หลังจากในบทความที่แล้วเราได้นำเสนอเมนูอาหารเช้าไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงคิวของการถนอมอาหารกันบ้างค่ะ ประเทศไทยของเรามีวิธีการถนอมอาหารมากมายเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการนำวัตถุดิบสด ๆ ไปตากแดดให้แห้ง, นำไปทอด, นำไปกวน, นำไปอบแห้ง, น้ำไปหมัก, นำไปเชื่อม, นำไปแช่อิ่ม หรือการนำไปดอง ส่วนวัตถุดิบที่นำมาถนอมอาหารก็สามารถใช้ได้แทบจะทุกชนิดเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผัก, เนื้อหมู, เนื้อไก่, เนื้อสัตว์อื่น ๆ และอาหารทะเล หรือผลไม้
ส่วน “ไข่” ก็เป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบที่หลายคนนิยมนำมาถนอมอาหารโดยการดอง เนื่องจากไข่เป็นวัตถุดิบที่มีให้ทานทุกวันและอาจจะมีปริมาณมากเกินความต้องการ การนำไข่มาดองจึงเป็นวิธีการถนอมอาหารที่เหมาะสมที่สุดแล้ว และแน่นอนค่ะ วันนี้เรานำเมนูอาหารจากไข่เค็มถึง 10 เมนูมาฝากเพื่อน ๆ แต่ก่อนที่จะไปดูสูตรอาหารเราไปดูกันก่อนดีกว่าว่าเจ้าไข่เค็มก้อนกลม ๆ รสชาติมัน ๆ เนี่ยมีวิธีการทำอย่างไรบ้าง
วิธีทำไข่เค็ม
หลายคนที่ชอบทานเมนูยำไข่เค็มต่าง ๆ นานาอาจจะยังไม่ทราบว่าคุณเองก็สามารถทำไข่เค็มทานเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน และเพื่อเป็นการไม่เสียเวลาเราก็ได้รวบรวมวิธีดองไข่เค็มแบบง่าย ๆ มาฝากเพื่อน ๆ ถึง 3 สูตรด้วยกัน ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะว่าแต่ละสูตรจะใช้วัตถุดิบและมีวิธีการทำอย่างไรบ้าง
1. ไข่เค็มดองน้ำเกลือ
วิธีนี้เป็นการทำไข่เค็มแบบคลาสสิกที่มีวิธีการทำง่ายมาก ๆ เลยค่ะ เราจะนำ “ไข่เป็ด” มาล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นเช็กให้แน่ใจว่าเปลือกไข่ไม่มีรอยแตกร้าว เพราะถ้าเปลือกไข่แตกร้าวอาจจะทำให้ไข่เค็มมากจนเกินไปหรือไข่อาจจะเน่าเสียได้ค่ะ ดังนั้นขั้นตอนการเช็กไข่ถือว่าสำคัญมาก ๆ เลยนะคะ ตอนเช็กเปลือกไข่เราก็จะเช็ดทำความสะอาดเปลือกไข่ไปด้วยเพื่อความสะอาดเอี่ยมอ่อง ไข่สะอาดดีแล้วเราก็จะเรียงไข่ลงในภาชนะทรงสูงเตรียมไว้เลยค่ะ
หันมาตั้งหม้อใส่น้ำ ต้มน้ำให้เดือดได้ที่แล้วปิดเตาค่ะ คนให้น้ำคายความร้อนออกมานิดนึงแล้วใส่เกลือลงไปได้เลยค่ะ ใส่ลงไปเยอะ ๆ จนแน่ใจว่าน้ำเกลือจะเค็มเลยนะคะ จากนั้นคนให้เกลือละลายดีและน้ำเย็นสนิทแล้วจึงนำมาเทลงในโหลที่เราเรียงไข่ไว้จนท่วมไข่ เทน้ำใส่ถุงแล้วมัดปากถุงให้แน่นใส่ลงปิดไข่เพื่อกดให้ไข่จมอยู่ใต้น้ำแล้วเก็บไว้อุณหภูมิห้อง ผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ ไข่จะเริ่มเค็มและสามารถนำมารับประทานได้แล้วค่ะ แต่ถ้าทานไม่หมดและเกินหนึ่งเดือนไปแล้วไข่จะเค็มมาก ๆ แนะนำให้นำออกมาล้างน้ำเกลือออกแล้วเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อหยุดความเค็มค่ะ
2. ไข่เค็มดองเกลือ
ต่อมาจะแอดแวนซ์ขึ้นมาอีกหนึ่งขั้นค่ะ นั่นก็คือวิธีนี้เราจะไม่ดองในน้ำเกลือแต่จะดองเกลือล้วน ๆ เลย ขั้นตอนแรกก็จะต้องล้างทำความสะอาดเปลือกไข่ก่อนค่ะ อย่าลืมเช็กรอยร้าวด้วยนะคะ ล้างเสร็จเรียบร้อยแล้วนำไข่มาแช่ในน้ำส้มสายชูเพื่อทำให้เปลือกไข่บางลง ความเค็มจะได้เข้าไปง่ายขึ้นค่ะ ตอนแช่น้ำส้มสายชูจะมีฟองลอยออกมาจากไข่ อันนี้ไม่ต้องตกใจนะคะเพราะมันคือปฏิกิริยาขณะน้ำส้มสายชูกัดแคลเซียมในเปลือกไข่ค่ะ แช่ทิ้งไว้ 10 – 15 นาทีได้เลยค่ะ
