การฟังเพลง ไม่ว่าจะเป็นเพลงแนวไหนก็ตาม ทั้ง Pop, Rock, Hiphop, R&B หรือ Classic ล้วนเป็นสิ่งที่ช่วยจรรโลงจิตใจ ให้เรามีความสุข ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และคลายความตึงเครียดให้กับเราได้เป็นอย่างดีครับ เนื่องจากเนื้อร้องและจังหวะดนตรีมีคุณสมบัติในการสร้างสีสันในวันที่แสนน่าเบื่อ ทำให้เรารู้สึกกระชุ่มกระชวยได้ไม่มากก็น้อย และแน่นอนครับว่า การที่จะฟังเพลงให้สนุกและเข้าถึงอารมณ์ได้นั้น นอกจากจะมีเนื้อร้องและจังหวะดนตรีที่ดีแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นคือเรื่องของ เสียง ครับ ซึ่งมันจะต้องมีทั้งความคมชัด และเสียงที่มีมิติ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เรารู้สึกเหมือนศิลปินมาร้องให้ฟังอยู่ข้าง ๆ หูเลยทีเดียว
ดังนั้นการที่เสียงเพลงจะมีคุณภาพหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่คุณใช้ขับเสียงเป็นหลักครับ หากเป็นหูฟัง คุณก็ต้องเลือกรุ่นที่มีคุณภาพและเหมาะกับแนวเพลงของคุณ เช่น หูฟังเบส, หูฟัง TWS, หูฟังบลูทูธ หรือหูฟังคาดศีรษะ เป็นต้น แต่ถ้าหากคุณต้องการจะขับเสียงด้วยลำโพง คุณก็สามารถเลือกแบรนด์ชั้นนำอย่าง Bose, marshall หรือ JBL ได้ครับ ซึ่งปัจจุบันมันก็มีให้เลือกหลากหลายประเภทมากครับ ไม่ว่าจะเป็น ลำโพงบลูทูธ, ลำโพงซาวด์บาร์, ลำโพงคอมฯ, ลำโพงไร้สาย หรือ ลำโพงอัจฉริยะ เป็นต้น
แต่ถ้าหากคุณมีทั้งเสียงเพลงที่ดีและมีลำโพงที่มีคุณภาพสูง ๆ แล้ว แต่เสียงเพลงที่ออกมายังไม่ดีพอ มันยังมีอีกหนึ่งปัจจัยครับที่มันสำคัญไปไม่แพ้กัน นั่นก็คือ “สาย AUX” หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ “สายเชื่อมต่อ” นั่นเองครับ โดยเป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างเครื่องเล่นเพลงต่าง ๆ อย่างสมาร์ทโฟน เข้ากับชุดเครื่องเสียง, ชุดโฮมเธียเตอร์ หรือลำโพงต่าง ๆ นั่นเอง ซึ่งก็แน่นอนครับว่าหากสายมีคุณภาพสัญญาณสูง มันก็เปรียบเหมือนถนนเรียบ ๆ ที่รถไม่ติด สัญญาณเสียงก็จะเดินทางได้อย่างราบรื่น และรวดเร็ว เสียงที่ถูกขับออกก็จะมีความใสกริ๊งเหมือนกับต้นฉบับเลยล่ะครับ สำหรับวันนี้เราจึงอยากจะถือโอกาส มาแนะนำสาย AUX คุณภาพสูง ๆ ให้ทุกคนได้นำไปใช้ฟังเพลงกันครับ
สาย AUX แบบไหนหมาะกับคุณมากที่สุด ?
