หนังไทยเข้าโรงภาพยนตร์ ปี 2022 มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ วันนี้บทความรีวิวหนังสนุก ๆ กลับมาอีกแล้ว เรากลับมาพร้อมกับ “รีวิวหนังไทย ปี 2565 ที่เข้าฉายในโรงภาพยนต์” ซึ่งก็ถือว่าห่างหายกันไปนานทีเดียวเลยค่ะกับการรีวิวหนังไทย เนื่องจากก่อนหน้านี้เรารู้สึกว่าหนังไทยส่วนใหญ่มักจะมีแต่พล็อตเดิม ๆ เดาทางเนื้อเรื่องได้ค่อนข้างง่ายทำให้ความสนุกของการรับชมน้อยลงไปด้วยค่ะ ยิ่งเมื่อนำมาเทียบกับค่ายหนังฟอร์มยักษ์ทางฝั่งฮอลลีวูดหรือแม้แต่บอลลีวูดก็ยิ่งทำให้หนังไทยดูน่าติดตามน้อยลงไปอีกค่ะ และขอบอกด้วยความสัตย์จริงว่าสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ให้เราไม่ค่อยจะหยิบยกเอาหนังไทยมาดูและเขียนรีวิวสักเท่าไหร่นัก

แต่ตอนนี้ถือว่าวงการหนังไทยกำลังอยู่ในช่วงกำลังพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการถ่ายทำ, นักแสดงหน้าใหม่ที่มาพร้อมความสามารถแบบล้นเหลือ, พล็อตเรื่องที่มีความซับซ้อน น่าติดตาม และทำให้เรารู้สึกสนุกมากขึ้น หรือแม้แต่สเปเชียลเอฟฟเคต์ต่าง ๆ ก็มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เทียบเท่าค่ายหนังฟอร์มยักษ์ในต่างประเทศเลยก็ว่าได้ค่ะ และสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้เรารู้สึกว่าวงการหนังไทยได้ก้าวข้ามไปอีกหลายขั้น และทำให้เรากลับมาเปิดใจให้หนังไทยอีกครั้งไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วเราจึงถือโอกาสนี้มาอัพเดตหนังไทย 10 เรื่องที่น่าสนใจที่มีการเข้าฉายในโรงภาพยนต์ในปี 2565 นี้ค่ะ จะมีเรื่องไหนน่าสนใจบ้างเรามาดูกันเลยดีกว่า

1. มายาพิศวง (Six Characters)

ประเภท ดราม่า / ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล
นักแสดงนำ แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ, บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์, แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์, มาริโอ้ เมาเร่อ และ แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์
ความยาวหนัง 127 นาที
ปีที่ออกอากาศ 15 กันยายน 2565

มายาพิศวงเป็นการหวนคืนสู่วงการหนังอีกครั้งของหม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ผู้กำกับมือทองที่ฝากผลงานหนังไทยเอาไว้มากมายค่ะ สำหรับเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจและดัดแปลงเนื้อเรื่องมาจากละครเรื่อง ‘Six Characters in Search of an Author’ ของ Luigi Pirandello นักประพันธ์ชาวอิตาลีเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมค่ะ เนื้อเรื่องจะเป็นเรื่องราวของตัวละคร 6 ตัวที่มีชีวิตขึ้นมาหลังจากผู้ประพันธ์เสียชีวิตทั้ง ๆ ที่ยังหาบทสรุปของพวกเขาไม่ได้ เขาทั้ง 6 จึงต้องออกตามหานักประพันธ์คนใหม่เพื่อหวังให้เรื่องราวชีวิตของพวกเขามีตอนจบเหมือนเรื่องที่ผ่าน ๆ มา ความขัดแย้ง, โศกนาฏกรรม และเรื่องราวชวนระทึกขวัญก็เริ่มต้นขึ้นหลังพวกเขาได้เจอกับผู้กำกับหนุ่มคนหนึ่ง

มายาพิศวง (Six Characters)
มายาพิศวง (Six Characters)

