นะมัสเต~ หลังจากที่แวะเวียนไปชิมอาหารมาหลายประเทศแล้ว วันนี้เราขอแลนด์ดิ้งลงประเทศที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางเชื้อชาติศาสนาอย่างอินเดียกันบ้างดีกว่าค่ะ อินเดียถือว่าเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของหลาย ๆ วัฒนธรรมโดยเฉพาะภาษาและพระพุทธศาสนาที่แพร่หลายเข้ามาในประเทศไทยมาอย่างช้านาน ดินแดนภารตะแห่งนี้เต็มไปด้วยความหลากหลายที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม, วิถีชีวิต, เทคโนโลยี และสิ่งที่เราสนใจมากที่สุดอย่าง “อาหาร” ค่ะ บางคนอาจจะยังไม่ทราบว่าสตรีทฟู้ดอินเดียก็ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทั่วโลกไม่แพ้สตรีทฟู้ดไทยเลยทีเดียว และในบทความนี้เราก็ขอยกมืออาสาพาเพื่อน ๆ ไปทัวร์อาหารอินเดียที่ไม่ควรพลาดค่ะ

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าอินเดียเนี่ยค่อนข้างที่จะมีความแตกต่างทางศาสนาและความเชื่อ และยิ่งพื้นที่ของประเทศมีขนาดใหญ่ก็ยิ่งมีความหลากหลาย คนที่มีความเชื่อเหมือน ๆ กันก็มักจะจับกลุ่มรวมกันด้วยเหตุผลทางศาสนาและอื่น ๆ ดังนั้นแต่ละพื้นที่ก็จะมีวัฒนธรรม, วิถีชีวิต และอาหารการกินที่แตกต่างกันออกไป แต่เราอยากให้ทุกท่านทราบเอาไว้ก่อนว่าคนอินเดียส่วนใหญ่มักจะไม่รับประทานเนื้อวัวแต่จะหันไปทานเนื้อควายแทน เนื่องจากวัวเป็นพาหนะของพระศิวะ หนึ่งในสามเทพสูงสุดของศาสนาฮินดูที่ชาวอินเดียเคารพบูชา รวมไปถึงวัวยังให้น้ำนมแก่มนุษย์ ดังนั้นควรเคารพบูชาเหมือนมารดาผู้มีพระคุณ แต่ถึงอย่างนั้นผู้ที่นับถือศาสนาอื่น ๆ ก็ยังทานกันบ้างประปราย

อาหารอินเดียแต่ละภูมิภาคต่างกันอย่างไร

ก่อนจะไปกินเรามารู้จักกับภูมิภาคต่าง ๆ ในอินเดียกันดีกว่าค่ะ อินเดียเป็นประเทศในอันดับที่ 7 จากการจัดลำดับประเทศที่มีพื้นที่มากที่สุดในโลก มีทั้งหมด 28 รัฐและอีก 8 ดินแดนอิสระภาพ ถือว่าประเทศอินเดียค่อนข้างที่จะมีความหลากหลายในด้านของภูมิประเทศ เพราะมีทั้งภูเขา, ทะเลทราย, ที่ราบสูง, ที่ราบลุ่มแม่น้ำ รวมไปถึงมีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเล สิ่งเหล่านี้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อความหลากหลายในด้านของอาหาร ซึ่งวัฒนธรรม, ประวัติศาสตร์ และศาสนาเป็นปัจจัยหลัก ๆ ของความแตกต่างนี้ค่ะ