- สาย AUX ที่ดีที่สุด มอบเสียงที่สมบูรณ์แบบ สัญญาณเสถียร แถมยังมีความทนทานสูง: สาย AUX Marshall 3.5 มม
- สาย AUX ราคาประหยัด การันตีคุณภาพด้วยมาตรฐานมากมาย: Remax สายส่งสัญญาณเสียง Aux 3.5mm รุ่น RL-L100
- สาย AUX ที่คุ้มค่าที่สุด มาพร้อมรับประกันเปลี่ยนใหม่ให้ทันที ถ้าเสียภายใน 1 - 2 ปี: UGREEN สาย AUX 3.5mm M to M Cable รุ่น 60180
- สาย AUX ที่มาพร้อมหัวตัวผู้ และตัวเมีย ในเส้นเดียว รองรับการใช้งานได้หลากหลาย: Vention สาย AUX ต่อหูฟัง 3.5 มม. สายถัก แบบตัวผู้-ตัวเมีย
- สาย AUX 10 เมตร: OWIRE เคเบิลเชื่อมต่อสัญญาณเสียง Aux 3.5 mm รุ่น SY-0923
- สาย AUX ราคาประหยัด แต่มาพร้อมคุณภาพที่ดีเยี่ยม แถมความทนทานขั้นสุด: TOPK YP13 สายสัญญาณเสียง แจ็ค 3.5 มม. Aux Male To Male
สาย AUX คืออะไร ?
สาย AUX หรือชื่อเต็มว่า ‘Auxiliary Cable’ เป็นสายที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อหูฟังหรือลำโพงเข้ากับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สามารถจะฟังเพลงและดูหนังได้ อาทิเช่น สมาร์ทโฟน, แท็บเลต, โน้ตบุ๊ค หรือคอมพิวเตอร์ เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ปกติแล้วสาย AUX จะมีหัวต่อทั้ง 2 ด้าน และไม่มีหน่วยความจำ ก็คือมีไว้สำหรับการต่อเข้ากันระหว่างอุปกรณ์เพื่อส่งสัญญาณเสียงอนาล็อก ทำให้เราสามารถฟังเสียงจากไฟล์นั้น ๆ ได้นั่นเอง
สาย AUX มีกี่ประเภท อะไรบ้าง ?
- 3.5 mm : สาย AUX แบบ 3.5 mm (ขนาดแจ็คหรือหัวต่อประมาณ 3.5 มม.) เป็นสายพื้นฐานที่ใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ กันเป็นปกติมาตั้งแต่ในอดีตครับ โดยการส่งสัญญาณของมันคืออนาล็อก ดังนั้นมันจึงเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ, อุปกรณ์นำทาง รวมไปถึงอุปกรณ์อีกมากมายที่มีพอร์ตรับสาย AUX
- Optical : Optical จะส่งสัญญาณเป็นแบบดิจิตอล (แตกต่างออกไปจากแบบ 3.5 mm ที่เป็นระบบอนาล็อก) โดยจุดเด่นของมัน นั่นคือคุณภาพของเสียงสูงมาก เนื่องจากมันลดการสอดแทรกของสัญญาณหรือการรบกวนได้ค่อนข้างดี แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างจะแพง ทำให้มันไม่ค่อยนิยมจะใช้กันสักเท่าไหร่นัก
วิธีเลือกซื้อสาย AUX ที่มีคุณภาพ ต้องพิจารณาอะไรบ้าง ?