บอกเลยว่าเรื่องนี้เป็นหนังที่ให้กลิ่นอายของละครเวทีแนวพีเรียดสุด ๆ ค่ะ เนื้อเรื่องค่อนข้างที่จะมีความซับซ้อนและท้าทายคนดู ถือว่าเป็นลูกเล่นใหม่ ๆ ที่เราเจอไม่บ่อยมากนัก ส่วนตัวเรารู้สึกว่าภาษาและบทของนักแสดงค่อนข้างที่จะมีความสวยงาม ดูสละสลวย บวกกับความสามารถของนักแสดงมากประสบการณ์อย่างแพนเค้ก เขมนิจ, มาริโอ้ เมาเร่อ, แอฟ ทักษอร และนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง รัดเกล้า อามระดิษ และ ศักราช ฤกษ์ธำรง ก็ยิ่งการันตีคุณภาพและทำให้หนังเรื่องนี้น่าจับตามองมากขึ้นค่ะ ใครเป็นคอละครพีเรียดหรือคอละครเวทีไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้เลย

ทางเราต้องขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของหม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล หรือหม่อมน้อย ที่ได้จากโลกนี้ไปในวัย 69 ปีในวันเดียวกันกับที่หนังเรื่องนี้เข้าฉายในโรงภาพยนต์ เป็นวันแรก หม่อมน้อยเป็นครูสอนการแสดงและเป็นผู้กำกับฝีมือดีคนแรก ๆ ที่ทำให้หนังและละครไทยเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยม รวมถึงเป็นคนปลุกปั้นสร้างชื่อเสียงให้กับนักแสดงรุ่นใหญ่อีกหลาย ๆ ท่าน ซึ่งมายาพิศวงถือว่าเป็นหนังเรื่องสุดท้ายที่หม่อมน้อยได้โชว์ฝีมือการเขียนบทและการกำกับการแสดงอย่างเต็มที่และสมบูรณ์แบบ เป็นหนังเรื่องสุดท้ายที่โดดเด่นและน่าจดจำมากที่สุดค่ะ


2. Love เลย 101

ประเภท ตลก / โรแมนติก
ผู้กำกับ วัชรพงษ์ ปัทมะ
นักแสดงนำ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา, ดาราภัช ทวีนันท์ และสมรักษ์ คำสิงห์
ความยาวหนัง 92 นาที
ปีที่ออกอากาศ 8 กันยายน 2565

เรื่องราวความรักระหว่างดาบตำรวจหนุ่ม (เหลือน้อย) กับเด็กมัธยมสาวที่มีอายุห่างกันกว่า 30 ปี ความรักครั้งนี้ของพวกเขาตั้งอยู่บนกฏเกณฑ์และการจับตามองของสังคม ทั้งในด้านของอายุ, ฐานะ และหน้าที่การงานที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ดูเหมือนว่าอุปสรรคเหล่านี้ก็ยังไม่อาจหยุดยั้งหัวใจของทั้งคู่ได้ ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต้องไปรับชมในโรงภาพยนตร์ค่ะ

Love เลย 101
Love เลย 101

หนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมากจากกระแสบนโลกโซเชียลที่มีข่าวเกี่ยวกับรักต่างวัยให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ หม่ำ จ๊กมกจึงหยิบเราเรื่องราวเหล่านี้มาขยายและถ่ายทอดเป็นหนังรักแนวตลกที่ตนเองถนัด พร้อมทั้งตั้งคำถามของสังคมเข้าไปในเนื้อเรื่องว่าความรักระหว่างเด็กและผู้ใหญ่นี่มันจะเป็นไปได้จริง ๆ เหรอ? มันเป็นรักแท้หรือเป็นเพียงความรู้สึกฉาบฉวยแค่ช่วงเวลาหนึ่งกันแน่น? แต่ถึงอย่างไรก็ตามเนื่อเรื่องค่อนข้างที่จะเบาสมอง สอดแทรกมุกตลกมาแบบพอดี ๆ และมีเสียงเพลงของพี่เป้า สายันห์ สัญญา เป็นแบคกราวด์ในหลาย ๆ ฉากทำให้หนังเรื่องนี้ค่อนไปทางมิวสิคัลเล็กน้อยและเต็มไปด้วยความใสซื่อสไตล์หนุ่มสาวบ้านนา ที่สำคัญหนังเรื่องนี้ยังมีเวอร์ชั่นพากย์เสียงภาษาใต้อีกด้วยค่ะ


