สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ วันนี้บทความรีวิวหนังสนุก ๆ กลับมาอีกแล้ว เรากลับมาพร้อมกับ “รีวิวหนังไทย ปี 2565 ที่เข้าฉายในโรงภาพยนต์” ซึ่งก็ถือว่าห่างหายกันไปนานทีเดียวเลยค่ะกับการรีวิวหนังไทย เนื่องจากก่อนหน้านี้เรารู้สึกว่าหนังไทยส่วนใหญ่มักจะมีแต่พล็อตเดิม ๆ เดาทางเนื้อเรื่องได้ค่อนข้างง่ายทำให้ความสนุกของการรับชมน้อยลงไปด้วยค่ะ ยิ่งเมื่อนำมาเทียบกับค่ายหนังฟอร์มยักษ์ทางฝั่งฮอลลีวูดหรือแม้แต่บอลลีวูดก็ยิ่งทำให้หนังไทยดูน่าติดตามน้อยลงไปอีกค่ะ และขอบอกด้วยความสัตย์จริงว่าสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ให้เราไม่ค่อยจะหยิบยกเอาหนังไทยมาดูและเขียนรีวิวสักเท่าไหร่นัก
แต่ตอนนี้ถือว่าวงการหนังไทยกำลังอยู่ในช่วงกำลังพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการถ่ายทำ, นักแสดงหน้าใหม่ที่มาพร้อมความสามารถแบบล้นเหลือ, พล็อตเรื่องที่มีความซับซ้อน น่าติดตาม และทำให้เรารู้สึกสนุกมากขึ้น หรือแม้แต่สเปเชียลเอฟฟเคต์ต่าง ๆ ก็มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เทียบเท่าค่ายหนังฟอร์มยักษ์ในต่างประเทศเลยก็ว่าได้ค่ะ และสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้เรารู้สึกว่าวงการหนังไทยได้ก้าวข้ามไปอีกหลายขั้น และทำให้เรากลับมาเปิดใจให้หนังไทยอีกครั้งไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วเราจึงถือโอกาสนี้มาอัพเดตหนังไทย 10 เรื่องที่น่าสนใจที่มีการเข้าฉายในโรงภาพยนต์ในปี 2565 นี้ค่ะ จะมีเรื่องไหนน่าสนใจบ้างเรามาดูกันเลยดีกว่า
1. มายาพิศวง (Six Characters)
ประเภท | ดราม่า / ระทึกขวัญ |
ผู้กำกับ | หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล |
นักแสดงนำ | แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ, บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์, แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์, มาริโอ้ เมาเร่อ และ แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์ |
ความยาวหนัง | 127 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 15 กันยายน 2565 |
มายาพิศวงเป็นการหวนคืนสู่วงการหนังอีกครั้งของหม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ผู้กำกับมือทองที่ฝากผลงานหนังไทยเอาไว้มากมายค่ะ สำหรับเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจและดัดแปลงเนื้อเรื่องมาจากละครเรื่อง ‘Six Characters in Search of an Author’ ของ Luigi Pirandello นักประพันธ์ชาวอิตาลีเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมค่ะ เนื้อเรื่องจะเป็นเรื่องราวของตัวละคร 6 ตัวที่มีชีวิตขึ้นมาหลังจากผู้ประพันธ์เสียชีวิตทั้ง ๆ ที่ยังหาบทสรุปของพวกเขาไม่ได้ เขาทั้ง 6 จึงต้องออกตามหานักประพันธ์คนใหม่เพื่อหวังให้เรื่องราวชีวิตของพวกเขามีตอนจบเหมือนเรื่องที่ผ่าน ๆ มา ความขัดแย้ง, โศกนาฏกรรม และเรื่องราวชวนระทึกขวัญก็เริ่มต้นขึ้นหลังพวกเขาได้เจอกับผู้กำกับหนุ่มคนหนึ่ง