1. ระยะเวลาการใช้งาน
สาย AUX โดยส่วนใหญ่แล้วจะอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 5,000 ถึง 20,000 ครั้ง (จำนวนการเสียบเข้า/เสียบออก) ซึ่งหลากหลายรุ่นจะมีการระบุเอาไว้อย่างชัดเจนครับ ถ้าหากมันระบุจำนวนครั้งมากเท่าขึ้นไหร่ นั่นจะหมายความว่า ระยะเวลาการใช้งานหรือพูดง่าย ๆ ว่าความทนทานของมันจะมากขึ้นเท่านั้น
2. ความยาวของสาย
จริง ๆ แล้วความยาวของ สาย AUX ไม่ค่อยจะเป็นปัญหาสักเท่าใดนักครับ เนื่องจากขนาดมาตรฐานของสายมีความยาวที่เยอะเป็นปกติอยู่แล้ว หากคุณต้องการใช้เพื่อนำไปเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของตัวเอง ความยาวของสายจะไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอนครับ แต่หากใครที่ต้องการเชื่อมต่อจากห้องหนึ่งไปยังอีกห้องหนึ่ง หรือต้องเชื่อมต่อในระยะที่ไกล อาจจำเป็นต้องเช็กความยาวของมันสักนิดก่อนจะกดซื้อครับ เพราะถ้าหากคุณซื้อสาย AUX ยาว 3 เมตร มา แต่ในการใช้งานจริง ๆ คุณต้องการ สาย AUX ที่ยาว 5 เมตร คุณจะไม่สามารถซื้อสาย AUX ยาว 2 เมตร มาต่อกับสาย AUX ยาว 3 เมตร เดิมได้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือ ซื้อใหม่ครับ หรือวิธีที่ง่ายกว่า คือ การเคลื่อนย้ายข้าวของมาอยู่ที่พอดีกับสาย
3. เลือกสายที่มีความสลิมหรือไม่ใหญ่มากจนเกินไป
เหตุผลที่อยากให้เลือก สาย AUX ขนาดไม่ใหญ่มากจนเกินไป เพราะในบางครั้ง เคสมือถือที่หนา และใหญ่ก็อาจจะทำให้การเสียบเข้ากับหม้อแกงอุปกรณ์นั้นลำบากขึ้น แต่ถ้าหากสายของเรามีความผอมสลิม แน่นอนว่าการเชื่อมต่อก็จะง่าย ไม่ต้องมากังวลในเรื่องนี้
4. วัสดุที่ใช้ในการผลิต
แน่นอนครับว่าในแต่ละแบรนด์ย่อมมีการเลือกใช้วัสดุในการผลิต สาย AUX ที่แตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่ใส่ในของสายจะเป็นทองแดงบริสุทธิ์เหมือนกันทั้งหมดครับ เนื่องจากทองแดงจะมีคุณสมบัติในการส่งสัญญาณที่มีประสิทธิภาพ โดยส่วนที่แตกต่างกันจะอยู่ที่วัสดุที่ใช้หุ้มสายครับ
ซึ่งสายที่มีราคาสูง ๆ วัสดุหุ้มสายก็จะมีคุณภาพ แข็งแรงทนทาน หักงอได้ยาก อีกทั้งบางรุ่นก็มีฉนวนกันสัญญาณรบกวนให้ด้วย ช่วยให้สัญญาณเสียงมีคุณภาพดีที่สุด ส่วนสายราคาประหยัดส่วนใหญ่ใช้วัสดุหุ้มสายธรรมดาและไม่มีฉนวนกันสัญญาณรบกวน ทำให้ขนาดสายเล็ก ค่อนข้างอ่อน หักงอและฉีกขาดได้ง่าย ส่งผลให้คุณต้องใช้งานอย่างระมัดระวังครับ ดังนั้นก่อนที่จะซื้อลองเช็กรายละเอียดส่วนนี้ให้ดีครับ
ENYX สาย AUX Audio 3.5 mm

ราคา 45 บาท*