3. อาชญาเกม (The Up Rank)

ประเภท ดราม่า / อาชญกรรม
ผู้กำกับ กัลป์ กัลย์จาฤก และ วทัญญู อิงควิวัฒน์
นักแสดงนำ ภูมิภัทร ถาวรศิริ, กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์, กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา และ สุดารัตน์ ผุงศิริ
ความยาวหนัง 103 นาที
ปีที่ออกอากาศ 1 กันยายน 2565

อาชญาเกมเป็นหนังที่ตีแผ่ด้านมืดของวงการเกมที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน นั่นก็คือการรับจ้างอัพแรงค์หรือปั๊มแรงค์ที่จะทำให้ตัวผู้เล่นมีระดับที่สูงขึ้น ถึงการปั๊มแรงค์จะผิดกฎเกมแต่เนื่องจากไม่ผิดกฎหมาย ดังนั้น โฮม จึงใช้ช่องโหว่นี้สร้างธุรกิจมืดขึ้นและชักชวน ยู, พีท และ ทอย มาทำงานร่วมกัน หลังประสบความสำเร็จได้ไม่นานโฮมก็เริ่มมีความทะเยอทะยานมากขึ้น ผิดกับอีกสามคนที่อยากจะลาออกจากวงการนี้เต็มที ทำให้โฮมต้องจี้จุดอ่อนและบังคับให้พวกเขาต้องทำงานต่อไป ขณะเดียวกันปัญหาระหว่างพวกเขาก็เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะควบคุมไม่อยู่

อาชญาเกม (The Up Rank)
อาชญาเกม (The Up Rank)

นอกจากจะตีแผ่ชีวิตของเกมเมอร์แล้วเราคิดว่าหนังเรื่องนี้ยังแต่แผ่ความจริงอีกหลาย ๆ มุมของสังคมไทยผ่านปมปัญหาของตัวละครต่าง ๆ เนื้อเรื่องค่อนข้างที่จะมีเหตุผล ไม่น่าเบื่อหรือดูยืดยาดจนเกินไป เข้าถึงความเป็นเกมเมอร์ได้ดีเพราะเดี๋ยวนี้เกมกลายเป็นที่นิยมมากขึ้น และการรับจ้างอัพแรงค์ก็เป็นอาชีพที่มีอยู่จริงในสังคม แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ลงลึกเรื่องของเกมมากจนคนที่ไม่อินกับเกมรู้สึกเบื่อ ทั้งเทคนิคการถ่ายทำและแสงเงาของหนังก็ดูเป็นโทนเดียวกัน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือประเด็นที่หนังต้องการสื่อมันทำให้เราได้กลับมาคิดว่าจริง ๆ แล้วสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมายแต่ผิดกฎศีลธรรมนั้นสมควรทำและมีควรรู้สึกผิดกับมันหรือไม่?


4. เสียง (ไม่) เงียบ (Voices of the New Gen)

ประเภท ทริลเลอร์ / ดราม่า / ตีแผ่สังคม
ผู้กำกับ กันตาภัทร พุทธสุวรรณ, กุลพัทธ์ เอมมาโนชญ์, ฐามุยา ทัศนานุกุลกิจ และปัญญา ชู
นักแสดงนำ ไม่ระบุ
ความยาวหนัง 130 นาที
ปีที่ออกอากาศ 25 สิงหาคม 2565

เสียง (ไม่) เงียบเป็นหนังสั้น 4 เรื่องจากผู้กำกับ 4 ท่านค่ะ แต่ละเรื่องราวจะถ่ายทอดถึงวิถีชีวิตและสะท้อนสภาพสังคมไทยออกมาได้ตรงไปตรงมาและตรงกับความเป็นจริงสุด ๆ