• ภาคเหนือ จะตั้งอยู่ในเขตภูเขา ประกอบไปด้วยเทือกเขาหิมะลัย, หุบเขาแคชเมียร์ รวมไปถึงหุบเขาคูลู อากาศข้อนข้างที่จะมีความหนาวเย็น ผู้คนส่วนใหญ่นิยมรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์อย่างไก่หรือแพะเป็นหลัก อาหารจะมีกลิ่นอายของความเป็นอาหารจีนค่อนข้างสูงเลยทีเดียวค่ะ อาหารจะมีความข้น ๆ รสอ่อน ๆ และนิยมทานคู่กับโรตีประเภทต่าง ๆ
• ภาคตะวันออก ชาวอินเดียตะวันออกส่วนใหญ่มักจะทานมังสวิรัติกันอย่างเคร่งครัด อาหารจะมีส่วนประกอบของผักและปลา นิยมใช้น้ำมันมัสตาร์ดและโยเกิร์ตจากนมควายเป็นหลัก อาหารหลาย ๆ ชนิดมักจะมีส่วนประกอบของหน่อไม้ที่ถือว่าเป็นของดีของเด็ดในภูมิภาคนี้ ไม่นิยมปรุงรสอาหารด้วยเครื่องเทศอย่างมาซาล่าสักเท่าไหร่นัก
• ภาคตะวันตก ภูมิภาคนี้ได้รับอิทธิพลตะวันตกค่อนข้างเยอะ ดังนั้นอาหารต่าง ๆ จึงมักจะเสิร์ฟเป็นคอร์ส ต่างจากภูมิภาคอื่น ๆ ที่เสิร์ฟรวม ๆ กัน รวมไปถึงอาหารฟาสต์ฟู้ดอย่างเบอร์เกอร์หรือขนมปังก็เป็นที่นิยม เนื่องจากมหานครมุมไบค่อนข้างทีเต็มไปด้วยความเร่งรีบและเป็นเมืองใหญ่ไม่ต่างจากกรุงเทพเลยค่ะ
• ภาคใต้ อาหารอินเดียใต้มักจะไม่เป็นที่นิยมมากนัก ส่วนใหญ่แล้วจะมีส่วนประกอบของอาหารทะเลและมะพร้าวหรือกะทิเป็นหลัก มักจะรับประทานข้าวมากกว่าแป้ง รวมไปถึงเมนูที่มีส่วนประกอบของถั่วต่าง ๆ ก็เป็นที่นิยมเช่นเดียวกัน โดยทั่วไปแล้วอาหารอินเดียใต้มักจะมีรสชาติเผ็ดและจัดจ้านถึงใจ ไม่ต่างจากอาหารใต้ประเทศไทยเลยค่ะ

การัมมาซาล่า คืออะไร

ลูกผักชี, อบเชย, กานพลู, เม็ดยี่หร่า, กระวาน, ลูกจันท์, ขิง, ขมิ้น, เทียนข้าวเปลือก และพริกไทยดำ เครื่องเทศเหล่านี้เป็นหัวใจหลักของผงการัมมาซาล่าเลยค่ะ เครื่องเทศชนิดต่าง ๆ จะถูกนำไปคั่วที่อุณหภูมิและเวลาที่ต่างกัน จากนั้นนำมาบดผสมกันจนกลายเป็นผงละเอียด มีกลิ่นเครื่องเทศที่ค่อนข้างจะเฉพาะตัว รสชาติเผ็ดร้อนพอประมาณจากพริกไทยและเครื่องเทศต่าง ๆ มาซาล่าเป็นเครื่องปรุงพื้นฐานที่ชาวอินเดียนำมาปรุงอาหารจานคาวแทบจะทุกชนิด ไปจนถึงขนม, น้ำอัดลม และน้ำดื่ม อาหารแต่ละประเภทก็จะมีส่วนผสมของมาซาล่ามากน้อยแตกต่างกันออกไป แต่รับรองได้เลยว่ามีแน่นอนค่ะ เพราะนอกจะมีเอกลักษณ์แล้วการัมมาซาล่ายังมีประโยชน์ต่อร่างกายในหลาย ๆ ด้านอีกด้วย

อาหารอินเดียภาคเหนือ

1. Tandoori

ทันดูรีเป็นชื่อเรียกเมนูไก่ย่างจากรัฐปัญจาบที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศไทย เนื้อไก่ถูกนำมาหมักรวมกับโยเกิร์ต, มาซาล่า และเครื่องเทศจนเข้าเนื้อ จากนั้นจึงนำไปย่างด้วยเตาทันดูร์ที่เป็นเตาดินเผาแบบอินเดียโบราณ เอกลักษณ์ของไก่ทันดูรีคือผิวด้านนอกจะมีสีแดงสด หากใช้เนื้อไก่ส่วนที่มีไขมันเยอะก็จะออกมานุ่ม ไม่เหมาะกับส่วนที่แห้งเกินไปอย่างอกไก่ค่ะ ส่วนรสชาติโดยรวมก็จะมีความเผ็ดร้อนของเครื่องเทศและมีรสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดี

2. Butter Chicken

บัตเตอร์ชิคเก้น หรือแกงไก่เนยเป็นเมนูที่เหมาะสำหรับคนเริ่มทานอาหารอินเดียค่ะ เมนูนี้จะเป็นการนำเนื้อไก่ไปแกงรวมกับพริกแกงอินเดีย ใส่มะเขือเทศ, โยเกิร์ต, เนย และครีม แกงจะมีความมัน ๆ ครีมมี ๆ และมีความข้นพอประมาณ กลิ่นเครื่องเทศไม่แรงมากนัก แกงจานนี้จะมีรสชาติเผ็ดน้อยแต่จะไปหนักที่รสเปรี้ยว, เค็ม และมันมากกว่าค่ะ แนะนำให้ทานคู่กับแป้งนาน (naan) จะเข้ากันได้ดีกว่าข้าวสวยค่ะ

3. Palak Paneer

เมนูนี้อาจจะเหมาะกับคนชอบผักมากเป็นพิเศษ Palak Paneer เป็นอาหารมังสวิรัติ ผักโขมหรือปวยเล้งจะถูกนำไปลวกและปั่นรวมกับเครื่องเทศ, หอมแดง และมะเขือเทศจนได้เนื้อละเอียด จากนั้นนำมาผัดและปรุงรสชาติอีกครั้งจนได้เนื้อสัมผัสที่ข้นขึ้น และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือครีมสดและชีสที่มีความมัน ๆ นัว ๆ ตัวชีสจะเป็นก้อนนิ่ม ๆ คล้ายเต้าหู้ เมนูนี้จะมีความมัน ๆ เค็ม ๆ ไม่เผ็ดหรือเปรี้ยว แต่ละร้านจะมีสีเข้มอ่อนและความเข้มข้นแตกต่างกันออกไป จะทานกับข้าวหรือนานก็อร่อยค่ะ

4. Samosa

ซาโมซ่าเป็นอาหารว่างรองท้องที่คนไทยชื่นชอบสุด ๆ เมนูนี้จะเป็นการนำเอามันฝรั่งบดปรุงรสมาผัดรวมกับเครื่องเทศชนิดต่าง ๆ ห่อหุ้มด้วยแป้งซาโมซ่า จากนั้นนำไปทอดจนเหลืองทอง ตัวซาโมซ่าจะมีลักษณะทรงกรวยขนาดกำลังพอดี ๆ แป้งด้านนอกจะมีความกรอบ เนื้อมันฝรั่งนุ่ม หอมกลิ่นเครื่องเทศเบา ๆ รสชาติเค็มเผ็ดนิดหน่อยไม่จัดจ้านมากนักค่ะ ไส้ด้านในก็จะแตกต่างกันออกไปตามสูตร บางสูตรอาจจะเป็นมันฝรั่งบดล้วน บางสูตรอาจผสมถั่วลันเตา, ถั่วลิสง หรือเนื้อสัตว์

อาหารอินเดียภาคตะวันออก

1. Chicken Korma

แกงไก่กุรุหม่าเป็นเมนูที่ทานง่ายและค่อนข้างที่จะถูกปากคนไทยค่ะ เมนูนี้จะพบเจอได้ในแถบตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ แกงกุรุหม่ามีส่วนผสมของเนื้อไก่และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ปรุงรสด้วยเครื่องเทศที่ค่อนข้างหลากหลาย มีส่วนผสมของนมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ต มีน้ำพอขลุกขลิกเนื่องจากเมนูนี้นิยมทานกับแป้งนานและเป็นอาหารที่มีกลิ่นอายของทางเหนือค่ะ รสชาติไม่จัดจ้านมากนักแต่มีความหวานมัน เหมาะสำหรับคนที่ชอบเครื่องเทศค่ะ