หากพูดถึงสายที่มีดีไซน์สุดเรียบหรู แถมยังมีความแข็งแรง ทนทาน เราคงจะต้องยกให้กับ ENYX ครับ เพราะที่บริเวณสายมีการหุ้มด้วยอลูมิเนียมอย่างดี ไม่ว่าจะมีการดึง การกระชาก การตกหล่น หรือมีการบิดงออย่างรุนแรง โดยไม่ได้ตั้งใจ สาย AUX ของแบรนด์นี้ก็ยังคงทนทานใช้งานต่อได้ โดยไม่ต้องกังวลอะไรเลย และยังมีการรับประกัน ให้อีก 1 ปี ช่วยเพิ่มความมั่นใจเข้าไปอีกนอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่ดีทั้งการป้องกันสัญญาณรบกวน และด้วยความที่มันมาในประเภทสาย AUX แบบ 3.5 mm แน่นอนว่ามันก็จะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้แทบจะทุกชนิดที่เราต้องการ
จุดเด่น
- วัสดุหุ้มสาย เป็นอลูมิเนียมอย่างดี ช่วยทำให้มันเรียบหรู ดูแพง
- ตัวสายมีความทนทานต่อแรงกระชาก การตกหล่น และการบิดงอสาย
- มีการรับประกัน 1 ปี เต็ม
ประเภท | 3.5 mm |
---|---|
ความยาว | 1 เมตร |
วัสดุ | อลูมิเนียม |
การรับประกัน | 1 ปี |
AEUE Audio Cable สาย AUX 3.5 mm

ราคา 45 บาท*
สำหรับคนที่กำลังมองหาสาย AUX ราคาถูกอยู่ AEUE รุ่นนี้ ถือว่าเป็นช้อยส์ที่โอเคเลยครับ เนื่องจากคุณภาพเสียงที่ได้รับ ค่อนข้างมีความคมชัดสูง ปล่อยและส่งผ่านสัญญาณดีมาก ๆ ในขณะที่หัวต่อจะมีการเสริมด้วยสปริง ช่วยเพิ่มความแข็งแรง ทนทาน ลดปัญหาสายขาด และหัก เมื่อเกิดการกระชาก นอกจากนี้การดีไซน์ก็จะมีความคล้ายเคียงกับ 'UGREEN สาย AUX 3.5mm M to M Cable' ตรงที่หัวแจ็คด้านหนึ่งจะตรงและอีกด้านมาในลักษณะรูปทรงตัว L ช่วยให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
จุดเด่น
- รูปทรงของสาย AUX จะเป็นรูปทรงตัว L หรืองอ 90 องศา ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเชื่อมต่อ
- ราคาประหยัดมาก ๆ แถมเสียงที่ได้มีความคมชัด และส่งสัญญาณได้อย่างเสถียร
ประเภท | 3.5 mm |
---|---|
ความยาว | 1 เมตร |
วัสดุ | TPE และ ลวดทองแดง |
การรับประกัน | 3 เดือน |
Remax สายส่งสัญญาณเสียง Aux 3.5mm รุ่น RL-L100

ราคา 57 บาท*
สายส่งสัญญาณเสียงอีกหนึ่งรุ่นครับ จากแบรนด์ที่เราคุ้นเคยอย่าง Reemax ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีมาตรฐาน สินค้าแทบทุกชิ้นของ Reemax ได้รับมาตรฐาน ทั้ง RoHs, FC และ CE มาเรียบร้อยแล้ว การันตีได้ว่า การส่งสัญญาณเสียงนั้นมีคุณภาพดีแน่นอนครับ อีกทั้งยังมีความแข็งแรง ทนทาน และปลอดภัยต่อการใช้งานอีกด้วย ฟังก์ชันและการใช้งานของรุ่นนี้จะใกล้เคียงกับรุ่น ‘ENYX’ ครับ คือ ใช้หัวแจ็คมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร ทั้งสองฝั่ง ทำให้มันสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้มากมาย แต่ที่ผมชอบมากที่สุดคือ มันส่งสัญญาณเสียงได้อย่างไหลลื่น และมีความเสถียรมาก ๆ ครับ รับรองว่าปัญหาเสียงขาดช่วงหรือสัญญาณอู้อี้จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