บอกเลยว่าเรื่องนี้เป็นหนังที่ให้กลิ่นอายของละครเวทีแนวพีเรียดสุด ๆ ค่ะ เนื้อเรื่องค่อนข้างที่จะมีความซับซ้อนและท้าทายคนดู ถือว่าเป็นลูกเล่นใหม่ ๆ ที่เราเจอไม่บ่อยมากนัก ส่วนตัวเรารู้สึกว่าภาษาและบทของนักแสดงค่อนข้างที่จะมีความสวยงาม ดูสละสลวย บวกกับความสามารถของนักแสดงมากประสบการณ์อย่างแพนเค้ก เขมนิจ, มาริโอ้ เมาเร่อ, แอฟ ทักษอร และนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง รัดเกล้า อามระดิษ และ ศักราช ฤกษ์ธำรง ก็ยิ่งการันตีคุณภาพและทำให้หนังเรื่องนี้น่าจับตามองมากขึ้นค่ะ ใครเป็นคอละครพีเรียดหรือคอละครเวทีไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้เลย
ทางเราต้องขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของหม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล หรือหม่อมน้อย ที่ได้จากโลกนี้ไปในวัย 69 ปีในวันเดียวกันกับที่หนังเรื่องนี้เข้าฉายในโรงภาพยนต์ เป็นวันแรก หม่อมน้อยเป็นครูสอนการแสดงและเป็นผู้กำกับฝีมือดีคนแรก ๆ ที่ทำให้หนังและละครไทยเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยม รวมถึงเป็นคนปลุกปั้นสร้างชื่อเสียงให้กับนักแสดงรุ่นใหญ่อีกหลาย ๆ ท่าน ซึ่งมายาพิศวงถือว่าเป็นหนังเรื่องสุดท้ายที่หม่อมน้อยได้โชว์ฝีมือการเขียนบทและการกำกับการแสดงอย่างเต็มที่และสมบูรณ์แบบ เป็นหนังเรื่องสุดท้ายที่โดดเด่นและน่าจดจำมากที่สุดค่ะ
2. Love เลย 101
ประเภท | ตลก / โรแมนติก |
ผู้กำกับ | วัชรพงษ์ ปัทมะ |
นักแสดงนำ | เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา, ดาราภัช ทวีนันท์ และสมรักษ์ คำสิงห์ |
ความยาวหนัง | 92 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 8 กันยายน 2565 |
เรื่องราวความรักระหว่างดาบตำรวจหนุ่ม (เหลือน้อย) กับเด็กมัธยมสาวที่มีอายุห่างกันกว่า 30 ปี ความรักครั้งนี้ของพวกเขาตั้งอยู่บนกฏเกณฑ์และการจับตามองของสังคม ทั้งในด้านของอายุ, ฐานะ และหน้าที่การงานที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ดูเหมือนว่าอุปสรรคเหล่านี้ก็ยังไม่อาจหยุดยั้งหัวใจของทั้งคู่ได้ ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต้องไปรับชมในโรงภาพยนตร์ค่ะ

หนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมากจากกระแสบนโลกโซเชียลที่มีข่าวเกี่ยวกับรักต่างวัยให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ หม่ำ จ๊กมกจึงหยิบเราเรื่องราวเหล่านี้มาขยายและถ่ายทอดเป็นหนังรักแนวตลกที่ตนเองถนัด พร้อมทั้งตั้งคำถามของสังคมเข้าไปในเนื้อเรื่องว่าความรักระหว่างเด็กและผู้ใหญ่นี่มันจะเป็นไปได้จริง ๆ เหรอ? มันเป็นรักแท้หรือเป็นเพียงความรู้สึกฉาบฉวยแค่ช่วงเวลาหนึ่งกันแน่น? แต่ถึงอย่างไรก็ตามเนื่อเรื่องค่อนข้างที่จะเบาสมอง สอดแทรกมุกตลกมาแบบพอดี ๆ และมีเสียงเพลงของพี่เป้า สายันห์ สัญญา เป็นแบคกราวด์ในหลาย ๆ ฉากทำให้หนังเรื่องนี้ค่อนไปทางมิวสิคัลเล็กน้อยและเต็มไปด้วยความใสซื่อสไตล์หนุ่มสาวบ้านนา ที่สำคัญหนังเรื่องนี้ยังมีเวอร์ชั่นพากย์เสียงภาษาใต้อีกด้วยค่ะ
3. อาชญาเกม (The Up Rank)
ประเภท | ดราม่า / อาชญกรรม |
ผู้กำกับ | กัลป์ กัลย์จาฤก และ วทัญญู อิงควิวัฒน์ |
นักแสดงนำ | ภูมิภัทร ถาวรศิริ, กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์, กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา และ สุดารัตน์ ผุงศิริ |
ความยาวหนัง | 103 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 1 กันยายน 2565 |
อาชญาเกมเป็นหนังที่ตีแผ่ด้านมืดของวงการเกมที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน นั่นก็คือการรับจ้างอัพแรงค์หรือปั๊มแรงค์ที่จะทำให้ตัวผู้เล่นมีระดับที่สูงขึ้น ถึงการปั๊มแรงค์จะผิดกฎเกมแต่เนื่องจากไม่ผิดกฎหมาย ดังนั้น โฮม จึงใช้ช่องโหว่นี้สร้างธุรกิจมืดขึ้นและชักชวน ยู, พีท และ ทอย มาทำงานร่วมกัน หลังประสบความสำเร็จได้ไม่นานโฮมก็เริ่มมีความทะเยอทะยานมากขึ้น ผิดกับอีกสามคนที่อยากจะลาออกจากวงการนี้เต็มที ทำให้โฮมต้องจี้จุดอ่อนและบังคับให้พวกเขาต้องทำงานต่อไป ขณะเดียวกันปัญหาระหว่างพวกเขาก็เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะควบคุมไม่อยู่

นอกจากจะตีแผ่ชีวิตของเกมเมอร์แล้วเราคิดว่าหนังเรื่องนี้ยังแต่แผ่ความจริงอีกหลาย ๆ มุมของสังคมไทยผ่านปมปัญหาของตัวละครต่าง ๆ เนื้อเรื่องค่อนข้างที่จะมีเหตุผล ไม่น่าเบื่อหรือดูยืดยาดจนเกินไป เข้าถึงความเป็นเกมเมอร์ได้ดีเพราะเดี๋ยวนี้เกมกลายเป็นที่นิยมมากขึ้น และการรับจ้างอัพแรงค์ก็เป็นอาชีพที่มีอยู่จริงในสังคม แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ลงลึกเรื่องของเกมมากจนคนที่ไม่อินกับเกมรู้สึกเบื่อ ทั้งเทคนิคการถ่ายทำและแสงเงาของหนังก็ดูเป็นโทนเดียวกัน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือประเด็นที่หนังต้องการสื่อมันทำให้เราได้กลับมาคิดว่าจริง ๆ แล้วสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมายแต่ผิดกฎศีลธรรมนั้นสมควรทำและมีควรรู้สึกผิดกับมันหรือไม่?