2. Dosa

โดซ่าเป็นอาหารเช้าที่เป็นที่นิยมและหาทานได้ทั่วอินเดียเลยค่ะ โดซ่าจะเป็นแป้งที่ทำมาจากถั่วและแป้งหมัก นำมาทอดให้เป็นแผ่นบาง ๆ เหมือนเครป มีให้เลือกแบบกรอบหรือนิ่ม ตัวแผ่นแป้งจะไม่มีรสชาติดังนั้นคนอินเดียจึงนิยมนำมาทานกับแกงหรือผักต่าง ๆ แต่หากคุณเป็นมังสวิรัติเราแนะนำให้ลองทานโดซ่าแบบภาคตะวันออก เพราะในแถบนี้เขาจะเน้นทานผักกันเป็นหลักและคนส่วนใหญ่ค่อนข้างที่จะเป็นมังสวิรัติแบบเคร่งครัดค่ะ

3. Thukpa

เมนูนี้ได้รับอิทธิพลมาจากทิเบตที่รับเอาวัฒนธรรมจีนมาอีกที Thukpa จะหาทานได้ในแถบตะวันออกเฉียงเหนือ เมนูนี้จะเป็นเส้นบะหมี่ มาพร้อมผัก, เนื้อสัตว์ และน้ำซุปที่มีความเข้มข้นเหมือนน้ำราดหน้าค่ะ ส่วนเส้นก็จะคล้ายเส้นบะหมี่ เมนูนี้จะมีรสชาติไม่จัดจ้านและกลิ่นเครื่องเทศค่อนข้างเบา เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มทานอาหารอินเดียค่ะ เมนูนี้ไม่มีการปรุงรสชาตินะคะ ดังนั้นจะไม่มีการเสิร์ฟพริกป่นหรือพริกน้ำส้มแน่นอน

อาหารอินเดียภาคตะวันตก

1. Vada Pav

มุมไบ (หรือบอมเบย์) เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในอินเดีย ค่อนข้างที่จะมีความเจริญก้าวหน้าเนื่องจากเป็นศูนย์รวมของมหาเศรษฐี, ห้าง และสถานศึกษาต่าง ๆ ด้วยความหนาแน่นของประชากรทำให้การแข่งขันในมุมไบค่อนข้างสูง ทุกอย่างเต็มไปด้วยความเร่งรีบโดยเฉพาะอาหารการกิน Vada Pav เป็นเบอร์เกอร์สไตล์อินเดียที่ได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมตะวันตกค่ะ ไส้ด้านในจะเป็นมันฝรั่งบดปรุงรสแล้วนำไปทอด โรยด้วยผักและซอสที่แตกต่างกันออกไปตามสูตรของร้าน เสิร์ฟพร้อมชัดนีย์หรือเครื่องปรุงรสอินเดีย รสชาติของเบอร์เกอร์จะกลาง ๆ หอมกลิ่นเครื่องเทศพอประมาณ

2. Pav Bhaji

Pav Bhaji เป็นอีกหนึ่งฟาสต์ฟู้ดที่ได้รับความนิยมค่อนข้างสูงในอินเดียตะวันตก เมนูนี้จะคล้ายคลึงกับ Vada Pav ตรงที่จะมีการนำมาทานกับขนมปังเบอร์เกอร์ แต่ต่างกันตรงที่ตัว Pav Bhaji จะเป็นซอสข้น ๆ ที่ทำมาจากผัก หอมกลิ่นการัมมาซาล่าโดดเด่น รสชาติกลมกล่อมและมีความเผ็ดเบา ๆ ของพริกป่นอินเดีย วิธีทานคือจะต้องฉีกขนมปังเบอร์เกอร์มาจิ้มกับซอสค่ะ ตัวซอสมีให้เลือกหลายรูปแบบแล้วแต่ชอบ ใครอยากลองฟาสต์ฟู้ดอินเดียแบบออริจินอลแท้ ๆ ไม่ควรพลาดเมนูนี้โดยเด็ดขาด

3. Thali

Thali เป็นอาหารถาดที่ให้ฟีลเหมือนอาหารโรงเรียนเลยค่ะ ในหนึ่งเซตจะมีทั้งซุป, แกง และเมนูผัดต่าง ๆ เรียกว่ามีอาหารอินเดียครบแทบจะทุกเมนูอย่างละนิดอย่างละหน่อย เสิร์ฟพร้อมข้าว, โรตี หรืออาจจะทั้ง 2 อย่าง ในส่วนของเมนูก็แล้วแต่เลือกเลยค่ะ Thali เป็นเมนูที่สามารถหาทานได้ตลอดทั้งวัน เหมาะสำหรับคนที่อยากลองทานอาหารอินเดียมากเป็นพิเศษเพราะจะได้ลองทานหลายเมนูในหนึ่งเซต ถือว่าเป็นเซตอาหารที่มีความคุ้มค่าสุด ๆ