  • เรื่องแรก เกี่ยวกับชนชั้นอาวุโสและการถูกลดทอนความเป็นมนุษย์ของทหารใหม่นายหนึ่ง
  • เรื่องที่ 2 จะเกี่ยวกับการออกมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของเยาวชนรุ่นใหม่และความขัดแย้งทางอุดมการณ์
  • เรื่องที่ 3 จะเป็นการถ่ายทอดชีวิตของครอบครัวหนึ่งที่ต้องอยู่กับความหวังและความโหยหาหลังเสาหลักของครอบครัวหายตัวไปอย่างปริศนาจากเหตุการณ์ทางการเมือง
  • เรื่องสุดท้าย จะย้อนกลับไปในยุคที่หนังสือพิมพ์เป็นสื่อใหญ่และมีอิทธิพลค่อนข้างสูง และการขุดคุ้ยค้นหาอดีตของนักเขียนที่กำลังจะโดนไล่ออกก็เหมือนการถกพรมที่ปูทับความโสมมของอำนาจมืดให้ถูกเปิดเผยออกมา
เสียง (ไม่) เงียบ (Voices of the New Gen)
เสียง (ไม่) เงียบ (Voices of the New Gen)

หนังสั้น 4 เรื่องจากฝีมือกำกับของนักศึกษาจาก 4 สถาบันของไทย และทั้ง 4 เรื่องก็ได้รับการแนะนำจากกระทรางวัฒนธรรมค่ะ ส่วนตัวแล้วเราคิดว่าเนื้อหาของหนังเล่าได้ตรงประเด็นเกี่ยวกับการเมืองในไทยตอนนี้ สำหรับคนที่กำลังอินกับข่าวสารบ้านเมืองในสมัยนี้อาจจะเข้าถึงและอินตามไปกับหนังได้ง่าย ขณะเดียวกันหนังก็อาจจะทำให้คนที่ไม่ยอมรับความจริงอึดอัดและรู้สึกจุกกับความจริงในสังคมไทยได้ดีเลยทีเดียวค่ะ ในส่วนของเนื้อหาเข้มข้น การถ่ายทำและฉากต่าง ๆ ทำออกมาได้ค่อนข้างดี


5. บึงกาฬ (The Lake)

ประเภท แอคชั่น / ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ ลี ทองคำ
นักแสดงนำ ธีรภัทร์ สัจจกุล, สุชาร์ มานะยิ่ง, วิทยา ปานศรีงาม และลำไย ไหทองคำ
ความยาวหนัง 105 นาที
ปีที่ออกอากาศ 18 สิงหาคม 2565

เรื่องราวเกิดขึ้นในจังหวัดบึงกาฬ ประเทศไทย หลัง เมย์ บังเอิญไปเจอไข่ขนาดใหญ่ใบหนึ่งและรู้สึกผูกพันธ์กับมันอย่างน่าประหลาดโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าหายนะกำลังคืบคลานเข้ามาอย่างช้า ๆ และเมื่อมาถึงมันก็พร้อมที่จะพังทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลองโดยไม่มีข้อยกเว้น เพื่อให้ได้สิ่งเดียวที่มันรักมากที่สุดกลับคืนไป

บึงกาฬ (The Lake)
บึงกาฬ (The Lake)

หนังสัตว์ประหลาดฟอร์มยักษ์ที่ใช้เวลาสร้างนานถึง 5 ปี หนังเรื่องนี้มีการทุ่มทุนสร้างระหว่างจีน – ไทยและรวบรวมนักแสดงฝีมือดีเอาไว้คับคั่งเลยค่ะ แต่นั่นก็ยังไม่เด่นเท่า ‘ไทจู’ สัตว์ประหลาดที่ได้ จอร์ดู เชลล์ นักเทคนิคระดับโลกที่เคยสร้างผลงานไว้กับ Hellboy และ Avatar เข้ามาช่วยออกแบบและสร้างสัตว์ประหลาดสไตล์ไทยตัวนี้ขึ้น รวมไปถึงหนังเรื่องนี้ยังมีการใช้ CG ที่ค่อนข้างจะสมจริงและนำเสนอวิถีชีวิตชนบทอีสานได้อย่างกลมกลืน แต่น่าเสียดายที่บทและการตัดต่อยังไม่ไหลลื่นเท่าที่ควรทำให้คนดูอย่างเรายังรู้สึกขัด ๆ อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าหนังเรื่องนี้อีกหนึ่งก้าวที่ประสบความสำเร็จในด้านของการใช้ special effect เลยค่ะ

สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้

6. ใจฟูสตอรี่

ประเภท โรแมนติก / ตลก
ผู้กำกับ พฤกษ์ เอมะรุจิ
นักแสดงนำ พชร จิราธิวัฒน์, ภัณฑิรา พิพิธยากร, ณัฏฐ์ กิจจริต และเอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา
ความยาวหนัง 100 นาที
ปีที่ออกอากาศ 11 สิงหาคม 2565

เรื่องราวของ เดี่ยว นักเขียนหนุ่มที่สมองกำลังตันสุด ๆ กับการต้องมาเขียนบทหนังรักที่ตัวเองไม่ถนัด แถมยังต้องหอบเอางานไปทำที่โรงพยาบาลพร้อม ๆ กับเฝ้าแม่ที่กำลังป่วยหนัก โดยบทที่เขาเขียนจะประกอบไปด้วยหนังรักจำนวน 4 เรื่อง

  • เรื่องที่ 1 ความสัมพันธ์สุดวุ่นวายระหว่างนักไอทีหนุ่มว่างงานและสาวห้องตรงข้ามที่มีเงินเข้ามาเป็นเดิมพัน
  • เรื่องที่ 2 ก็จะเป็นความรักของเด็กมัธยมปลายกับสาวข้างบ้านที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์
  • เรื่องที่ 3 จะเป็นความสัมพันธ์แปลก ๆ ระหว่างสองไรเดอร์ที่มักจะพบเจอกันตามแยกไฟแดงอยู่บ่อย ๆ
  • เรื่องสุดท้าย คือพนักงานกะดึกสุดห่วยที่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่กล้าบอกรักพยาบาลที่ตัวเองแอบชอบสักที และดูเหมือนจะมีเรื่องราวของคู่ใหม่เกิดขึ้นหลังเดี่ยวได้พบกับ บัว สาวปริศนาขี้สงสัยที่กลายมาเป็นพาร์ทเนอร์กันแบบงง ๆ
ใจฟูสตอรี่
ใจฟูสตอรี่

เนื้อหาของหนังจะบอกเล่าความสัมพันธ์ในหลาย ๆ รูปแบบหลายช่วงอายุทำให้กลุ่มเป้าหมายของหนังไม่ได้เฉพาะเจาะจงมากเกินไปนัก ในเรื่องของการถ่ายทำและฉากต่าง ๆ ค่อนข้างที่มีจะมีความเชื่อมโยงกันทำให้คนดูไม่สับสนแม้ว่าเนื้อเรื่องในแต่ละตอนแทบจะไม่เกี่ยวข้องกันเลยก็ตามค่ะ ส่วนเนื้อเรื่องไม่ซับซ้อน ดูเบาสมอง เดาทางของหนังได้ง่ายแต่ก็ทำให้เรารู้สึกอมยิ้มกับความน่ารักของความสัมพันธ์ของตัวละครที่ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมาอย่างเป็นลำดับ แต่ส่วนตัวเราก็แอบคิดว่าบทของหนังค่อนข้างจะมีความเบียวนิดหน่อยตรงที่ผู้ชายจะเป็นคนเดินเรื่องและเล่ารวมไปถึงเสียงในหัวของนักแสดงแทนที่จะแสดงออกทางภาษากาย แต่ก็เป็นหนังเบาสมองที่ดูน่ารักและเคมีของแต่ละคู่ก็ไม่ได้ขัดกันมากจนต้องขมวดคิ้ว


7. Leio ไลโอโคตรแย้

ประเภท แอคชั่น / ผจญภัย / ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ ชาลิต ไกรเลิศมงคล และ ชิตพล เรืองกัลป์
นักแสดงนำ พิชญะ นิธิไพศาลกุล, ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ และณัฐชา เดอซูซ่า
ความยาวหนัง 109 นาที
ปีที่ออกอากาศ 28 กรกฎาคม 2565