เมื่อครบเวลาแล้วเราจะหยิบไข่ออกมาแล้วนำเกลือมาพอกให้ทั่วเลยค่ะ จะใส่เกลือเยอะแค่ไหนก็ได้ พอกเสร็จเรียบร้อยแล้วเรียงไข่ลงในภาชนะที่เราจะใช้ดองค่ะ ใช้เวลาเพียง 5 – 7 วัน ไข่ก็จะเค็มจนสามารถนำมาทานได้แล้ว ก่อนทานนำมาล้างเกลือออกอีกหนึ่งรอบก็พอค่ะ
3. ไข่แดงเค็มสไตล์ฝรั่ง
ฝรั่งเขาก็ทำไข่เค็มทานกันนะคะเพื่อน ๆ ไข่เค็มสไตล์ฝรั่งจะเริ่มต้นด้วยการผสมน้ำตาลทรายขาวและเกลือลงในภาชนะที่จะใช้ดองค่ะ ใส่น้ำตาลน้อยกว่าเกลือนิดหน่อยนะคะ เก็บส่วนหนึ่งไว้โรยหน้าด้วยนะคะ จากนั้นเกลี่ยด้านหน้าให้เรียบเนียนแล้วใช้ไข่ด้านป้านกดลงไปเพื่อสร้างหลุมค่ะ สร้างหลุมปริมาณเท่ากับไข่ที่เราจะดองเลยนะคะ จากนั้นพักไว้ก่อน หันมาตอกไข่และแยกไข่แดงไข่ขาวออกจากกัน เอาวุ้นไข่ขาวออกให้หมดเกลี้ยงเลยนะคะ จากนั้นวางไข่แดงลงในหลุมที่ทำไว้และนำเกลือผสมที่แบ่งไว้ก่อนหน้ามาโรยปิดไข่แดงจนมิดเลย ปิดฝาแล้วเก็บภาชนะที่ใช้ดองไว้ในตู้เย็น ใช้เวลาเพียง 3 – 7 วัน
ไข่จะเริ่มมีรสชาติและแข็งเป็นก้อน เราจะนำไข่แดงมาล้างน้ำเพื่อเอาเศษเกลือออกให้หมด จากนั้นนำไข่เค็มเข้าเตาอบในอุณหภูมิ 110 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 20 นาทีเพื่อทำให้ไข่สุก พักให้หายร้อนแล้วเก็บไว้ในภาชนะค่ะ เพื่อน ๆ สามารถใช้ที่ขูดชีสขูดไข่แดงเค็มเพื่อโรยหน้าอาหารได้หลากหลายเมนูเลย ไม่ว่าจะโรยบนสปาเกตตี้, ขนมหวานหรือจะโรยหน้าสลัดก็อร่อยค่ะ ส่วนไข่ขาวที่แยกไว้สามารถนำไปทำเมนูจากไข่อร่อย ๆ ได้อีกมากมายเลย
สูตรเมนูอาหารจากไข่เค็ม
1. ปลาหมึกผัดไข่เค็ม

พูดถึงไข่เค็มก็ต้องยกเมนูปลาหมึกผัดไข่เค็มมาเสิร์ฟเป็นเมนูแรกแน่นอน เพราะรสชาติของไข่แดงเค็มและความนุ่มของหมึกมันช่างเข้ากั๊นเข้ากัน เราจะเลือกใช้ปลาหมึกตัวโตที่เพิ่งขึ้นจากทะเลสด ๆ ร้อน ๆ เนื้อและตายังใสปิ๊ง นำมาล้างทำความสะอาดและนำไปผัดกับซอสไข่เค็มรสชาติอร่อยกลมกล่อม ผัด ๆ คลุก ๆ สองสามนาทีเมนูนี้ก็พร้อมรับประทานแล้วค่ะ หมึกชิ้นหนา เด้ง กรอบที่เคลือบไปด้วยซอสไข่เค็มส้ม ๆ ดูสวยงามน่ารับประทาน ตักเข้าปากคำแรกจะสัมผัสได้ถึงรสชาติมัน ๆ เค็มจาง ๆ และความนัวของไข่เค็มและเครื่องปรุง ฟันกัดลงไปสัมผัสกับความหนุบหนับของเนื้อหมึกที่เด้งสู้ฟัน หมึกเนื้อนุ่ม ผัดมาแบบพอดี ๆ ไม่เหนียว ยิ่งเคี้ยวยิ่งมีรสหวานแผ่ซ่านออกมาเต็มปาก ทานพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ หอมกรุ่นคือที่สุดแล้ว
วัตถุดิบปลาหมึกผัดไข่เค็ม
วิธีทำปลาหมึกผัดไข่เค็ม
ขั้นตอนแรกเราจะต้องเตรียมหมึกให้พร้อมก่อนค่ะ นำหมึกมาล้างทำความสะอาด ควักเอาไส้ออกให้เกลี้ยง ระวังไม่ให้ถึงน้ำหมึกแตกนะคะเดี๋ยวหมึกจะดำไม่สวย ขั้นตอนนี้เราสามารถลอกหรือไม่ลอกหนังหมึกออกได้นะคะ ถ้าไม่ลอกหนังก็เหนียวนิดหน่อยแต่ช่วยให้หมึกสีสวยขึ้น ควักไส้ออกแล้วนำมาหั่นเป็นแว่นหรือหั่นชิ้นตามชอบได้เลย เสร็จแล้วหันมาหั่นคึ่นฉ่ายเป็นท่อน ๆ เตรียมไว้สำหรับโรยหน้า
