค้ด GEEK00006 เพื่อลดราคาเพิ่มได้ครับ
คุณสมบัติเด่นของ Geekom MiniAir 11

โดย Geekom MiniAir 11 รุ่นที่เลือกเลือกมาทดสอบในวันนี้จะใช้โปรเซสเซอร์ Intel Celeron N5095 เจนฯ 11 ซึ่งมี 4 คอร์ 4 เธรด บูสต์ได้สูงสุด 2.90GHz จับคู่ Intel UHD Graphics 605 กราฟฟิกในตัว พร้อมติดตั้ง RAM 8GB และ SSD M.2 256GB ซึ่งถือเป็นสเปกพื้นฐานที่พบได้ทั่วไปในโน้ตบุ๊ครุ่นเริ่มต้นในงบฯ ประมาณหมื่นต้น ๆ แต่ MiniAir 11 ได้ตัดพวกจอ แป้นพิมพ์ ลำโพง และสิ่งที่ไม่จำเป็นอื่น ๆ ทิ้ง ทำให้มีราคาถูกลงเกือบครึ่ง แถมรุ่นนี้ยังติดตั้ง Windows 11 Pro มาในตัวอีกด้วย มันจึงคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจของคุณ เราได้รวมคุณสมบัติเด่น ๆ ที่เจ้ารุ่นนี้ทำได้มาดังนี้ครับ
- ดีไซน์เรียบหรู ขนาดเล็ก และเบา ทำให้ใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยมาก
- การออกแบบที่ดี มีโครงสร้าง และบอดี้บางส่วนเป็นโลหะ
- โปรเซสเซอร์ 11th gen Intel Celeron N5095 (เร็วกว่าเจนฯ ก่อนหน้า 1.5 เท่า)
- Intel UHD graphics รองรับการแสดงผลความละเอียดสูงสุดระดับ 4K ได้มากสุด 2 จอ
- หน่วยความจำ RAM ใช้เป็น Dual-channel มี 2 Slot อัพเกรดได้สูงสุด 32GB
- ที่เก็บข้อมูล SSD (2280 M.2 PCIe/SATA) อัพเกรดได้สูงสุด 1TB
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 11 Pro
- พอร์ตการเชื่อมต่อที่ครบครัน รองรับการใช้งานได้หลากหลาย
- Geekom มีหลายรุ่นทั้ง รุ่น 8+256GB / รุ่น 16+512GB หรือ NO RAM NO SSD (นำมาใส่ RAM และ SSD เอง)
ข้อมูลจำเพาะของ Geekom MiniAir 11 (คลิก)
Geekom MiniAir 11 | |||||
---|---|---|---|---|---|
CPU | 11th Gen Intel Celeron N5095 (4 Cores, 4 Threads, 4M Cache, up to 2.90 GHz) | Graphics | Intel UHD Graphics 605 | ||
Memory | 2 × DDR4 SODIMM, 8GB (สูงสุด 32GB) | Storage | 1 × SSD M.2 256GB (สูงสุด 1TB) | ||
System | Windows 11 Pro | Bluetooth | Bluetooth 4.2 | ||
Ethernet | Intel 10/100/1000 Mbps Ethernet (RJ-45) | Wireless | Intel Wi-Fi 5 | ||
USB Ports |
|
I/O Ports |
|
||
ขนาด | 117 × 112 × 34.2 mm. | น้ำหนัก | 500.3 g. |
แกะกล่อง – ดูอุปกรณ์ที่ให้มา