หมู่บ้านทุ่งตะวันแยงกำลังประสพภัยแล้งอย่างหนักหน่วงทำให้ เก้า ตัดสินใจลงแข่งขันตามหาน้ำบาดาลเพื่อชิงเงินรางวัลที่มีจำนวนมากถึง 7 หลักโดยมี เจน และ โย เข้าร่วมเป็นสมาชิกในทีมด้วย แต่ใครจะรู้ว่าการแข่งขันที่น่าสนใจนี้กลับแฝงไปด้วยความเห็นแก่ตัวและความหน้าเลือดของนายทุน รวมไปถึงไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อนว่าพวกเขาจะเป็นคนปลุกสัตว์ประหลาดใต้ดินให้ตื่นจากการจำศีลและขึ้นมาจัดการกับทุกชีวิตที่ขวางหน้าอย่างไม่ปราณี

Leio ไลโอโคตรแย้
Leio ไลโอโคตรแย้

ไลโอโคตรแย้ยักษ์ถือว่าเป็นหนังสัตว์ประหลาดอีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนตั้งตารอ เนื่องจากหนังเรื่องนี้ได้ทีมผู้สร้าง CG จากนาคีและขุนแผนฟ้าฟื้นมาสรรค์สร้างให้แย้ยักษ์มีชีวิตชีวาและดูสมจริงปนน่ากลัวไปพร้อม ๆ กัน แต่ดูเหมือนว่าทีมผู้สร้างจะทุ่มเทให้กับแย้ยักษ์ที่เป็นตัวชูโรงของหนังมากไปหน่อยทำให้ตัวละครอื่น ๆ ที่เป็นคนจริง ๆ กลายเป็นตัวประกอบที่ไม่ได้น่าสนใจและไม่โดดเด่นมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นหนังสัตว์ประหลาดไทยอีกหนึ่งเรื่องที่ดูง่ายและไม่ซับซ้อน ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของวงการสัตว์ประหลาดไทย


8. บุพเพสันนิวาส 2 (Love Destiny The Movie)

ประเภท โรแมนติก / ตลก / แฟนตาซี
ผู้กำกับ อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม
นักแสดงนำ ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ, ราณี แคมเปน และ พาริส อินทรโกมาลย์สุต
ความยาวหนัง 166 นาที
ปีที่ออกอากาศ 28 กรกฎาคม 2565

เมธัส จับพลัดจับผลูย้อนเวลากลับไปในกรุงรัตโกสินทร์ ที่นั่นเขาได้เรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่และได้เจอกับต้นตระกูลของตนเอง รวมไปถึงเจอ เกสร และ ภพ หลังจากเล่าเรื่องราวทุกอย่างเกสรรู้สึกสนใจในตัวเมธัสเป็นอย่างมากเนื่องจากเขามีลักษณะหลายอย่างตรงกับบันทึกของแม่หญิงการะเกด ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างเกสรและภพก็ดำเนินไปอย่างช้า ๆ อย่างน่าขัดใจ เมธัสจึงรับบทเป็นครูอาสาเป็นช่วยสอนภพจีบหญิง เรื่องราวดูเหมือนจะดีแต่แล้ววันหนึ่งพวกเขาก็ต้องร่วมมือกันปกป้องบ้านเมืองจากเงื้อมมือของนักล่าอาณานิคมที่รุกล้ำเข้ามาในแผ่นดินสยาม

บุพเพสันนิวาส 2 (Love Destiny The Movie)
บุพเพสันนิวาส 2 (Love Destiny The Movie)

ถึงชื่อเรื่องจะชวนให้เราคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นภาคต่อของละครทีวี แต่จริง ๆ แล้วเนื้อเรื่องไม่ได้ต่อเนื่องกันขนาดนั้น ถึงจะไม่ได้ดูเวอร์ชั่นละครก็สามารถเข้าใจเนื้อหาของหนังได้แบบไม่สับสน ส่วนตัวแล้วเราแอบคิดว่าตัวหนังค่อนข้างนานไปหน่อยและเนื้อหาไม่ได้แน่นมากนัก มีทั้งช่วงที่สนุกตื่นเต้นและช่วงน่าเบื่อเป็นช่วง ๆ ภาคนี้เนื้อเรื่องจะสลับกันเล็กน้อย อิงประวัติศาสตร์เบา ๆ เน้นดูเบาสมองและเซอร์วิสแฟน ๆ ที่ยังรู้สึกอินกับคู่พระนางระหว่าง โป๊ป ธนวรรธน์ และ เบลล่า ใครที่ชื่นชอบเวอร์ชั่นละครก็น่าจะอินกับเวอร์ชั่นนี้ได้ไม่ยาก ส่วนคนที่เพิ่งจะมาดูเวอร์ชั่นหนังก็น่าจะรู้สึกสนุกได้ไม่ยากเช่นกันค่ะ