เสร็จแล้วหันมาเตรียมซอสไข่เค็มต่อ นำไข่เค็มสุกมาบดให้เป็นแตกละเอียดในถ้วย เพิ่มรสชาติด้วยน้ำตาล, ผงปรุงรส, ซีอิ๊วขาว และซอสปรุงรส เติมน้ำอุ่นลงไปอีกนิดหน่อยเพื่อช่วยให้ไข่เค็มละลายได้ดีขึ้น ระวังอย่าใส่เยอะจนเหลวนะคะเดี๋ยวรสชาติจะจืด เอาแค่พอละลาย ข้น ๆ ก็พอแล้วค่ะ
มาถึงขั้นตอนสำคัญแล้ว หยิบกระทะออกมาวางบนเตา เปิดไฟกลางแล้วใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย รอจนน้ำมันร้อนได้ที่แล้วใส่หมึกลงไปพร้อมกับเร่งเป็นไฟแรงแล้วรีบผัดหมึกด้วยความว่องไว หมึกโดนความร้อนแรง ๆ เนื้อก็เริ่มตึงและเด้งขึ้นด้วยความรวดเร็ว หลังจากเนื้อหมึกเริ่มตึงขึ้นมาแล้วนำซอสที่เตรียมไว้ใส่ลงไปเลยค่ะ ลดไฟลงเล็กน้อย จากนั้นผัด ๆ คลุก ๆ ให้ซอสเคลือบตัวหมึกจนทั่ว ใครชอบแห้ง ๆ ผัดต่ออีกหน่อย ส่วนใครชอบฉ่ำ ๆ ก็ตักใส่จานโรยคึ่นฉ่ายได้เลย
2. หมูสับนึ่งไข่เค็ม

ตามมาติด ๆ กับอีกหนึ่งเมนูจากไข่เค็มที่ทำง่ายและสามารถทานได้ทั้งครอบครัว เมนูหมูสับนึ่งไข่เค็มเป็นเมนูกับข้าวรสชาติอ่อน ๆ ที่อร่อยมาก ๆ ค่ะ เราจะนำหมูสับมาหมักด้วยสามเกลอจนส่งกลิ่นหอมน่ารับประทาน จากนั้นนำมาปั้นก้อนแล้วโปะด้วยไข่แดงเค็มฟองโต ๆ นำไปนึ่งจนสุกและส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วทั้งบ้าน หมูของเราก็จะนุ่ม เด้ง รสชาติอร่อยกลมกล่อมแทรกอยู่ทุกอณู เข้ากันได้ดีกับไข่แดงรสชาติมัน ๆ เค็มกำลังดี ถ้าได้ลองรับรองว่าคุณจะติดใจ
วัตถุดิบหมูสับนึ่งไข่เค็ม
- หมูสับ
- ไข่แดงเค็ม
- ผักชี
- กระเทียม
- พริกไทยดำเม็ด
- น้ำตาล
- ซอสหอยนางรม
- ซีอิ๊วขาว
วิธีทำหมูสับนึ่งไข่เค็ม
ก่อนจะหมักหมูเราจะต้องมีสามเกลอก่อนค่ะ เริ่มจากตัดรากผักชีออกมา ล้างทำความสะอาดเอาเศษดินออก เราจะขูดรากผักชีจนขาวเลยนะคะ ส่วนบริเวณโคนก้านก็ต้องเช็กให้แน่ใจว่าไม่มีเศษดินติดอยู่ตามซอกต่าง ๆ จากนั้นปอกเปลือกกระเทียมแล้วนำรากผักชี, กระเทียม และพริกไทยดำมาโขลกจนเนียนเป็นเนื้อเดียวกันเลยค่ะ จากนั้นนำสามเกลอที่เราโขลกไว้มาผสมกับหมูสับ ปรุงรสด้วยน้ำตาล, ซอสหอยนางรม และซีอิ๊วขาวเพื่อเพิ่มความอร่อย ใช้มือนวดจนส่วนผสมทั้งหมดเนียนเข้ากันดีเลย หมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
หมักหมูจนใกล้จะครบเวลาแล้วเราจะมาเตรียมหม้อนึ่งให้พร้อม จากนั้นนำหมูออกมาปั้นเป็นก้อนกลมขนาดตามต้องการ ตีให้แบนเล็กน้อยแล้ววางไข่แดงเค็มลงไปด้านบน กดไข่แดงให้จมลงไปเล็กน้อยเพื่อยึดให้ไข่ติดกับหมูค่ะ เสร็จแล้วนำหมูปั้นลงไปนึ่งในหม้อที่เตรียมไว้เลย ใช้เวลานึ่งประมาณ 15 – 20 นาทีตามขนาดของหมูนะคะ ครบเวลาแล้วนำออกมาตกแต่งด้วยใบผักชีอีกเล็กน้อย เสร็จเรียบร้อยพร้อมเสิร์ฟจ้า ทั้งนี้เพื่อน ๆ สามารถทำเป็นอกไก่นึ่งไข่เค็มแบบสุขภาพ ๆ ได้ด้วยนะคะ
3. ยำหมูยอไข่แดง

เปลี่ยนมาเอาใจคนแซ่บด้วยยำหมูยอไข่แดงค่ะ เมนูนี้เป็นที่ฮอตฮิตและเป็นเมนูหลักที่จะต้องมีทุกร้าน ไม่มีไม่ได้! ในส่วนของความอร่อยก็ถือว่าเป็นที่เลื่องลือเพราะหมูยอเนื้อแน่นกรุบ ๆ มันช่างเข้ากับความนัว ความมัน และความหนุบหนับของไข่แดงเค็มเสียนี่กระไร ยิ่งคิดถึงน้ำยำแซ่บ ๆ ยำแบบน้ำใส ๆ แต่อัดแน่นไปด้วยรสชาติสุดเข้มข้น มีหอมแขก มีคึ่นฉ่าย และมีผักชีฝรั่งเพิ่มความหอม เพิ่มความอร่อย แค่คิดก็ท้องร้องน้ำลายสอแล้ว ออกไปไหนไม่ได้ก็เปิดร้านยำอิฉันทำเองในครัวซะเลย! รอไม่ไหวแล้ว!