ก่อนอื่นเรามาแกะกล่อง Geekom Mini Air 11 กันก่อนเลยครับ โดยเมื่อเปิดกล่องออกมา คุณจะเจอกับ MiniAir 11 นอนนิ่งอยู่ เมื่อยกออกมาด้านใต้จะมีอุปกรณ์ และสายต่าง ๆ ให้มาครบครันเลย ทำให้คุณสามารถนำมาต่อเข้ากับหน้าจอ และใช้งานได้ทันที โดยอุปกรณ์เสริมที่ให้มาจะประกอบด้วย
อุปกรณ์ภายในกล่อง
|
ส่วนตัวรู้สึกประทับใจมาก ๆ ที่ได้มันมีอุปกรณ์เสริมให้มาพร้อมใช้งานเลย โดยเฉพาะสาย HDMI ที่ปกติมักจะไม่ค่อยแถมมาให้ ซึ่งแบรนด์ใหญ่อย่าง Intel หรืออื่น ๆ ก็ไม่ได้แถมมาให้ ทำให้ต้องซื้อแยกเอง
ดังนั้นสำหรับ MiniAir 11 ขอแค่เรามีจอคอมหรือจอทีวี เราก็สามารถนำมาต่อได้ใช้งานได้ทันที จากนั้นต่อเข้ากับเมาส์ และคีย์บอร์ด สำหรับใช้ควบคุม |
ดีไซน์การออกแบบ Geekom Mini Air 11 คอมพิวเตอร์จิ๋ว

เมื่อพูดถึง Mini PC เชื่อว่าทุก ๆ คนก็น่าจะนึงถึงหน้าตามันออกอยู่แล้ว เนื่องจากแทบทุกแบรนด์ก็จะมีดีไซน์ที่คล้าย ๆ กัน ไม่ได้หนีกันมาก ซึ่งดีไซน์ของ Geekom MiniAir 11 เองก็เช่นกันครับ โดยจะมาในรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดกะทัดรัด โดยจะใหญ่และหนากว่ากระเป๋าสตางค์ผู้ชายไม่มาก ทำให้ใช้พื้นที่ในการจัดวางแค่เล็กน้อยเท่านั้น แถมในกล่องยังมีขาติดผนังมาให้ด้วย ซึ่งลักษณะจะเหมือน ๆ กับขาแขวนทีวีเลย ดังนั้นคุณสามารถทำได้ทั้ง วางบนชั้นวางทีวีเฉย ๆ ซ่อนไว้หลังทีวี หรือคุณจะติดไว้บนผนังก็ได้ครับ ส่วนน้ำหนักรุ่นนี้หนักแค่ประมาณครึ่งกิโลฯ เท่านั้น ทำให้ในการพกพา มันสามารถทำได้สะดวกเลย

โดยตัวบอดี้ด้านบนจะเป็นส่วนเดียวที่ใช้วัสดุเป็นพลาสติกครับ ซึ่งให้ความรู้สึกที่ดูแข็งแรงดี ไม่ได้รู้สึกว่ามันเปราะบางเลย ส่วนผิวสัมผัสทำออกมาคล้าย ๆ กับอะลูมิเนียมเลย ซึ่งถ้าดูที่ความพรีเมียม จุดนี้ช่วยได้เยอะครับ แต่อาจจะเป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย โดยเฉพาะเวลาที่มีแสงสะท้อน ส่วนตรงกลางจะสกรีนโลโก้ GEEKOM ลงไป และที่มุมขวาบนจะสกรีนคำว่า Intel Inside ซึ่งก็คือชื่อของ CPU ที่ได้มาตรฐานที่สุดในโลกครับ

ส่วนโครงสร้าง ขอบด้านข้าง รวมถึงฝาปิดด้านใต้ ทั้งหมดนี้ใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมอย่างดีครับ ซึ่งด้านหน้าจะมีปุ่มพาวเวอร์ ไฟสถานะการทำงาน และพอร์ตต่าง ๆ ซึ่งเดียวเราค่อยมาเจาะลึกกันในหัวข้อถัดไปนะครับ ส่วนด้านซ้าย-ขวา และด้านหลัง ก็จะมีการทำช่องระบายอากาศขนาดใหญ่มาให้ ดังนั้นคุณไม่ต้องกลัวเรื่องความร้อนเลย สามารถเปิดทิ้งไว้ได้เลย