อาหารอินเดียภาคใต้

1. Hyderabadi Biryani

มาถึงถิ่นแล้วก็ต้องลองทานบริยานีค่ะ บริยานีเป็นข้าวหมกสไตล์อินเดีย เมนูประจำร้านอินเดียในไทย สำหรับข้าวหมกสไตล์นี้จะคล้ายคลึงกับข้าวหมกมุสลิมที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วเพียงแต่กลิ่นเครื่องเทศจะแรงกว่า หุงด้วยข้าวบาสมาติเมล็ดเรียวยาวแต่นุ่ม หอม รสชาติดี หากใครอยากลองทานบริยานีที่ขึ้นชื่อมากที่สุดเราแนะนำ Hyderabadi Biryani หรือบริยานีไฮเดอราบัด เมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องโบราณสถานและประวัติศาสตร์เก่าแก่ บริยานีจากเมืองนี้จะมีความเข้มข้น มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน ส่วนเนื้อสัตว์ก็มีให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็นแพะ, ไก่, เนื้อวัว หรืออาหารทะเลต่าง ๆ ค่ะ

2. Vindaloo

เมนูนี้ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศโปรตุเกสค่ะ Vindaloo เป็นแกงเผ็ดที่มีรสชาติจัดจ้านถึงเครื่องถึงรสไม่ว่าจะเป็นในด้านของรสชาติและเครื่องเทศ ถือว่าจานนี้เป็นจุดเด่นของอาหารสไตล์ Gua เลยก็ว่าได้ เมนูนี้จะมีความเข้มข้น มีน้ำขลุกขลิก สามารถใช้เนื้อสัตว์ได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเนื้อแกะ, วัว, แพะ, ไก่, หมู หรือกุ้ง แต่เนื่องจากมีความจัดจ้านและอบอวลไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศ เมนูนี้ไม่เป็นที่แนะนำสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มทานอาหารอินเดีย แต่หากลองทานแล้วผ่านเมนูนี้ไปได้ก็จะสามารถทานอาหารอินเดียเมนูอื่น ๆ ได้สบายค่ะ

ขนมหวานและเครื่องดื่ม

1. Masala Chai

Masala Chai หรือ Masala Tea เป็นอาหารอินเดียอันดับต้น ๆ ที่ใครก็อยากลิ้มลอง อยากจะบอกว่าคนอินเดียเองก็ชื่นชอบการดื่มชาไม่แพ้คนจีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น หรืออังกฤษเลยค่ะ ชาหลาย ๆ ประเภทอย่างชาอัสสัมก็ล้วนแล้วแต่มีจุดเริ่มต้นมาจากอินเดีย ในส่วนของ Masala Chai จะมีลักษณะคล้าย ๆ ชาเย็นที่เราคุ้นเคย แต่รสชาติค่อนไปทางชานมและมีกลิ่นของเครื่องเทศเล็กน้อย รสชาติหวานกำลังดี เสิร์ฟได้ทั้งร้อนและเย็น เป็นเครื่องดื่มที่ทานเพลินและถูกใจคนไทยหลายคนเลยค่ะ นอกจากนี้หากดื่ม Masala Chai กับขนมหวานอินเดียยังช่วยให้รสชาติกลมกล่อมมากขึ้นอีกด้วย