วัตถุดิบยำหมูยอไข่แดง
- หมูยอ
- ไข่แดงเค็ม
- หอมแขก
- คึ่นฉ่าย
- ผักชีฝรั่ง
- พริกจินดาแดง
- น้ำตาล
- น้ำมะนาว
- น้ำปลา
วิธีทำยำหมูยอไข่แดง
ก่อนอื่นเราจะนำหมูยอมาหั่นชิ้นขนาดตามต้องการแล้วนำไปลวกก่อนค่ะ ไม่ต้องลวกนานมากนะคะเพราะหมูยอสุกอยู่แล้ว เอาแค่พอร้อนก็พอค่ะ ส่วนไข่แดงเค็มนำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาทีก็ใช้ได้แล้ว จากนั้นหันมาซอยหอมแขก หั่นคึ่นฉ่าย หั่นผักชีฝรั่ง และตำพริกให้พอแหลก
ตอนนี้เราจะเริ่มยำกันแล้วค่ะ เริ่มจากปรุงน้ำยำก่อนด้วยการผสมน้ำปลา, น้ำตาล, น้ำมะนาว และพริกเข้าด้วยกัน คนผสมให้น้ำตาลละลายดีแล้วชิมรสชาติตามชอบ ใครชอบปลาร้าก็จัดไปเน้น ๆ ได้รสชาติที่ชอบแล้วเราจะนำหมูยอ, คึ่นฉ่าย, ผักชีฝรั่ง และหอมแขกใส่ตามลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกรอบแล้วตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟค่ะ
4. ยำขนมจีนไข่เค็ม
ยำหมูยอยังไม่สาแก่ใจเราต้องจัดหนัก ๆ ด้วยยำขนมจีนปลาทูจานใหญ่ ๆ รสชาติแซ่บซี๊ดถึงใจ สูตรนี้เราจะนำปลาทูตัวอวบ ๆ มาทอดจนเหลือง กรอบนอกนุ่มในแล้วแกะเอาก้างออกให้เกลี้ยง หรือใครจะเปลี่ยนมาเป็นซีฟู้ดหรือไส้กรอกก็ได้ไม่ว่ากัน เสร็จแล้วหันมาปรุงน้ำยำให้แซ่บครบรส ทั้งเผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน ใครถนัดรสชาติไหนก็จัดไปตามใจชอบ น้ำยำเรียบร้อยแล้วนำส่วนผสมทั้งหมดลงคลุก พลิกไปพลิกมาสองสามรอบยำขนมจีนแซ่บ ๆ ก็พร้อมรับประทานแล้วจ้า ยิ่งทานพร้อมกับไข่เค็มนัว ๆ ขอบอกว่าเข้ากันม๊ากกก
วัตถุดิบยำขนมจีนไข่เค็ม
- เส้นขนมจีน
- ปลาทู
- ไข่เค็มเต็มใบ
- หอมแดง
- พริกขี้หนูสด
- ถั่วฝักยาว
- ผักชีฝรั่ง
- ถั่วพู
- พริกป่น
- น้ำตาล
- น้ำกระเทียมดอง
- น้ำมะนาว
- น้ำปลา
- น้ำมันพืช
วิธีทำยำขนมจีนไข่เค็ม
ขั้นตอนแรกเราจะทอดปลาทูให้เหลืองกรอบสวยงามก่อนค่ะ พักให้หายร้อนแล้วนำมาแกะก้างออกเอาเฉพาะเนื้อ หลังจากนั้นหันมาซอยหอมแดง, ถั่วฝักยาว, ถั่วพู, ผักชีฝรั่ง และพริกขี้หนูเตรียมไว้ ส่วนไข่เค็มต้มให้สุกแล้วแกะเปลือกหั่นเป็นชิ้นรอไว้เลยจ้า แค่นี้เราก็พร้อมที่จะยำแล้ว
เริ่มจากทำน้ำยำโดยการผสมพริกซอย, พริกป่น, น้ำกระเทียมดอง, น้ำตาล, น้ำมะนาว และน้ำปลาลงไปก่อนค่ะ คนผสมให้น้ำตาลละลายแล้วชิมรสชาติตามชอบ ปรุงให้รสชาติเข้มนิดนึงนะคะเพราะเดี๊ยวตอนใส่ผักและเส้นขนมจีนจะได้พอดี ไม่จืดจนเกินไป ไผมักน้ำปลาแดกกะใส่ไปโล้ดดดด ได้รสชาติที่ใช่แล้วเราจะใส่ผักทั้งหมดลงไปเลยค่ะ คลุกเคล้าเล็กน้อย ใส่เส้นขนมจีน, ไข่เค็ม และเนื้อปลาทูลงไปค่ะ คลุกเคล้าเบา ๆ ให้เส้นแตกตัวจนทั่ว ชิมรสชาติปิดท้ายอีกนิดแล้วตักใส่จานพร้อมรับประทานจ้า
5. น้ำพริกไข่เค็ม
ทำเมนูหนัก ๆ มาเยอะแล้วหันมาทำน้ำพริกจิ้มผักสดทานกันดีกว่า เมนูนี้พิเศษกว่าใครเพราะเรามีการผสมไข่เค็มลงไปในตัวน้ำพริกด้วยไข่แดงเค็มที่ทำให้รสชาติของน้ำพริกถ้วยนี้อร่อยครบรส ไม่ว่าจะเป็นรสเปรี้ยว, เค็ม, หวาน หรือเผ็ด ตัวไข่เค็มที่ใส่ลงไปจะทำให้สีสันโดยรวมดูน่ารับประทานและไม่จัดจ้านมากเกินไปแถมยังทำให้ความเผ็ดลดลงไปได้อีก ถือว่าเป็นเมนูที่เหมาะสำหรับคนคนที่ไม่ชอบทานเผ็ดมาก ๆ เลยค่ะ เอาล่ะ เรามาตำน้ำพริกถ้วยโตและจิ้มผักสดจากไร่ทานกันดีกว่า
วัตถุดิบน้ำพริกไข่เค็ม
- ไข่เค็มเต็มใบ
- พริกขี้หนูสวน
- กระเทียม
- มะเขือพวง
- มะอึก
- น้ำตาล
- น้ำมะนาว
- น้ำปลา
วิธีทำน้ำพริกไข่เค็ม