สำหรับฝาปิดด้านใต้ จะเป็นส่วนที่ออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถเปิดเข้าไปเพื่ออัพเกรดได้ง่าย ๆ โดยเมื่อเราพลิกเครื่องขึ้นมา เราจะเจอกับขารองอยู่ทั้ง 4 มุม ซึ่งใช้วัสดุเป็นยางช่วยเพิ่มการยึดเกาะที่ดี โดยตรงกลางของขารองนี้จะมีสกรูล็อคอยู่ทั้ง 4 มุมเลย ถ้าคุณต้องการจะอัพเกรดคุณก็แค่ขันสกรู 4 ตัวนี้ออก เมื่อเปิดขึ้นมาคุณจะเจอกับสล๊อต SSD 1 ช่อง และสล๊อต RAM อีก 2 แถว ลักษณะเหมือนกับในโน้ตบุ๊คเลย ถ้าใครเคยอัพเกรดโน้ตบุ๊คมาแล้ว ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เลย แต่ถ้าใครทำไม่เป็น หัวข้อ การอัพเกรด เราก็มีวิธี พร้อมภาพตัวอย่างไว้ให้แล้วครับ
พอร์ตการเชื่อมต่อต่าง ๆ และการเชื่อมต่อแบบไร้สาย
หากใครต้องการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมหลาย ๆ ชิ้นอย่าง เมาส์-คีย์บอร์ด, ลำโพง, แฟลชไดร์ฟ, ฮาร์ดดิสก์พกพา หรือแม้กระทั่ง SD Card ของ กล้องถ่ายรูป เจ้า Geekom Mini Air 11 รองรับได้สบายครับ เพราะมันมีพอร์ตให้มาครบครันมาก ๆ โดยแต่ละพอร์ตถูกจัดวางมาเป็นอย่างดี ส่งผลให้การใช้งานได้สะดวกสุด ๆ ครับ
แถมพอร์ตส่วนใหญ่ก็ใช้มาตรฐานใหม่หมดแล้ว โดยเฉพาะพอร์ต USB ที่ให้มาถึง 5 พอร์ต แบ่งเป็น USB-A มี 3 พอร์ต และ USB-C มีอีก 2 พอร์ต ช่วยให้การรับ-ส่งข้อมูล และการอ่าน-เขียนไฟล์ขนาดใหญ่ ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ข้อเสียคือ การเชื่อมต่อไร้สาย ที่รุ่นนี้อาจจะใช้เทคโนโลยีเก่าไปหน่อยครับ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาต่อการใช้งานเลย

จุดเด่นสำคัญของรุ่นนี้ก็คือ พอร์ตการเชื่อมต่อ ที่รองรับได้หลายอุปกรณ์เลย โดยหน้าเครื่องจากมีพอร์ต USB-C ให้มา 1 พอร์ต และ USB-A 3.2 Gen 2 อีก 1 พอร์ต มีแจ็ค 3.5 mm. สำหรับต่อลําโพง หรือหูฟัง และถัดมาเป็นปุ่มพาวเวอร์ ด้านขวาตัวเครื่องก็มีพอร์ต Kensington Security สำหรับล็อคตัวเครื่อง เพื่อรักษาความปลอดภัย ทางด้านซ้ายติดตั้งตัวอ่าน SD Card และด้านหลังเครื่องก็จะรวมพอร์ตอื่น ๆ ไว้ทั้งหมด โดยจะมีทั้ง พอร์ต mini Display, พอร์ต HDMI, พอร์ต Ethernet นอกจากนี้ยังมี USB-A 3.2 Gen 2 ให้ 2 พอร์ต และมี USB-C อีก 1 พอร์ต (ใช้รับ-ส่งข้อมูลเท่านั้น) เรียกได้ว่า มีให้ใช้งานครบครันเลยล่ะครับ

นอกจากพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันแล้ว GEEKOM MiniAir 11 ยังมาพร้อมกับ Wireless LAN ในตัวด้วย โดยใช้ Wi-Fi 5 ที่รองรับ Dual Band ทั้ง 2.4Ghz และ 5Ghz ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่าย Wi-Fi ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องใช้สาย LAN เลย อีกทั้งยังรองรับ Bluetooth 4.2 ในตัวด้วย สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมต่าง ๆ แต่อาจจะใช้เป็นเวอร์ชันเก่าหน่อยนะครับ เนื่องจากในปัจจุบันอุปกรณ์ส่วนใหญ่ ขยับไปใช้ Bluetooth 5.3 กันแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นการที่มีมาให้ ย่อมดีกว่าไม่มีแน่นอน
ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Pro

อีกหนึ่งจุดที่ทำให้หลาย ๆ คนเลือกซื้อรุ่นนี้คือ ซอฟต์แวร์ ครับ ซึ่งเจ้า Geekom MiniAir 11 มิพิพีซีราคาไม่ถึงหมื่นเครื่องนี้มีการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 11 Pro มาให้ในตัวเลย ซึ่งถ้าหากใครเคยซื้อ Windows มาก่อน ก็น่าจะทราบราคากันดีนะครับว่า มันแพงแค่ไหน ? ดังนั้นสำหรับราคาเพียงแค่นี้ 6-7 พันบาท แต่ได้ Windows ตัวล่าสุด แค่นี้ก็ถือว่า คุ้มค่ามาก ๆ แล้ว
ซึ่งจากที่เราได้ทดสอบและใช้งานมา ส่วนตัวรู้สึกพอใจมาก ๆ ครับ เนื่องจากความเสถียรของระบบ ทำให้การให้การใช้งานต่าง ๆ ของเราเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ถ้าใครต้องการนำไปติดตั้งระบบปฏิบัติการอื่น ๆ อาทิเช่น Linux, Android หรือ Ubuntu เป็นต้น เจ้ารุ่นนี้ก็สามารถทำได้ครับ แต่ส่วนนี้เรายังไม่ได้ทดสอบนะครับ
การใช้งาน Geekom Mini Air 11 ในด้านต่าง ๆ
ยอมรับตามตรงเลยว่า เจ้ารุ่นนี้ทำให้เราประทับใจพอสมควรเลยครับ ด้วยราคาแค่ 6,900 บาท บวกลบ แต่สามารถทำงานพื้นฐานต่าง ๆ ได้ แถม Windows 11 Pro ก็ทำได้ดีเกินคาดด้วย เพียงแต่มันอาจจะไม่ได้ดูสมูทมากสักเท่าไหร่ ซึ่งถ้าใครใช้คอมฯ สเปกสูง ๆ แล้วมาใช้รุ่นนี้ก็น่าจะรู้สึกขัดใจอยู่บ้างครับ แต่ถ้าหากคุณใช้มือถือ หรือคอมฯ รุ่นเริ่มต้นอยู่แล้ว มันจะมีอารมณ์จะประมาณนั้นเลย คือ ทำสิ่งต่าง ๆ ได้ แต่จะใช้เวลาประมวลผลนานขึ้นนิดหน่อย และการเล่นเกมก็เป็นสิ่งเดียวที่ไม่เหมาะกับรุ่นนี้ครับ