4. เสียง (ไม่) เงียบ (Voices of the New Gen)
ประเภท | ทริลเลอร์ / ดราม่า / ตีแผ่สังคม |
ผู้กำกับ | กันตาภัทร พุทธสุวรรณ, กุลพัทธ์ เอมมาโนชญ์, ฐามุยา ทัศนานุกุลกิจ และปัญญา ชู |
นักแสดงนำ | ไม่ระบุ |
ความยาวหนัง | 130 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 25 สิงหาคม 2565 |
เสียง (ไม่) เงียบเป็นหนังสั้น 4 เรื่องจากผู้กำกับ 4 ท่านค่ะ แต่ละเรื่องราวจะถ่ายทอดถึงวิถีชีวิตและสะท้อนสภาพสังคมไทยออกมาได้ตรงไปตรงมาและตรงกับความเป็นจริงสุด ๆ
- เรื่องแรก เกี่ยวกับชนชั้นอาวุโสและการถูกลดทอนความเป็นมนุษย์ของทหารใหม่นายหนึ่ง
- เรื่องที่ 2 จะเกี่ยวกับการออกมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของเยาวชนรุ่นใหม่และความขัดแย้งทางอุดมการณ์
- เรื่องที่ 3 จะเป็นการถ่ายทอดชีวิตของครอบครัวหนึ่งที่ต้องอยู่กับความหวังและความโหยหาหลังเสาหลักของครอบครัวหายตัวไปอย่างปริศนาจากเหตุการณ์ทางการเมือง
- เรื่องสุดท้าย จะย้อนกลับไปในยุคที่หนังสือพิมพ์เป็นสื่อใหญ่และมีอิทธิพลค่อนข้างสูง และการขุดคุ้ยค้นหาอดีตของนักเขียนที่กำลังจะโดนไล่ออกก็เหมือนการถกพรมที่ปูทับความโสมมของอำนาจมืดให้ถูกเปิดเผยออกมา

หนังสั้น 4 เรื่องจากฝีมือกำกับของนักศึกษาจาก 4 สถาบันของไทย และทั้ง 4 เรื่องก็ได้รับการแนะนำจากกระทรางวัฒนธรรมค่ะ ส่วนตัวแล้วเราคิดว่าเนื้อหาของหนังเล่าได้ตรงประเด็นเกี่ยวกับการเมืองในไทยตอนนี้ สำหรับคนที่กำลังอินกับข่าวสารบ้านเมืองในสมัยนี้อาจจะเข้าถึงและอินตามไปกับหนังได้ง่าย ขณะเดียวกันหนังก็อาจจะทำให้คนที่ไม่ยอมรับความจริงอึดอัดและรู้สึกจุกกับความจริงในสังคมไทยได้ดีเลยทีเดียวค่ะ ในส่วนของเนื้อหาเข้มข้น การถ่ายทำและฉากต่าง ๆ ทำออกมาได้ค่อนข้างดี
5. บึงกาฬ (The Lake)
ประเภท | แอคชั่น / ระทึกขวัญ |
ผู้กำกับ | ลี ทองคำ |
นักแสดงนำ | ธีรภัทร์ สัจจกุล, สุชาร์ มานะยิ่ง, วิทยา ปานศรีงาม และลำไย ไหทองคำ |
ความยาวหนัง | 105 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 18 สิงหาคม 2565 |
เรื่องราวเกิดขึ้นในจังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย หลัง เมย์ บังเอิญไปเจอไข่ขนาดใหญ่ใบหนึ่งและรู้สึกผูกพันธ์กับมันอย่างน่าประหลาดโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าหายนะกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างช้า ๆ และเมื่อมาถึงมันก็พร้อมที่จะพังทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลองโดยไม่มีข้อยกเว้น เพื่อให้ได้สิ่งเดียวที่มันรักมากที่สุดกลับคืนไป