ล้างทำความสะอาดและต้มไข่เค็มให้สุกก่อน เสร็จแล้วหั่นเอาผิวมะอึกออก ล้างให้สะอาดและซอยมะอึกรอไว้ จากนั้นผ่าครึ่งแล้วตักเอาเนื้อออกมาพักไว้ หันมาโขลกกระเทียมและพริกขี้หนูให้ละเอียดเข้ากันดี ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว, น้ำตาล และน้ำปลา หยิบมะอึกและมะเขือพวงใส่ลงไปในครก ตำเบา ๆ ให้มะเขือพวงพอแตกและน้ำตาลละลายดี ใส่ไข่เค็มตามลงไป ตำเบา ๆ ให้ไข่แดงและส่วนผสมทั้งหมดเนียนเป็นเนื้อเดียวกันเป็นอันใช้ได้ ตักใส่ถ้วยพร้อมรับประทาน
6. หลนไข่เค็มหมูสับ
ต่อมาเป็นเมนูไทยโบราณที่บางคนอาจจะยังไม่เคยทานกัน เมนูหลนนี่จัดว่าเป็นน้ำพริกอีกหนึ่งประเภทหนึ่งค่ะ แต่สิ่งที่แตกต่างคือเมนูหลนจะมีลักษณะเป็นน้ำเหลว ๆ และมีส่วนผสมของกะทิ ส่วนวัตถุดิบสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามชอบ ไม่ว่าจะเป็นหมูสับ, กุ้ง, ไข่ปู, ไข่เค็ม, ปลาเค็ม หรือปลาร้า ส่วนรสชาติจะมีความหวาน เปรี้ยว และเค็มปิดท้าย มีกลิ่นหอมของพริกและหอมแดงเบา ๆ รสชาติไม่เผ็ดมากเนื่องจากนิยมใช้พริกชี้ฟ้าที่จะมีรสชาติก็ต่อเมื่อเคี้ยวเนื้อพริกเข้าไปด้วย สำหรับเมนูหลนส่วนใหญ่จะนิยมทานกับผักสดจะเข้ากันมาก ๆ เลยค่ะ
วัตถุดิบหลนไข่เค็มหมูสับ
- หมูสับ
- ไข่เค็มเต็มใบ
- พริกชี้ฟ้า
- หอมแดง
- เกลือ
- น้ำตาล
- น้ำมะขามเปียก
- กะทิ
วิธีทำหลนไข่เค็มหมูสับ
วิธีการทำหลนไข่เค็มไม่ยากเลยค่ะ เราจะซอยหอมแดงและหั่นพริกชี้ฟ้าเตรียมไว้ก่อน จากนั้นต้มไข่เค็มให้สุกแล้วหั่นครึ่ง ตักเอาไข่แดงออกมา ให้ติดไข่ขาวบางส่วนด้วยก็ได้นะคะ บี้ไข่เค็มที่ตักออกมาให้แตกและเนื้อเนียนละเอียด ตั้งหม้อ เปิดไฟกลาง จากนั้นใส่กะทิลงไปเลยค่ะ กะทิเริ่มเดือดแล้วใส่หมูสับลงไปแล้วคนเบา ๆ จนหมูสับเริ่มสุกแล้วใส่ไข่แดงที่เตรียมไว้ลงไป รอจนกะทิเริ่มเดือดอีกครั้งปรุงรสด้วยน้ำตาลและน้ำมะขามเปียก คนให้เข้ากัน ชิมรสชาติเล็กน้อย ถ้ายังเค็มไม่มากพอใส่เกลือเพิ่มความเค็มลงไปได้อีก แต่ไม่ควรเค็มจัดนะคะ หลังจากน้ำเริ่มเดือดอีกครั้งใส่พริกชี้ฟ้าและหอมแดงซอยลงไปเลยค่ะ เคี่ยวต่อจนกะทิงวดลงตามชอบ ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟจ้า
7. บัวลอยไข่เค็ม

ทำกับข้าวมาเยอะแล้วล้างปากด้วยของหวานสักหน่อย พูดถึงไข่เค็มแล้วก็อยากทานบัวลอยไข่เค็มขึ้นมาซะงั้น แค่นึกถึงแป้งบัวลอยหลากสีนุ่ม ๆ ก้อนกลมกำลังดีที่มาพร้อมกับน้ำกะทิหวานกลมกล่อม หอมละมุน ไหนจะมีไข่แดงเค็มฟองโตที่รสชาติเค็มมันกำลังดี ใช้ช้อนตัดแล้วจะมีมันไข่แดงเยิ้มออกมาตัดกับความขาวนวลของกะทิ ตัวไข่หนึบหนับและรสเค็มอ่อน ๆ เข้ากับความหวานของน้ำกะทิ ตักไข่คำบัวลอยคำ รสชาติหวานเค็มกลมกล่อมอบอวลอยู่ในปาก ซดน้ำกะทิลื่นคอตามลงไปอีกหนึ่งคำใหญ่ ๆ พริบตาเดียวบัวลอยไข่เค็มก็หมดเกลี้ยงราวกับเสกได้
วัตถุดิบบัวลอยไข่เค็ม
- ไข่แดงเค็ม
- ใบเตย
- แป้งข้าวเหนียว
- เกลือ
- น้ำตาล
- สีผสมอาหาร (จากธรรมชาติ)
- กะทิ
วิธีทำบัวลอยไข่เค็ม
ขั้นตอนแรกเราจะนึ่งไข่แดงเค็มให้สุกก่อนค่ะ จากนั้นนำออกมาพักให้หายร้อน ระหว่างนั้นก็หันมาทำในส่วนของแป้งบัวลอยกันต่อโดยการเทแป้งข้าวเหนียวลงในภาชนะ เติมน้ำกะทิลงไปเล็กน้อยแล้วนวดจนแป้งจับตัวเป็นก้อน หรือใครไม่ชอบบัวลอยขาว ๆ จะเพิ่มสีสันเข้าไปด้วยก็ได้ค่ะ แนะนำให้ใช้สีจากธรรมชาตินะคะ เช่นฟักทองจะให้สีเหลือง, กระเจี๊ยบให้สีแดง, แครอทให้สีส้ม, ใบเตยให้สีเขียว หรืออัญชันให้สีน้ำเงินค่ะ จากนั้นนำสีที่ได้มาผสมกับแป้งและนวดจนแป้งจับตัวเป็นก้อนและไม่เกาะติดมือหรือภาชนะก็เป็นอันได้แล้ว นำแป้งที่ได้มาปั้นเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ หรือทำเป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้ตามต้องการเลย