จุดเด่น
- การส่งสัญญาณเสียงค่อนข้างเสถียร ไม่มีการสะดุด
- ผ่านมาตรฐานจากองค์ที่น่าเชื่อถือ
ประเภท | 3.5 mm |
---|---|
ความยาว | 1 เมตร / 2 เมตร |
วัสดุ | N/a |
การรับประกัน | 3 เดือน |
TOPK YP13 สายสัญญาณเสียง แจ็ค 3.5 มม. Aux Male To Male

ราคา 59 บาท*
TOPK มาในสเปกที่ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับทาง ‘UGREEN’ ครับ โดยตัวสายจะมีความยืดหยุ่น และทนทานสูง เนื่องจากสายห่อหุ้มทองแดงด้วยอลูมิเนียมอัลลอยด์ และสายถักไนลอนอย่างดี ทำให้มันมีคุณภาพสูง สามารถจะทนต่อการกระชากอย่างรุนแรงได้ อีกทั้งหัวแจ็คเองก็มีคุณสมบัติในการทนต่อรอยขีดข่วน และการหักงอ ดังนั้นรับประกันได้เลยครับว่า อายุการใช้งานยาวนานแน่นอน ถึงแม้ว่า รุ่นนี้จะมีราคาราคาค่อนข้างประหยัด แต่ยังคงมีการรับประกันให้ยาวนานถึง 1 ปี ฉะนั้นมันคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปอย่างแน่นอนครับ
จุดเด่น
- สาย Aux รุ่นนี้หุ่มด้วยวัสดุอย่างดี 2 ชึ้น โดยชั้นแรกเป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์ และใช้ไนล่อนถักทับอีกชั้น
- ตัวสายมีความแข็งแรง ทนทานสูง ทนต่อแรงดึง แรงกระชาก และการหักงอ
- มีการรับประกัน 1 ปี เต็ม
ประเภท | 3.5 mm |
---|---|
ความยาว | 1 เมตร |
วัสดุ | ทองแดง และ อลูมิเนียม / ไนลอน |
การรับประกัน | 1 ปี |
Vention สาย AUX ต่อหูฟัง 3.5 มม. สายถัก แบบตัวผู้-ตัวเมีย

ราคา 63 บาท*
Vention แตกต่างออกไปจากสาย AUX ตัวอื่น ๆ ตรงที่หัว 3.5 มม. ของรุ่นนี้ ฝั่งหนึ่งจะเป็นแบบตัวผู้ และอีกฝั่งหนึ่งจะเป็นตัวเมียครับ นั่นหมายความว่า คุณสามารถนำหูฟังของตัวเองมาเชื่อมต่อกับสายตัวนี้ได้โดยตรง ทั้งนี้ยังซัพพอร์ตไมโครโฟนอีกด้วย ดังนั้นนอกจากจะใช้สำหรับการฟังแล้ว คุณยังพูดวิดีโอคอลหรือโทรทั่วไปได้อีกด้วย ทางด้านประสิทธิของภาพเสียงก็มีดีไม่แพ้กัน โดยเสียงที่ปล่อยออกมามีคุณภาพและค่อนข้าง ‘pure’ หรือบริสุทธิ์ ไม่ทำให้ไฟล์เสียงต้นฉบับมีความผิดเพี้ยน การส่งสัญญาณมีความสมูธและเสถียรเป็นพิเศษ เพราะหัวแจ็คจะเป็นทองแดง มีคุณสมบัติในการต้านวงจรไฟฟ้ากระแสกลับได้เป็นอย่างดี และสายก็ห่อหุ้มด้วยสายถักย่างดี ช่วยเพิ่มความยืดยุ่น แข็งแรง และทนทาน
จุดเด่น
- สายจะเป็นแบบ ตัวผู้ - ตัวเมีย สามารถใช้ร่วมกับหูฟังได้
- หัวแจ็คเป็นทองแดง มีคุณสมบัติในการลดการรบกวน ช่วยให้มีการส่งสัญญาณที่เสถียร
- ตัวสายห่อหุ้มด้วยวัสดุ PVC และ PET ช่วยเพิ่มความทนทาน มีความยืดยุ่นสูง
- มีความยาวสายให้เลือกตั้งแต่ 0.5 - 5 เมตร