ขอบอกตรง ๆ เลยว่า ก่อนหน้านี้เราไม่ได้สนใจ Mini PC เลย เพราะส่วนตัวมองว่า มันแพงเกินไป แต่พอได้เห็นลราคา และสเปกของ Geekom MiniAir 11 ก็รู้สึกสนใจขึ้นมาครับ จึงตัดสินใจซื้อมาทดสอบดู โดยเรานำ MiniAir 11 มาใช้งานประมาณเดือนกว่า ๆ แล้วครับ โดยเราก็ได้นำมาทดสอบ 3 ด้านหลัก ๆ คือ การใช้ทำงานเอกสารบนเว็บเบราว์เซอร์, การใช้ในการเล่นเกม และการใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ Edge และ Chrome ไม่ว่าจะเป็น การดูหนัง ท่อง YouTube เล่นโซเชียล และอื่น ๆ ซึ่งก็ขอบอกตรง ๆ เลยว่า มันทำได้เกือบทั้งหมดครับ อย่างบทความนี้เราก็ใช้รุ่นนี้ในการเขียนครับ เดี่ยวเราไปดูการใช้งานในแต่ละด้านกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง ?
1. การใช้ทำงานเอกสารทั่วไป

ในด้านการทำงานด้านเอกสารด้วย MiniAir 11 บวกกับ Windows 11 Pro สามารถทำได้สบาย ๆ เลย โดยเฉพาะการใช้งานผ่าน Microsoft 365 Online (Word, Excel, PowerPoint และอื่น ๆ) หรือ Google Docs Editors (Docs, Sheets และ Slides) โดยเป็นชุดโปรแกรมออนไลน์ ที่คุณสามารถเข้าไปดู แก้ไข และจัดการกับเอกสารได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ หรือถ้าใครจะติดตั้งโปรแกรมภายในเครื่องก็ทำได้เช่นกันครับ
ซึ่งในการใช้งานต้องบอกเลยว่า มันสามารถใช้งานได้ปกติครับ โดยเฉพาะเวลาที่เราใช้งานผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั่ว ๆ ไป แต่เราทดสอบเพิ่มเติมโดยนำมาต่อกับหน้าจอ TV ขนาดใหญ่ถึง 55 นิ้ว เพื่อดูว่า สามารถใช้เป็นเครื่องนำเสนองานต่าง ๆ ได้มั๊ย ? ผลปรากฏว่าได้ครับ มันสามารถเชื่อมต่อได้ทันที โดยที่ไม่ต้องปรับแต่งอัตราส่วนหน้าจอใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่สเปกระดับเริ่มต้นที่รุ่นนี้ใช้มันอาจจะประมวลผลค่อนข้างช้า ทำให้เวลาใช้งานจะดูไม่ค่อยสมูทสักเท่าไหร่ และยิ่งถ้าเปิดไฟล์ขนาดใหญ่ที่มีเป็นร้อย ๆ หน้าก็อาจจะมีอาการสะดุดให้เห็นบ้าง แต่ถ้าใช้พิมพ์เอกสารทั่ว ๆ ไป ไฟล์เล็ก ๆ ไม่กี่หน้า หลาย ๆ ไฟล์ รุ่นนี้สามารถทำได้สบาย ๆ ครับ
2. การใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ท่องเว็บต่าง ๆ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียลฯ

ในการใช้งานบนเว็บเบราว์เซอร์ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Edge, Google Chrome, Mozilla Firefox หรืออื่น ๆ มันสามารถทำได้ดีเลยครับ โดยเราได้ทดสอบใช้งานรูปแบบต่าง ๆ โดยการเชื่อมต่อกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ 24 นิ้ว ไม่ว่าจะเป็น การท่องเว็ปฯ, การดู YouTube, การเล่นโซเชียลมีเดีย, การดูหนัง-ฟังเพลง ด้วยสตรีมมิ่งต่าง ๆ และอื่น ๆ ผลออกมาก็น่าประทับใจมาก ๆ ครับ มันสามารถเปิดใช้งานได้ทั้งหมด นี่ขนาดเราเปิดแท็บทิ้งไว้หลาย ๆ แท็บ มันก็ยังสามารถใช้งานได้ครับ แต่อย่างที่บอกไปว่า เดิม ๆ มันก็ไม่ได้สมูทอยู่แล้ว เมื่อเปิดความละเอียด 4K มันก็อาจจะมีอาการสะดุดมากขึ้นครับ ดังนั้นแนะนำให้เปิด 1080P ก็พอแล้ว