ต่อมาจะเป็นในส่วนของน้ำกะทิ เราจะใส่น้ำกะทิลงในหม้อแล้วนำขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ มัดใบเตยใส่ลงไปเล็กน้อย เพิ่มความหวานด้วยน้ำตาลและใส่เกลือตัดรสชาติเล็กน้อย เคี่ยวกะทิไปเรื่อย ๆ จนน้ำตาลละลายดีและขอบหม้อเริ่มมีฟองก็ปิดเตาแล้วยกกะทิลงมาพักไว้ได้เลยค่ะ กะทิสำหรับทำขนมหวานห้ามเดือดปุด ๆ เด็ดขาดเลยนะคะเพราะถ้าเดือดจนกะทิแตกมันจะทำให้ขนมดูไม่สวยงามและรสชาติไม่อร่อยอีกด้วยค่ะ
น้ำกะทิเสร็จเรียบร้อยต่อมาตั้งหม้อบนเตา ใส่น้ำเปล่าลงไปท่วม ๆ แล้วเปิดไฟกลางค่อนแรง ใส่ใบเตยลงไปเล็กน้อยแล้วรอจนน้ำเดือดจัด น้ำเดือดได้ที่แล้วนำแป้งบัวลอยที่ปั้นไว้ลงไปต้มเลยค่ะ วิธีสังเกตคือเมื่อแป้งสุกดีแล้วจะพองตัวและลอยขึ้น เห็นแป้งลอยขึ้นมาเหนือน้ำแล้วรอประมาณ 4 – 5 นาที จึงค่อยตักแป้งที่ลอยขึ้นมาแช่น้ำไว้ค่ะ ถ้าไม่แช่น้ำแป้งที่สุกจะเหนียวแล้วเกาะติดกันเป็นก้อน แกะออกยากมาก ๆ เลย เมื่อจะทานเราก็จะตักบัวลอยใส่ถ้วยเล็ก ๆ แล้วตักน้ำกะทิราดลงไป โปะด้วยไข่เค็ม พร้อมรับประทาน
8. ขนมเปี๊ยะไข่เค็มลาวา

ตามมาติด ๆ กับเมนูขนมเปี๊ยะลาวายอดฮิตที่หลายคนชื่นชอบ ถือว่าเป็นขนมที่ถูกใจเด็กอ้วนสุด ๆ เพราะขนมเปี๊ยะสูตรนี้แป้งด้านนอกจะบางเหนียว เนื้อสัมผัสนุ่ม กัดเข้าไปจะมีไส้ไข่เค็มลาวาไหลเยิ้มฟิน ๆ ตัวไส้จะมีรสชาติเค็ม ๆ มัน ๆ เล็กน้อย รวมกันแล้วอร่อยกลมกล่อมสุด ๆ และแน่นอนว่าขนมเปี๊ยะแค่ชิ้นสองชิ้นมันน้อยเกินไปสำหรับเด็กอ้วนอย่างเรา แต่จะให้ซื้อกินจนหนำใจมีหวังกระเป๋าแห้งแน่ ๆ งานนี้เราต้องลุกมาเข้าครัวทำขนมเปี๊ยะทานเองบ้างแล้ว ไปดูวัตถุดิบและวิธีการทำกันเลยจ้า
วัตถุดิบแป้งชั้นนอก
- ไข่แดงดิบ
- แป้งสาลีเอนกประสงค์
- น้ำตาลทราย
- น้ำเย็น
- น้ำมันคาโนลา
วัตถุดิบแป้งชั้นใน
- แป้งสาลีเอนกประสงค์
- น้ำมันคาโนลา
วัตถุดิบไส้ไข่เค็มลาวา
- ไข่แดงเค็ม
- แป้งข้าวโพด
- น้ำตาลทราย
- เกลือ
- เนยจืดละลาย
- นมข้นจืด
- กลิ่นวานิลลา
วิธีทำขนมเปี๊ยะไข่เค็มลาวา
ขั้นตอนแรกเราต้องมาเตรียมไส้ไข่เค็มกันก่อนค่ะ เริ่มจากนำไข่แดงเค็มมานึ่งหรืออบให้สุกแล้วนำมาบี้ให้แตกละเอียดเลย เสร็จแล้วนำไข่แดงใส่โถปั่น ตามด้วยแป้งข้าวโพดเล็กน้อย เพิ่มรสชาติด้วยน้ำตาล, เกลือ, นมข้นจืด, เนยจืด และเพิ่มกลิ่นหอมด้วยกลิ่นวานิลลา เสร็จแล้วปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดเนียนเข้ากันดีเลยค่ะ ส่วนผสมเนียนดีแล้วเทใส่พิมพ์ทรงกลมหรือเทใส่ภาชนะ เกลี่ยหน้าให้เรียบเนียนแล้วแช่แข็งไว้ข้ามคืนเลยค่ะ เสร็จแล้วนำออกมาตัดแบ่งแล้วปั้นเป็นก้อนกลม ๆ เท่ากันแล้วนำกลับไปแช่แข็งอีกครั้ง อย่าลืมนับด้วยนะคะว่าปั้นไส้ไว้กี่ก้อน
ต่อมาจะเป็นในส่วนของแป้งชั้นนอกค่ะ เราจะผสมแป้งสาลี, น้ำตาลทราย, น้ำเย็น และน้ำมันลงไปค่ะ จากนั้นนวดไปเรื่อย ๆ จนแป้งเนียนนุ่ม แนะนำให้คนผสมแป้งในภาชนะให้เข้ากันก่อนแล้วนำออกมานวดบนโต๊ะสะอาด นวด ๆ ยืด ๆ ไปเรื่อย ๆ จนแป้งนุ่มและเนียนเข้ากันดีแล้วปั้นให้เป็นก้อนกลม คลุมผ้าและพักแป้งประมาณ 30 นาทีค่ะ ระหว่างรอแป้งชั้นนอกก็ทำแป้งชั้นในต่อด้วยการผสมแป้งสาลีและน้ำมันเข้าด้วยกัน จากนั้นนวดให้ส่วนผสมทั้งหมดเนียนเป็นเนื้อเดียวกันแล้วพักแป้งไว้ 30 นาทีเช่นกันค่ะ แป้งชั้นในจะไม่ยืดเหมือนแป้งชั้นนอกนะคะ ครบ 30 นาที แล้วนำแป้งชั้นนอกออกมาจัดแบ่งเป็นชิ้นให้เท่ากับจำนวนไส้ที่เราทำไว้ จากนั้นปั้นเป็นก้อนกลมและพักแป้งไว้ก่อน อย่าลืมคลุมผ้าเพื่อกันแป้งแห้งด้วยนะคะ หันมาแบ่งและปั้นก้อนแป้งชั้นในเหมือนกันเลยค่ะ แต่ปั้นก้อนเล็กกว่าแป้งชั้นนอกหน่อยนะคะเพราะเดี๋ยวต้องใส่ไว้ด้านใน คลุมผ้าพักไว้ก่อน