9. แดง พระโขนง

ประเภท ตลก / สยองขวัญ
ผู้กำกับ วัชรพงษ์ ปัทมะ และ เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์
นักแสดงนำ เมลิค เอเฟ่ ไอย์กูน, มาชิดา สุทธิกุลพานิช และ ภูวรักษ์ คำสิงห์
ความยาวหนัง 97 นาที
ปีที่ออกอากาศ 31 มีนาคม 2565

เรื่องราวของเด็กชายที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แดง เด็กชายผู้โดดเดี่ยวในหมู่บ้านทุ่งพระโขนง หลังจากเสียพ่อและแม่ไปแดงเติบโตขึ้นมาด้วยการเลี้ยงดูแบบกล้า ๆ กลัว ๆ ของคนในหมู่บ้าน แต่นั่นก็ทำให้แดงรู้สึกว่าตัวเขาเองไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นมากนัก เขามีกลุ่มเพื่อน มีผู้ใหญ่คอยแนะแนวทาง รวมไปถึงมีคนที่ทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยตามประสาเด็ก แต่แล้วเรื่องราวก็เปลี่ยนไปเมื่อเพื่อน ๆ เริ่มสงสัยและหาสารพัดวิธีเพื่อพิสูจน์ว่าเพื่อนที่เห็นหน้าค่าตากันอยู่ทุกวันเป็นคนหรือผี ประกอบกับมีกลุ่มหมอผีหวังเข้ามาหาประโยชน์จากความหวาดกลัวของชาวบ้าน ทำให้แดงต้องเปิดเผยตัวตนและแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เพื่อน ๆ ได้เห็น

แดง พระโขนง
แดง พระโขนง

หนังเรื่องนี้น่าสนใจตรงที่ผู้เขียนบทเลือกที่จะเล่าเรื่องราวของแดง เด็กที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลังและแทบจะไม่มีใครใส่ใจหรือนึกถึงเขาเลยด้วยซ้ำ หนังเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของเด็กที่มีความบริสุทธิ์ เนื้อหาอาจจะไม่น่ากลัวมากนักเพราะเน้นความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อน แต่ถึงอย่างนั้น CG และเทคนิคการถ่ายทำในบางฉากถือว่าทำได้ออกมาค่อนข้างดี มีดาราตลกร่วมแสดงค่อนข้างคับคั่ง แต่น่าเสียดายที่หนังเรื่องนี้ใส่มุกตลกมาเยอะเกินไปหน่อย ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการล้อเลียนรูปร่างหน้าตาและบูลลี่ปมด้อยของตัวละคร จริงอยู่ที่มุกเหล่านี้อาจจะถูกใจคนบางกลุ่ม แต่สำหรับคนรุ่นใหม่อาจจะไม่ได้รู้สึกขำและอาจส่งผลต่อทัศนคติต่อหนังไทยไปเลยก็ได้ค่ะ


10. วันสุดท้าย…ก่อนบายเธอ (One For The Road)

ประเภท ดราม่า
ผู้กำกับ นัฐวุฒิ พูนพิริยะ
นักแสดงนำ ธนภพ ลีรัตนขจร, ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์, ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง และ วิโอเลต วอเทียร์
ความยาวหนัง 136 นาที
ปีที่ออกอากาศ 10 กุมภาพันธ์ 2565