หนังสัตว์ประหลาดฟอร์มยักษ์ที่ใช้เวลาสร้างนานถึง 5 ปี หนังเรื่องนี้มีการทุ่มทุนสร้างระหว่างจีน – ไทยและรวบรวมนักแสดงฝีมือดีเอาไว้คับคั่งเลยค่ะ แต่นั่นก็ยังไม่เด่นเท่า ‘ไทจู’ สัตว์ประหลาดที่ได้ จอร์ดู เชลล์ นักเทคนิคระดับโลกที่เคยสร้างผลงานไว้กับ Hellboy และ Avatar เข้ามาช่วยออกแบบและสร้างสัตว์ประหลาดสไตล์ไทยตัวนี้ขึ้น รวมไปถึงหนังเรื่องนี้ยังมีการใช้ CG ที่ค่อนข้างจะสมจริงและนำเสนอวิถีชีวิตชนบทอีสานได้อย่างกลมกลืน แต่น่าเสียดายที่บทและการตัดต่อยังไม่ไหลลื่นเท่าที่ควรทำให้คนดูอย่างเรายังรู้สึกขัด ๆ อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าหนังเรื่องนี้อีกหนึ่งก้าวที่ประสบความสำเร็จในด้านของการใช้ special effect เลยค่ะ
6. ใจฟูสตอรี่
ประเภท | โรแมนติก / ตลก |
ผู้กำกับ | พฤกษ์ เอมะรุจิ |
นักแสดงนำ | พชร จิราธิวัฒน์, ภัณฑิรา พิพิธยากร, ณัฏฐ์ กิจจริต และเอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา |
ความยาวหนัง | 100 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 11 สิงหาคม 2565 |
เรื่องราวของ เดี่ยว นักเขียนหนุ่มที่สมองกำลังตันสุด ๆ กับการต้องมาเขียนบทหนังรักที่ตัวเองไม่ถนัด แถมยังต้องหอบเอางานไปทำที่โรงพยาบาลพร้อม ๆ กับเฝ้าแม่ที่กำลังป่วยหนัก โดยบทที่เขาเขียนจะประกอบไปด้วยหนังรักจำนวน 4 เรื่อง
- เรื่องที่ 1 ความสัมพันธ์สุดวุ่นวายระหว่างนักไอทีหนุ่มว่างงานและสาวห้องตรงข้ามที่มีเงินเข้ามาเป็นเดิมพัน
- เรื่องที่ 2 ก็จะเป็นความรักของเด็กมัธยมปลายกับสาวข้างบ้านที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์
- เรื่องที่ 3 จะเป็นความสัมพันธ์แปลก ๆ ระหว่างสองไรเดอร์ที่มักจะพบเจอกันตามแยกไฟแดงอยู่บ่อย ๆ
- เรื่องสุดท้าย คือพนักงานกะดึกสุดห่วยที่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่กล้าบอกรักพยาบาลที่ตัวเองแอบชอบสักที และดูเหมือนจะมีเรื่องราวของคู่ใหม่เกิดขึ้นหลังเดี่ยวได้พบกับ บัว สาวปริศนาขี้สงสัยที่กลายมาเป็นพาร์ทเนอร์กันแบบงง ๆ

เนื้อหาของหนังจะบอกเล่าความสัมพันธ์ในหลาย ๆ รูปแบบหลายช่วงอายุทำให้กลุ่มเป้าหมายของหนังไม่ได้เฉพาะเจาะจงมากเกินไปนัก ในเรื่องของการถ่ายทำและฉากต่าง ๆ ค่อนข้างที่มีจะมีความเชื่อมโยงกันทำให้คนดูไม่สับสนแม้ว่าเนื้อเรื่องในแต่ละตอนแทบจะไม่เกี่ยวข้องกันเลยก็ตามค่ะ ส่วนเนื้อเรื่องไม่ซับซ้อน ดูเบาสมอง เดาทางของหนังได้ง่ายแต่ก็ทำให้เรารู้สึกอมยิ้มกับความน่ารักของความสัมพันธ์ของตัวละครที่ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมาอย่างเป็นลำดับ แต่ส่วนตัวเราก็แอบคิดว่าบทของหนังค่อนข้างจะมีความเบียวนิดหน่อยตรงที่ผู้ชายจะเป็นคนเดินเรื่องและเล่ารวมไปถึงเสียงในหัวของนักแสดงแทนที่จะแสดงออกทางภาษากาย แต่ก็เป็นหนังเบาสมองที่ดูน่ารักและเคมีของแต่ละคู่ก็ไม่ได้ขัดกันมากจนต้องขมวดคิ้ว
7. Leio ไลโอโคตรแย้