นำแป้งชั้นนอกออกมาวางบนโต๊ะแล้วรีดจนเป็นแผ่นกลมบาง นำแป้งชั้นในวางลงไปแล้วห่อให้มิดแล้วปั้นให้เป็นก้อนกลมเลยค่ะ ขณะทำต้องนำผ้ามาคลุมแป้งส่วนที่ยังไม่ได้ทำและส่วนที่ทำเสร็จแล้วไว้ตลอดนะคะ เพราะถ้าโดนอากาศเยอะ ๆ แป้งจะแห้งและใช้งานไม่ได้ค่ะ ทำจนครบหมดแล้วคลุมผ้าแล้วพักไว้ 30 นาทีเพื่อให้แป้งเซตตัว ครบเวลาแล้วนำแป้งมารีดเป็นแผ่นกลมบาง ๆ ให้ครบหมดทุกก้อนเลย คลุมผ้าไว้ก่อนแล้วทยอยเอาไส้ไข่เค็มออกมาทีละน้อยเพราะไส้จะละลายเร็วมาก ๆ วางไส้ลงไปตรงกลางแผ่นแป้งแล้วห่อแป้งให้มิด บีบขอบแป้งเข้าด้วยกันและระวังไม่ให้มีช่องว่างเด็ดขาดเลยนะคะเพราะตอนอบไส้จะไหลซึมออกมาค่ะ ปั้นขนมให้เป็นก้อนกลมสวยแล้วนำใส่พิมพ์หรือวางลงบนภาชนะ
ใส่ไส้ครบหมดแล้วเราจะนำขนมเปี๊ยะไปเข้าเตาอบในอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียสประมาณ 10 นาที สำหรับหม้ออบลมร้อนใช้อุณหภูมิ 140 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 10 นาที และสำหรับหม้อทอดไร้น้ำมันเราจะใช้อุณหภูมิอยู่ที่ 140 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 12 นาทีค่ะ อย่าลืมวอร์มอุปกรณ์ให้ร้อนก่อนนำขนมลงไปอบนะคะ ระหว่างรอขนมอบเราจะนำไข่แดงมาผสมกับน้ำเล็กน้อยแล้วตีให้แตกเพื่อเตรียมไว้สำหรับทาบนหน้าขนม หลังจากครบเวลาแล้วนำขนมออกมาทาไข่แดง 2 รอบแล้วนำกลับเข้าไปอบใหม่ใช้อุณหภูมิเหมือนเดิมแต่ลดเวลาลงไป 5 นาทีค่ะ จากนั้นนำออกมาพักให้หายร้อนและสามารถรับประทานได้
9. ชูครีมคัสตาร์ดไข่เค็ม
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูเด็ดที่คุณไม่ควรพลาด หลายคนอาจจะเคยทานชูครีมหรือเอแคลร์กันมาบ้างแล้วและก็คงจะทราบกันดีว่าเมนูนี้มันอร่อยและฟินแค่ไหน แต่วันนี้เราจะเพิ่มความฟินระดับแมกซ์ด้วยการนำไส้คัสตาร์ดไข่เค็มมาสอดไส้ลงในชูครีมก้อนโต เนื้อแป้งชูครีมจะนุ่มละมุนและบางมาก ๆ ส่วนไส้ก็จะเข้มข้นสุด ๆ กัดลงไปนี่ไส้ไหลเยิ้มพร้อมกับสีสันสวยงามและกลิ่นหอมจนแทบจะอดใจไม่ไหว ตัวไส้จะมีรสชาติหวานมันและเนื้อเนียนสุด ๆ ไปเลยค่ะ ยิ่งได้แช่เย็นก่อนทานก็ยิ่งฟิน
วัตถุดิบแป้งชูครีม
- ไข่ไก่
- แป้งสาลีเอนกประสงค์
- เนยเค็ม
- น้ำเปล่า
วัตถุดิบไส้คัสตาร์ดไข่เค็ม
- ไข่แดงเค็มสุก
- ผงคัสตาร์ด
- แป้งกวนไส้
- น้ำตาลทราย
- เนยเค็ม
- วิปปิ้งครีม
- นมข้นจืด
วิธีทำชูครีมคัสตาร์ดไข่เค็ม
มาเริ่มทำแป้งชูครีมกันก่อนดีกว่าค่ะ เริ่มจากเทน้ำใส่หม้อเล็กน้อย จากนั้นใส่เนยเค็มอุณหภูมิห้องลงไป เปิดเตาไฟอ่อน ๆ รอจนเนยละลายดีแล้วรอให้น้ำเดือดและใส่แป้งสาลีลงไปเลยค่ะ รีบกวนแป้งด้วยความว่องไวให้แป้งผสมกับน้ำและเนย หลังจากแป้งเริ่มนุ่มและเป็นก้อนแล้วเราจะปิดเตาแล้วกวนไปเรื่อย ๆ จนแป้งเนียนและไม่มีเมล็ดแป้งหลงเหลืออยู่เลยค่ะ เนื้อแป้งจะเนียน ๆ และดูใสเล็กน้อย จากนั้นนำแป้งเข้าเครื่องตีเพื่อตีไล่ความร้อน หรือถ้าใครไม่มีเครื่องสามารถใช้ไม้พายคนแป้งไปเรื่อย ๆ ก็ได้ค่ะ ตีไปได้สักครู่ความร้อนออกจนแป้งยังอุ่น ๆ เราจะตอกไข่ไก่แล้วใส่ลงไปทั้งฟองเลยค่ะ ขณะเดียวกันเราก็ยังคงกวนแป้งไปเรื่อย ๆ จนแป้งและไข่เข้ากันดี แป้งจะมีลักษณะฟูและเหนียวขึ้นเล็กน้อย