- มีการรับประกันนานถึง 1 ปี เต็ม
ประเภท | 3.5 mm |
---|---|
ความยาว | 0.5 - 5 เมตร |
วัสดุ | PVC / PET และ ทองแดง |
การรับประกัน | 1 ปี |
AUX 3.5 mm สาย AUX แบบสปริง ยืดหดได้ สำหรับใช้ในรถ

ราคา 85 บาท*
มาต่อกันที่สาย AUX รุ่นนี้ครับ เป็นอีกหนึ่งสายที่ค่อนข้างจะส่งสัญญาณเสียงได้อย่างรวดเร็ว และมีความสเถียรไปไม่แพ้กว่าตัวท็อป ๆ โดยจะส่งสัญญาณเสียงด้วยขดลวดทองแดงแบบหนาพิเศษ ห่อหุ้มด้วยวัสดุที่มีความยืดหยุ่น ช่วยให้ตัวสายมีคุณสมบัติในการยืดหยุ่นดีมาก โดยถูกทำให้เป็นสายสปริง ทำให้เหมาะสำหรับใช้ในรถมาก ๆ ครับ ไม่เกะกะ โดนสามารถยืดสายได้สูงสุดยาวถึง 1.5 เมตร เลยทีเดียว ทั้งยังเก็บง่าย และไม่ทำให้เกะกะพื้นที่ของเราอีกด้วย ส่วนสายแจ็คขนาด 3.5 มม. ทั้งสองฝั่ง ช่วยให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ฟังพลงได้เกือบทุกประเภทเลยครับ
จุดเด่น
- สายจะเป็นสปริง ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูง ยาวได้สูงสุดถึง 1.5 เมตร เหมาะสำหรับใช้งานในรถ
- ด้วยขดลวดเป็นทองแดงแบบหนาพิเศษ ช่วยให้ส่งสัญญาณได้เร็ว และมีความเสถียร
ประเภท | 3.5 mm |
---|---|
ความยาว | 1.5 เมตร |
วัสดุ | ทองแดง |
การรับประกัน | N/a |
OWIRE เคเบิลเชื่อมต่อสัญญาณเสียง Aux 3.5 mm รุ่น SY-0923

ราคา 98 บาท*
OWIRE สายสัญญาณเสียงคุณภาพสูง ดีไซน์โดดเด่น เรียบหรู ส่งสัญญาณด้วยลวดทองแดงบริสุทธิ์ที่มีมากถึง 84 แกน ดังนั้นสัญญาณรบกวนจะเกิดขึ้นได้น้อยมาก ๆ ครับ หรือแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ ช่วยให้เสียงที่คุณได้รับ จะสมบูรณ์แบบ มีความคมชัด ชัดเจนเหมือนกับการฟังภายในสตูดิโอเลยละครับ และที่ผมชื่นชอบอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตัววัสดุหุ้มสายที่ต้องบอกเลยว่า ทนทานมาก ๆ ไม่ว่าคุณจะดึงแรง ๆ กระชาก หรือหักงอ มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ เพราะมันหุ้มด้วยอลูมิเนียมอัลลอยด์ถัก ในส่วนของหัวแจ็คใช้เป็นขนาดมาตรฐาน 3.5 mm ทั้งสองฝั่งครับ สามารถที่จะเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะหูฟัง, รถยนต์, สมาร์ทโฟน, โน๊ตบุ๊ค ฯลฯ
จุดเด่น
- ส่งสัญญาณด้วยทองแดงบริสุทธิ์ พร้อมฉนวน 84 แกน ช่วยให้ส่งสัญญาณได้เสถียร มีสัญญาณรบกวนน้อย
- มอบเสียงที่มีความคมชัด เหมือนฟังสด ๆ ในสตูดิโอ และคุณภาพเสียงไม่ตกเลย
- สายหุ้มด้วยอลูมิเนียมอัลลอยด์ถัก ช่วยให้มีความแข็งแรง ทนทาน
- มีความยาวให้เลือกตั้งแต่ 0.5 - 10 เมตร
ประเภท | 3.5 mm |
---|---|
ความยาว | 0.5 - 10 เมตร |
วัสดุ | อลูมิเนียม และ ทองแดง |
การรับประกัน | 1 เดือน |
UGREEN สาย AUX 3.5mm M to M Cable รุ่น 60180