ประเภท | แอคชั่น / ผจญภัย / ระทึกขวัญ |
ผู้กำกับ | ชาลิต ไกรเลิศมงคล และ ชิตพล เรืองกัลป์ |
นักแสดงนำ | พิชญะ นิธิไพศาลกุล, ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ และณัฐชา เดอซูซ่า |
ความยาวหนัง | 109 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 28 กรกฎาคม 2565 |
หมู่บ้านทุ่งตะวันแยงกำลังประสพภัยแล้งอย่างหนักหน่วงทำให้ เก้า ตัดสินใจลงแข่งขันตามหาน้ำบาดาลเพื่อชิงเงินรางวัลที่มีจำนวนมากถึง 7 หลักโดยมี เจน และ โย เข้าร่วมเป็นสมาชิกในทีมด้วย แต่ใครจะรู้ว่าการแข่งขันที่น่าสนใจนี้กลับแฝงไปด้วยความเห็นแก่ตัวและความหน้าเลือดของนายทุน รวมไปถึงไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อนว่าพวกเขาจะเป็นคนปลุกสัตว์ประหลาดใต้ดินให้ตื่นจากการจำศีลและขึ้นมาจัดการกับทุกชีวิตที่ขวางหน้าอย่างไม่ปราณี

ไลโอโคตรแย้ยักษ์ถือว่าเป็นหนังสัตว์ประหลาดอีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนตั้งตารอ เนื่องจากหนังเรื่องนี้ได้ทีมผู้สร้าง CG จากนาคีและขุนแผนฟ้าฟื้นมาสรรค์สร้างให้แย้ยักษ์มีชีวิตชีวาและดูสมจริงปนน่ากลัวไปพร้อม ๆ กัน แต่ดูเหมือนว่าทีมผู้สร้างจะทุ่มเทให้กับแย้ยักษ์ที่เป็นตัวชูโรงของหนังมากไปหน่อยทำให้ตัวละครอื่น ๆ ที่เป็นคนจริง ๆ กลายเป็นตัวประกอบที่ไม่ได้น่าสนใจและไม่โดดเด่นมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นหนังสัตว์ประหลาดไทยอีกหนึ่งเรื่องที่ดูง่ายและไม่ซับซ้อน ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของวงการสัตว์ประหลาดไทย
8. บุพเพสันนิวาส 2 (Love Destiny The Movie)
ประเภท | โรแมนติก / ตลก / แฟนตาซี |
ผู้กำกับ | อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม |
นักแสดงนำ | ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ, ราณี แคมเปน และ พาริส อินทรโกมาลย์สุต |
ความยาวหนัง | 166 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 28 กรกฎาคม 2565 |
เมธัส จับพลัดจับผลูย้อนเวลากลับไปในกรุงรัตโกสินทร์ ที่นั่นเขาได้เรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่และได้เจอกับต้นตระกูลของตนเอง รวมไปถึงเจอ เกสร และ ภพ หลังจากเล่าเรื่องราวทุกอย่างเกสรรู้สึกสนใจในตัวเมธัสเป็นอย่างมากเนื่องจากเขามีลักษณะหลายอย่างตรงกับบันทึกของแม่หญิงการะเกด ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างเกสรและภพก็ดำเนินไปอย่างช้า ๆ อย่างน่าขัดใจ เมธัสจึงรับบทเป็นครูอาสาเป็นช่วยสอนภพจีบหญิง เรื่องราวดูเหมือนจะดีแต่แล้ววันหนึ่งพวกเขาก็ต้องร่วมมือกันปกป้องบ้านเมืองจากเงื้อมมือของนักล่าอาณานิคมที่รุกล้ำเข้ามาในแผ่นดินสยาม