2. Gulab Jamun

ขนมหวานอันดับหนึ่งต้องยกให้ Gulab Jamun เมนูนี้ติดหนึ่งในสิบขนมหวานที่อร่อยที่สุดในโลกเลยค่ะ ส่วนใหญ่แล้วคนอินเดียมักจะรับประทานเมนูนี้ในพิธีมงคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพราห์ม แต่ปัจจุบันสามารถหาทานได้ทั่วไป มีให้เลือกทั้งแบบทำสดหรือบรรจุกระป๋องขาย ตัวขนมจะมีส่วนประกอบของแป้ง, นม และเครื่องเทศอีกเล็กน้อย นำมาปั้นเป็นก้อนกลมแล้วทอดด้วยเนยกี (ghee) จนสุกและกลายเป็นสีน้ำตาล ก่อนจะนำมาแช่ในน้ำเชื่อมเข้มข้นทิ้งไว้จนกว่าจะรับประทาน ตัวขนมจะมีความหวาน (มาก ๆ) แป้งนิ่ม หอมนม ทุกอณูเต็มไปด้วยน้ำเชื่อมที่หอมกลิ่นกุหลาบอ่อน ๆ เป็นเมนูที่ต้องค่อย ๆ ทานช้า ๆ อย่างใจเย็น ตัวขนมไม่ได้ร้อนแต่เพราะมันหวานมากต่างหาก!

3. Rasmalai

นมสด และ กระวานเขียว เป็นวัตถุดิบหลักที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับเมนูนี้ นมส่วนหนึ่งจะถูกนำไปต้มเติมน้ำส้มสายชูเพื่อทำเป็นก้อนชีส จากนั้นถูกนำไปนวดต่อจนได้เนื้อเนียนนุ่มแล้วปั้นเป็นก้อนกลมแบนขนาดพอดี ๆ ก่อนจะต้มในน้ำเชื่อมจนสุกและพองตัวขึ้นเป็นสองเท่า ขณะที่นมอีกส่วนจะถูกนำไปเคี่ยวจนข้นขึ้น เพิ่มกลิ่นหอมด้วยลูกกระวานบดและถั่วอย่างพิสตาชิโอหรืออัลมอลด์ บางสูตรอาจจะใส่หญ้าฝรั่นเล็กน้อยเพื่อให้น้ำนมกลายเป็นสีเหลือง เสร็จเรียบร้อยแล้วนำทั้ง 2 ส่วนมาแช่รวมกันให้ก้อนชีสดูดน้ำนมเข้าไปเต็มที่ แช่เย็นทิ้งไว้จนกว่าจะถึงเวลาเสิร์ฟ จุดเด่นของเมนูนี้คือก้อนชีสที่มีความนุ่มเหมือนฟองน้ำ ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำนมหอม ๆ ที่มีรสชาติหวานแต่น้อยกว่า Gulab Jamun มีกลิ่นหอมของนมและกระวานเขียวอ่อน ๆ สามารถทานได้ทุกเวลาโดยเฉพาะตบท้ายหลังมื้ออาหาร

เป็นอย่างไรบ้างคะกับอาหารอินเดียทั้ง 15 เมนูที่เราหยิบยกมาแนะนำในบทความนี้ จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องทานให้ครบทุกเมนูก็ได้ ไม่มีความผิดแต่อย่างใด เมนูเหล่านี้สามารถหาทานได้ทั่วไปในอินเดีย เพียงแต่หน้าตา, ส่วนผสม และรสชาติอาจจะต่างกันออกไปเท่าที่วัตถุดิบจะเอื้ออำนวย แต่หากมีโอกาสได้ไปเยือนภูมิภาคต่าง ๆ เราก็อยากจะให้ลิ้มลองของดีของเด็ดประจำภูมิภาคนั้น ๆ ค่ะ หลายคนอาจจะมองว่าอาหารอินเดียนั้นไม่ค่อยจะถูกสุขลักษณะสักเท่าไหร่นัก ซึ่งตรงนี้เราขอยอมรับว่าถูกต้องแต่ไม่ใช่ทั้งหมดเพราะไม่ใช่ว่าทุกร้านจะมีวิธีการปรุงที่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่าจะเลือกทานร้านไหนมากกว่าค่ะ

ปล. นอกจากนี้เรายังมีบทความรีวิวอาหารจีน, อาหารเวียดนาม, อาหารไต้หวัน, อาหารมาเลเซีย, อาหารออสเตรเลีย, อาหารเกาหลี และอาหารญี่ปุ่น สำหรับคนที่ชื่นชอบบทความรีวิวอาหารต่างชาติมากเป็นพิเศษอีกด้วยค่ะ สามารถเลือกประเทศที่ต้องการได้ตามชอบเลย