แป้งเนื้อเนียนดีแล้วหันมาวอร์มเตาอบให้ร้อน หันมาตักแป้งใส่ถุงบีบ รองก้นถาดด้วยกระดาษไขแล้วบีบแป้งลงไปเป็นก้อนกลมขนาดตามต้องการ ทำไปเรื่อย ๆ จนหมด ตอนบีบแป้งต้องเว้นระยะห่างนิดหน่อยนะคะเพราะตอนสุกแป้งจะพองขายตัวขึ้นอีก จากนั้นใช้นิ้วแตะน้ำแล้วเกลี่ยด้านแป้งแหลมด้านบนของแป้งให้เรียบเนียนเพื่อป้องกันการไหม้ค่ะ เสร็จเรียบร้อยแล้วนำแป้งเข้าเตาอบในอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 15 – 20 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดของแป้งค่ะ อบเสร็จเรียบร้อยแล้วทิ้งแป้งไว้ในเตาอบสักครู่ให้แป้งเย็นตัวลงก่อนค่ะ
ระหว่างอบแป้งเราจะหันมาทำไส้คัสตาร์ดไข่เค็มรอกันเลยค่ะ เริ่มจากนำไข่เค็มมาบี้ให้แหลกเล็กน้อยแล้วนำเข้าเครื่องปั่น ใส่นมข้นจืดลงไปเล็กน้อยแล้วปั่นจนส่วนผสมเนียนละเอียดเลยค่ะ เสร็จแล้วเทส่วนผสมใส่หม้อ เพิ่มความหวานด้วยน้ำตาลทรายชนิดละเอียด, แป้งกวนไส้ และผงคัสตาร์ด คนให้ส่วนผสมทั้งหมดเนียนเป็นเนื้อเดียวกันแล้วปิดท้ายด้วยวิปปิ้งครีมค่ะ เราจะใช้ครีมเหลวที่ยังไม่ตีนะคะ คนให้เข้ากันอีกหน่อยแล้วนำขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ แล้วกวนไส้ขนมไปเรื่อยขนส่วนผสมทั้งหมดข้นและสีเข้มขึ้น ระวังก้นหม้อไม้ด้วยนะคะ ได้สีเข้มดีแล้วปิดเตาแล้วใส่เนยลงไปค่ะ คนจนเนยละลายและแป้งหายร้อนดีแล้วนำไส้ใส่ถุงบีบแล้วนำมาบีบใส่ชูครีมที่ทำไว้ค่ะ แช่เย็นให้ไส้เซตตัวอีกเล็กน้อยก็สามารถรับประทานได้เลยจ้า
10. ปังไข่เค็มกรอบ
ปิดท้ายกันด้วยเมนูขนมอย่างขนมปังกรอบรสไข่เค็ม เมนูนี้ทำครั้งเดียวทานได้หลายวันเลยค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นเมนูนี้ใช้วัตถุดิบน้อยและประหยัดสุด ๆ เพียงแค่เพื่อน ๆ มีขนมปัง, ไข่แดงเค็ม และนมจืดก็สามารถทำเมนูอร่อยได้แล้วขอบอกว่าตอนอบเสร็จใหม่ ๆ นี่ขนมปังจะสร้างกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วทั้งครัว ในส่วนของรสชาติบอกเลยว่าว้าวสุด ๆ เพราะขนมปังของเราจะกรอบนอกนุ่มใน มีกลิ่นหอมของนมอบอวลอยู่ในปากและได้รสชาติเค็ม ๆ มัน ๆ ของไข่แดง อร่อยแบบนี้ทานเพลินแน่นอน
วัตถุดิบปังไข่เค็มกรอบ
- ไข่แดงเค็มสุก
- ขนมปัง
- เกลือ
- พริกไทยป่น
- นมจืด
วิธีทำปังไข่เค็มกรอบ
หั่นขนมออกเป็นแท่งขนาดตามต้องการ ใครใช้ขนมปังแผ่นหนาจะหั่นครึ่งขนมปังให้บางลงอีกก็ได้นะคะ แต่ไม่ควรบางจนเกินไปค่ะ จากนั้นพักขนมปังไว้ก่อนแล้วหันมายีไข่แดงให้แตกร่วน เติมนม, เกลือ และพริกไทยดำเล็กน้อยแล้วตีให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีเลยค่ะ เสร็จแล้วนำขนมปังที่หั่นไว้ลงมาชุบแล้วนำเข้าเตาอบหรือหม้ออบลมร้อนในอุณหภูมิประมาณ 175 – 180 องศาเซลเซียส ใช้เวลา 15 – 20 นาที จนขนมปังแห้งกรอบขึ้น พักให้ขนมปังคลายความร้อนแล้วเก็บใส่ภาชนะได้เลยจ้า
และนี่ก็คือเมนูจากไข่เค็มทั้ง 10 เมนูที่เรานำมาฝากเพื่อน ๆ ค่ะ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ มีเมนูโปรดเพื่อน ๆ บ้างมั้ยเอ่ย? แต่เราคิดว่าเมนูยำไข่แดงนี่น่าจะถูกใจเพื่อน ๆ หลายคนเลยนะคะเพราะเมนูนี้เป็นอะไรที่ฮอตฮิตสุด ๆ อ่านบทความนี้จบแล้วจะต้องมีเพื่อน ๆ หลายคนลุกมาลองทำไข่เค็มทานเองกันแน่นอน ลองทำดูค่ะเพื่อน ๆ โดยเฉพาะการทำไข่เค็มสไตล์ฝรั่งนี่น่าสนใจและเก็บไว้ได้นานสุด ๆ นอกจากเก็บได้นานแล้วยังสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนูเลยนะคะ หรือแค่ขูดไข่แดงลงไปคลุกกับมันฝรั่งทอดกรอบก็กลายเป็นมันฝรั่งรสไข่เค็มเก๋ ๆ แล้ว หวังว่าเพื่อน ๆ จะชอบกันนะคะ ส่วนวันนี้ต้องขอตัวก่อน สวัสดีค่ะ