ถึงชื่อเรื่องจะชวนให้เราคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นภาคต่อของละครทีวี แต่จริง ๆ แล้วเนื้อเรื่องไม่ได้ต่อเนื่องกันขนาดนั้น ถึงจะไม่ได้ดูเวอร์ชั่นละครก็สามารถเข้าใจเนื้อหาของหนังได้แบบไม่สับสน ส่วนตัวแล้วเราแอบคิดว่าตัวหนังค่อนข้างนานไปหน่อยและเนื้อหาไม่ได้แน่นมากนัก มีทั้งช่วงที่สนุกตื่นเต้นและช่วงน่าเบื่อเป็นช่วง ๆ ภาคนี้เนื้อเรื่องจะสลับกันเล็กน้อย อิงประวัติศาสตร์เบา ๆ เน้นดูเบาสมองและเซอร์วิสแฟน ๆ ที่ยังรู้สึกอินกับคู่พระนางระหว่าง โป๊ป ธนวรรธน์ และ เบลล่า ใครที่ชื่นชอบเวอร์ชั่นละครก็น่าจะอินกับเวอร์ชั่นนี้ได้ไม่ยาก ส่วนคนที่เพิ่งจะมาดูเวอร์ชั่นหนังก็น่าจะรู้สึกสนุกได้ไม่ยากเช่นกันค่ะ
9. แดง พระโขนง
ประเภท | ตลก / สยองขวัญ |
ผู้กำกับ | วัชรพงษ์ ปัทมะ และ เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์ |
นักแสดงนำ | เมลิค เอเฟ่ ไอย์กูน, มาชิดา สุทธิกุลพานิช และ ภูวรักษ์ คำสิงห์ |
ความยาวหนัง | 97 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 31 มีนาคม 2565 |
เรื่องราวของเด็กชายที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แดง เด็กชายผู้โดดเดี่ยวในหมู่บ้านทุ่งพระโขนง หลังจากเสียพ่อและแม่ไปแดงเติบโตขึ้นมาด้วยการเลี้ยงดูแบบกล้า ๆ กลัว ๆ ของคนในหมู่บ้าน แต่นั่นก็ทำให้แดงรู้สึกว่าตัวเขาเองไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นมากนัก เขามีกลุ่มเพื่อน มีผู้ใหญ่คอยแนะแนวทาง รวมไปถึงมีคนที่ทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยตามประสาเด็ก แต่แล้วเรื่องราวก็เปลี่ยนไปเมื่อเพื่อน ๆ เริ่มสงสัยและหาสารพัดวิธีเพื่อพิสูจน์ว่าเพื่อนที่เห็นหน้าค่าตากันอยู่ทุกวันเป็นคนหรือผี ประกอบกับมีกลุ่มหมอผีหวังเข้ามาหาประโยชน์จากความหวาดกลัวของชาวบ้าน ทำให้แดงต้องเปิดเผยตัวตนและแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เพื่อน ๆ ได้เห็น

หนังเรื่องนี้น่าสนใจตรงที่ผู้เขียนบทเลือกที่จะเล่าเรื่องราวของแดง เด็กที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลังและแทบจะไม่มีใครใส่ใจหรือนึกถึงเขาเลยด้วยซ้ำ หนังเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของเด็กที่มีความบริสุทธิ์ เนื้อหาอาจจะไม่น่ากลัวมากนักเพราะเน้นความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อน แต่ถึงอย่างนั้น CG และเทคนิคการถ่ายทำในบางฉากถือว่าทำได้ออกมาค่อนข้างดี มีดาราตลกร่วมแสดงค่อนข้างคับคั่ง แต่น่าเสียดายที่หนังเรื่องนี้ใส่มุกตลกมาเยอะเกินไปหน่อย ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการล้อเลียนรูปร่างหน้าตาและบูลลี่ปมด้อยของตัวละคร จริงอยู่ที่มุกเหล่านี้อาจจะถูกใจคนบางกลุ่ม แต่สำหรับคนรุ่นใหม่อาจจะไม่ได้รู้สึกขำและอาจส่งผลต่อทัศนคติต่อหนังไทยไปเลยก็ได้ค่ะ