ส่วนการทดสอบการใช้งานเว็บเบราว์เซอร์บนหน้าจอ TV ขนาด 55 นิ้ว อย่างในภาพเราได้เปิดวิดีโอใน YouTube แล้วปรับความละเอียดสูงสุด 4K ทิ้งไว้ แล้วไปเปิดเว็บไซต์ bestreview.asia เพื่อเข้าไปอ่านบทความต่าง ๆ ผลปรากฏว่า มันจะสามารถใช้งานได้เช่นกันครับ แต่จะมีอาการสะดุดมากขึ้น มากกว่าการใช้งานร่วมกับจอคอมฯ ดังนั้นถ้าหากคุณต้องการนำไปต่อทีวี เพื่อที่จะใช้ดูหนัง แนะนำให้เปิดแค่แท็บเดียวก็พอครับ และปรับความละเอียดภาพให้อยู่ในระดับกลาง ๆ ก็พอ ถ้าหากคุณรู้สึกว่า เบื่อกล่องแอนดรอยด์ (Android TV Box) แล้ว มินิพีซีตัวนี้ก็ดูน่าสนใจครับ สามารถนำมาติดตั้งแทนได้เลย ซึ่งไม่ว่าคุณ ต้องการจะทำอะไร ? มันง่าย และสะดวกกว่าแน่นอน
3. การเล่นเกม

หากคุณต้องการ Geekom Mini Air 11 มาใช้ในการเล่นเกม เราขอแนะนำให้คุณเพิ่มงบประมาณและมองหาตัวเลือกอื่น ๆ จะดีกว่าครับ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องใช้ CPU เป็น Intel Core i3 หรือ AMD Ryzen 3 ขึ้นไปครับ เพราะจากที่เราได้ทดสอบใช้งานมาพบว่า มันเหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปมากกว่า เนื่องจากมันประมวลผลค่อนข้างช้า ทำให้รุ่นนี้ไม่ค่อยสมูทเหมือนคอมสเปกสูง ๆ มันจึงไม่สามารถจะตอบสนองเกมต่าง ๆ ได้ทัน ดังนั้นถ้าหากคุณต้องการนำมาเล่นเกม หรือทำงานที่ต้องใช้การประมวลผลหนัก ๆ แนะนำไปรุ่นอื่นดีกว่าครับ
การอัพเกรดสเปกให้สูงขึ้น

เจ้ามินิพีซี Geekom MiniAir 11 มาพร้อมรุ่นย่อยให้คุณเลือก หลายรุ่นเลย โดยจะมีทั้ง ซีพียู Intel Celeron-5105 และ Intel Celeron-5095 (รุ่นที่เราเลือกมา) ซึ่งทั้งคู่ก็จะมีรุ่นย่อยให้เลือกอีก โดยรุ่นที่เรารีวิวในวันนี้จะมี 3 รุ่นย่อยคือ รุ่น RAM 8GB/ SSD 256GB ราคา 6,900 บาท, รุ่น RAM 16GB/ SSD 512GB ราคาประมาณ 7,600 บาท และถ้าคุณต้องการความเร็ว และพื้นที่เก็บข้อมูล ที่มากกว่านี้ Geekom ก็มีอีกหนึ่งรุ่นคือ รุ่น No RAM / No SSD ที่มีราคาเพียง 5,500 บาท เท่านั้น แต่คุณจะต้องนำ RAM และ SSD มาใส่ก่อน จึงจะใช้งานได้ครับ
สำหรับการอัพเกรดของ Geekom MiniAir 11 สามารถทำได้ง่าย ๆ ครับ แค่คุณพลิกตัวเครื่องขึ้น และขันสกรูทั้ง 4 มุม เพียงเท่านี้ฝาเคสก็จะเปิดได้แล้วครับ แต่ข้อควรระวังคือ สกรูจะมีตัวล๊อคให้ติดอยู่กับฝาเคส ทำให้ถอดสกรูออกจากฝาเคสไม่ได้นะครับ ดังนั้นแค่คุณขันสกรูจนรู้สึกว่ามันออกแล้วก็พอ และลองดึงฝาเคสขึ้น ส่วนเวลาใส่กลับให้คุณเล็งแผ่นกันความร้อน (สีฟ้า) ให้ตรงกับ SSD และเล็งก้านอะลูมิเนียมให้ตรงล๊อคของมัน เท่านี้มันก็จะสามารถวางลงไปตรง ๆ ได้ จากนั้นขันสกรู 4 มุม ก็เป็นอันเรียบร้อยครับ