บอส นักธุรกิจหนุ่มต้องบินกลับไทยเพื่อมาเจอกับ อู๊ด เพื่อนเก่าแก่ที่ห่างหายกันไปนาน และเขาก็ได้รู้ความจริงว่าเพื่อนรักของเขากำลังป่วยเป็นโรคร้ายและต้องการจัดทริปขอโทษแฟนเก่า ทำให้ทั้งคู่ต้องออกเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อทำภารกิจสุดท้ายของเพื่อนของเพื่อนรักให้สำเร็จ และถนนก็เริ่มขรุขระขึ้นเมื่อทั้งคู่เริ่มแตกแยกทางความคิด ความจริงที่บอสได้รับรู้และสิ่งที่อู๊ดเก็บงำไว้ในใจมาเนิ่นนานอาจทำให้ทั้งคู่ต้องตัดสินใจเมื่อถึงทางแยก

วันสุดท้าย…ก่อนบายเธอ (One For The Road)
วันสุดท้าย…ก่อนบายเธอ (One For The Road)

แรกเริ่มเดิมทีเหมือนว่าหนังจะเล่าเรื่องราวชีวิตของอู๊ดที่อยากปลดปล่อยทุกอย่างออกจากบ่าและลาโลกนี้ไปอย่างสงบ แต่เมื่อถึงจุดแตกหักพล็อตหนังก็เปลี่ยนมาเล่าเรื่องราวของบอสแทนซึ่งมีความเข้มข้นไม่ต่างกัน แถมอู๊ดก็ยังเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ชีวิตของบอสเปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ บอกเลยหว่านังเรื่องนี้ค่อนข้างที่จะดราม่าและกระแทกใจสุด ๆ ค่ะ ยิ่งได้ต่อ ธนภพ, ไอซ์สึ และวี วิโอเล็ตมารับบทนำก็ยิ่งทำให้หนังน่าติดตามและตัวละครสามารถถ่ายทอดซีนอารมณ์ออกมาได้ดีสุด ๆ รวมไปถึงการใช้ค็อกเทลเข้ามาช่วยเล่าเรืองก็ยิ่งทำให้หนังเรื่องนี้แปลกใหม่มากขึ้นอีกด้วย


บทส่งท้าย

และทั้งหมดนี้ก็คือหนังไทยทั้ง 10 เรื่องที่เราหยิบมาแนะนำในบทความนี้ค่ะ มีทั้งเรื่องที่เข้าโรงภาพยนต์ไปแล้วและเรื่องที่กำลังต่อคิวเลยนะคะ ส่วนตัวแล้วเราแอบคิดว่าปีนี้เป็นปีของสัตว์ประหลาดและหนังผีหรือเปล่า เพราะดูเหมือนหนังไทยหลาย ๆ เรื่องจะหันมาทางนี้ซะเยอะ ส่วนหนังตลกก็พอมีให้ขำกันมาเรื่อย ๆ ตามประสาคนไทยอารมณ์ดี นอกจากนี้หนังอีกหนึ่งประเภทที่เราอยากเชียร์ให้ทุกคนได้ลองก็คือหนังแนวอาชญากรรมหรือหนังที่ดูซับซ้อนซ่อนเงื่อน เราคิดว่าเดี๋ยวนี้ค่ายหนังไทยทำหนังแนวนี้ออกมาได้น่าสนุกและน่าติดตามเลยทีเดียวค่ะ

สุดท้ายนี้ใครอยากลองเปลี่ยนรสชาติเปลี่ยนแนวหนัง หรืออยากอ่านรีวิวซีรีส์ใหม่ ๆ ดัง ๆ ก็สามารถกดอ่านได้จากบทความในเว็บไซต์ของเราได้เช่นเดียวกันนะคะ ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ยอดฮิตอย่าง Big Mouth, อูยองอู ทนายอัจฉริยะซีรีส์จีนของรักของข้า, อวลกลิ่นละอองรัก, ดาราจักร รักลำนำใจ หรือจะเป็นเรื่องเทียบท้าปฐพีก็มีรีวิวสนุก ๆ ให้ได้อ่านกันค่ะ

Ningning

Ningning

Hi guys, I'm Ningning. Graduated from NSTRU in Business English Program. I'd like to sing a song even though my voice is ... Nice to meet you :)

Next Post