10. วันสุดท้าย…ก่อนบายเธอ (One For The Road)
ประเภท | ดราม่า |
ผู้กำกับ | นัฐวุฒิ พูนพิริยะ |
นักแสดงนำ | ธนภพ ลีรัตนขจร, ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์, ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง และ วิโอเลต วอเทียร์ |
ความยาวหนัง | 136 นาที |
ปีที่ออกอากาศ | 10 กุมภาพันธ์ 2565 |
บอส นักธุรกิจหนุ่มต้องบินกลับไทยเพื่อมาเจอกับ อู๊ด เพื่อนเก่าแก่ที่ห่างหายกันไปนาน และเขาก็ได้รู้ความจริงว่าเพื่อนรักของเขากำลังป่วยเป็นโรคร้ายและต้องการจัดทริปขอโทษแฟนเก่า ทำให้ทั้งคู่ต้องออกเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อทำภารกิจสุดท้ายของเพื่อนของเพื่อนรักให้สำเร็จ และถนนก็เริ่มขรุขระขึ้นเมื่อทั้งคู่เริ่มแตกแยกทางความคิด ความจริงที่บอสได้รับรู้และสิ่งที่อู๊ดเก็บงำไว้ในใจมาเนิ่นนานอาจทำให้ทั้งคู่ต้องตัดสินใจเมื่อถึงทางแยก

แรกเริ่มเดิมทีเหมือนว่าหนังจะเล่าเรื่องราวชีวิตของอู๊ดที่อยากปลดปล่อยทุกอย่างออกจากบ่าและลาโลกนี้ไปอย่างสงบ แต่เมื่อถึงจุดแตกหักพล็อตหนังก็เปลี่ยนมาเล่าเรื่องราวของบอสแทนซึ่งมีความเข้มข้นไม่ต่างกัน แถมอู๊ดก็ยังเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ชีวิตของบอสเปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ บอกเลยหว่านังเรื่องนี้ค่อนข้างที่จะดราม่าและกระแทกใจสุด ๆ ค่ะ ยิ่งได้ต่อ ธนภพ, ไอซ์สึ และวี วิโอเล็ตมารับบทนำก็ยิ่งทำให้หนังน่าติดตามและตัวละครสามารถถ่ายทอดซีนอารมณ์ออกมาได้ดีสุด ๆ รวมไปถึงการใช้ค็อกเทลเข้ามาช่วยเล่าเรืองก็ยิ่งทำให้หนังเรื่องนี้แปลกใหม่มากขึ้นอีกด้วย
บทส่งท้าย
และทั้งหมดนี้ก็คือหนังไทยทั้ง 10 เรื่องที่เราหยิบมาแนะนำในบทความนี้ค่ะ มีทั้งเรื่องที่เข้าโรงภาพยนต์ไปแล้วและเรื่องที่กำลังต่อคิวเลยนะคะ ส่วนตัวแล้วเราแอบคิดว่าปีนี้เป็นปีของสัตว์ประหลาดและหนังผีหรือเปล่า เพราะดูเหมือนหนังไทยหลาย ๆ เรื่องจะหันมาทางนี้ซะเยอะ ส่วนหนังตลกก็พอมีให้ขำกันมาเรื่อย ๆ ตามประสาคนไทยอารมณ์ดี นอกจากนี้หนังอีกหนึ่งประเภทที่เราอยากเชียร์ให้ทุกคนได้ลองก็คือหนังแนวอาชญากรรมหรือหนังที่ดูซับซ้อนซ่อนเงื่อน เราคิดว่าเดี๋ยวนี้ค่ายหนังไทยทำหนังแนวนี้ออกมาได้น่าสนุกและน่าติดตามเลยทีเดียวค่ะ
สุดท้ายนี้ใครอยากลองเปลี่ยนรสชาติเปลี่ยนแนวหนัง หรืออยากอ่านรีวิวซีรีส์ใหม่ ๆ ดัง ๆ ก็สามารถกดอ่านได้จากบทความในเว็บไซต์ของเราได้เช่นเดียวกันนะคะ ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ยอดฮิตอย่าง Big Mouth, อูยองอู ทนายอัจฉริยะ, ซีรีส์จีนของรักของข้า, อวลกลิ่นละอองรัก, ดาราจักร รักลำนำใจ หรือจะเป็นเรื่องเทียบท้าปฐพีก็มีรีวิวสนุก ๆ ให้ได้อ่านกันค่ะ