เมื่อเปิดออกมาคุณจะเห็น Slot RAM ที่ซ้อนกัน 2 แถว และ Slot SSD M.2 อยู่ ซึ่งจะใช้ RAM และ SSD ขนาดเดียวกันกับที่ใช้ใน Laptop และ Notebook เลย ดังนั้นการอัพเกรดจึงทำได้ง่าย ๆ เหมือนกัน สำหรับรุ่นนี้รองรับการอัพเกรดได้สูงพอสมควรเลยครับ โดยตัวเมนบอร์ดจะมี Slot RAM เป็น Dual-channel ที่รองรับความจุสูงสุด 32GB ทำให้สามารถใส่ RAM 16GB ได้ 2 ตัวได้ ส่วน SSD ใช้รูปแบบ 2280 M.2 PCIe / SATA ซึ่งสามารถใส่ได้แค่ 1 Slot เท่านั้นนะครับ แต่ก็ยังรองรับความจุได้สูงสุดถึง 1TB เลยทีเดียว หมายความว่า หากคุณต้องการเพิ่มความจุ SSD ในอนาคต คุณจะต้องใส่แทนตัวเดิมเพียงอย่างเดียวครับ
มินิพีซี Geekom MiniAir 11 เหมาะกับใครที่สุด ?

Geekom MiniAir 11 เป็นมินิพีซีขนาดเล็ก บาง และเบา มาในราคาที่ถูกมาก ๆ ครับ ซึ่งถ้าถามว่ารุ่นนี้เหมาะกับใคร ? คุณต้องรู้ก่อนว่า เจ้ารุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อ ใช้งานพื้นฐานต่าง ๆ เท่านั้นนะครับ เมื่อไหร่ก็ตามที่มันมีการประมวลผลหนัก ๆ มันอาจจะมีอาการสะดุดขึ้นมาได้ ดังนั้นคุณก็ต้องตอบตัวเองก่อนว่า การใช้งานของคุณหนักแค่ไหน ? ซึ่งถ้าหากคุณจะนำมาต่อกับทีวี เพื่อดูหนัง และดูซีรี่ส์ต่าง ๆ เพียงอย่างเดียว หรือนำมาต่อจอคอมพิวเตอร์เพื่อเล่นโซเชียล และท่องเว็บไซต์ แน่นอนครับว่ารุ่นนี้จะเหมาะมาก ๆ
หลาย ๆ คนชอบนำโน้ตบุ๊คมาต่อกับทีวี หรือใช้มือถือแชร์หน้าจอไปที่ทีวี เพื่อจะได้ดูหนังบนหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ โดยวิธีนี้อาจจะเชื่อมต่อได้ง่ายจริง แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อกันและกันครับ ทำให้เราจะต้องไปปรับอัตราส่วนหน้าจอให้พอดีทุกครั้งที่เชื่อมต่อ และปรับค่าอื่น ๆ ด้วย ซึ่งมันค่อนข้างยุ่งยาก ดังนั้นเราอยากแนะนำให้คุณลอง MiniAir 11 เครื่องนี้ดูครับ สามารถนำไปติดตั้งคู่กับทีวี หรือโปรเจคเตอร์ได้เลย และถ้าคุณยังมีงบฯ เหลือ อาจจะซื้อหูฟัง หรือลำโพงดี ๆ อีกสักคู่ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้โรงภาพยนตร์ส่วนตัวในบ้านของคุณแบบง่าย ๆ แล้วครับ
คะแนนความพึงพอใจต่อ Geekom MiniAir 11
|
![]() |
คะแนนความพึงพอใจโดยรวม 8.9 เต็ม 10
ความคิดเห็นของเราต่อ Geekom MiniAir 11
ซื้อเลย ถ้าหาก :
- ซื้อเลยหากคุณต้องการอุปกรณ์ขนาดเล็ก ไปใช้ร่วมกับ TV ขนาดใหญ่ : Mini PC เป็นคอมฯ ประเภทนึง ที่ถูกยัดไว้ในกล่องเล็ก ๆ ดังนั้นมันทำทุกอย่างได้ไม่ต่างคอมฯ ทั่วไปเลย ถ้าใครนำโน้ตบุ๊คมาต่อ TV เพื่อดูหนังดูซีรี่ส์เป็นประจำอยู่แล้ว เจ้า MiniAir 11 จะช่วยให้คุณติดตั้งถาวรได้เลย ไม่ต้องคอยถอดเข้า ถอดออกให้เสียเวลา
- ซื้อเลยถ้าหากคุณมีพื้นที่ที่จํากัด : MiniAir 11 ก็คือ คอมฯ ขนาดจิ๋ว ซึ่งมาในบอดี้ที่มีขนาดพอ ๆ กับฝ่ามือ ทำให้มันติดตั้งได้ง่าย และใช้พื้นที่แค่นิดเดียวเท่านั้นครับ โดยคุณสามารถนำไปวางซ่อนไว้หลังหน้าจอ หรือจะแขวนบนผนังก็ได้ แล้วค่อยต่อเมาส์ และคีย์บอร์ดไร้สายออกมา
- ซื้อเลยหากคุณมีงบประมาณที่จํากัด : หากคุณมีงบฯ ที่จํากัด Geekom MiniAir 11 เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ครับ เพราะมันสามารถใช้งานพื้นฐานได้ไม่ต่างจากคอมฯ ทั่วไปเลย แต่กลับมีราคาไม่ถึงหนึ่งหมื่นบาท
อย่าซื้อ ถ้าหาก :
- อย่าซื้อถ้าหากคุณต้องการคอมพิวเตอร์ มาใช้ทำงานเป็นหลัก : จริงอยู่ว่า MiniAir 11 ก็คือ คอมฯ ประเภทหนึ่งที่ทำได้เหมือนคอมทั่วไป แต่ด้วยสเปกระดับเริ่มต้น การที่คุณนำมาใช้งานหนัก ๆ ถึงแม้มันอาจจะใช้งานได้จริง แต่มันจะมีอาการกระตุกมากจนน่ารำคาญเลย ดังนั้นแนะนำให้คุณซื้อสเปกที่สูงกว่านี้จะดีกว่าครับ
- อย่าซื้อถ้าหากคุณต้องการ Mini PC ไปเล่นเกม : อย่างที่บอกครับว่า สเปกระดับเริ่มต้นแบบนี้ ใช้งานหนัก ๆ ไม่ได้ ดังนั้นการใช้เล่นเกมก็ทำไม่ได้แน่นอน
- อย่าซื้อหากอย่าซื้อหากคุณต้องการการแสดงผลที่ลื่นไหล ดูสมูท : การใช้งานของ MiniAir 11 หากนำไปใช้งานร่วมกับหน้าจอคอมฯ เล็ก ๆ มันจะแสดงผลได้สมูท และลื่นไหลกว่า การต่อเข้ากับจอทีวีขนาดใหญ่ ดังนั้นถ้าหากคุณมองหาภาพที่ราบรื่น เฟรมเรทสูง ๆ มองข้ามรุ่นนี้ไปได้เลยครับ