ราคา 99 บาท*
สำหรับใครที่กำลังมองหาสาย AUX คุณภาพสูง ๆ เพื่อใช้เชื่อมต่อระหว่างสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ต่าง ๆ ผมแนะนำ UGREEN รุ่นนี้เลยครับ ซึ่งมาพร้อมการดีไซน์ที่สวยงาม น่าใช้งาน ส่งสัญญาณด้วยแกนทองแดงขนาดใหญ่ ที่มอบทั้งความเสถียร และความรวดเร็ว ใช้หัวเชื่อมต่อ 3.5mm โดยออกแบบให้ปลายสายข้างหนึ่งเป็นหัวตรง เพื่อเชื่อมต่อกับมือถือ ในขณะที่อีกด้านจะเป็นรูปตัว L เพื่อให้มันไม่เกะกะเมื่อเชื่อมต่อ
ในส่วนวัสดุหุ้มสายจะผลิตมาจากอลูมิเนียมอัลลอยและหุ้มด้วยสายถักไนลอนอีกชั้น หากใครที่รู้สึกว่าตัวเองใช้งานไม่ค่อยระมัดระวัง หรือเคยมีประสบการณ์สายขาดอยู่บ่อยครั้ง ลองเปลี่ยนมาใช้สาย AUX ของทาง UGREEN สิครับ รับรองว่าปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ช่วยให้เราเซฟค่าใช้จ่ายในการซื้อสายใหม่ไปได้เยอะมาก
จุดเด่น
- รูปทรงของสาย AUX จะเป็นรูปทรงตัว L หรืองอ 90 องศา ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเชื่อมต่อ
- สาย Aux รุ่นนี้หุ่มด้วยวัสดุอย่างดี 2 ชึ้น โดยชั้นแรกเป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์ และใช้ไนล่อนถักทับอีกชั้น
- ตัวสายมีความแข็งแรง ทนทานสูง ทนต่อแรงดึง แรงกระชาก และการหักงอ
- มีการรับประกันเปลี่ยนตัวใหม่ให้ ถ้าเสียภายใน 1 - 2 ปี
ประเภท | 3.5 mm |
---|---|
ความยาว | 1 เมตร / 2 เมตร |
วัสดุ | ทองแดง และ อลูมิเนียม / ไนลอน |
การรับประกัน | 1 - 2 ปี |
สาย AUX Marshall 3.5 มม

ราคา 229 บาท*
ปิดท้ายกันที่สายที่ดีที่สุดในลิสนี้ ซึ่งถึงแม้ว่าราคาจะต่างจากรุ่นอื่น ๆ ไปเท่าตัว แต่ถ้าหากเปรียบเทียบในเรื่องของคุณภาพเสียง และคุณภาพในด้านต่าง ๆ รวมไปถึงระยะเวลาการใช้งาน ก็ต้องยอมรับเลยครับว่า สายของ Marshall นั้นดีจริง ๆ โดยใช้หัวแจ็ค 3.5 มม. ทั้งสองฝั่ง เป็นขั้วต่อแบบชุบ ส่งสัญญาณด้วยทองแดงที่หนาพิเศษ ให้การส่งสัญญาณที่เสถียร และรวดเร็วมาก ๆ โดยไม่มีการรบกวนใด ๆ แจ็คเก็ต PU ความแข็งแรงสูง ส่วนสายจะมีลักษณะเป็นแบบสปริง ซึ่งทำมาจาก TPE อย่างดี แม้ว่าจะมีการดึงอยากรุนแรงหรือตกมาจากที่สูง สาย AUX ตัวนี้ก็จะไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใดครับ
ทั้งนี้การส่งสัญญาณเสียงก็เป็นไปตามมาตรฐานของ Marshall เลยครับ ยิ่งถ้าได้ใช้ร่วมกันกับลำโพงของทางแบรนด์ ก็บอกได้เลยว่าเสียงที่ปล่อยออกมานั้นใสกริ๊ง และเก็บรายละเอียดของเสียงได้ทุกเม็ด นอกจากนี้ยังอแดปไปเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้หลากหลาย อาทิเช่น มือถือ, แท็บเล็ต, โน้ตบุ๊ค, MP3, รถยนต์ ฯลฯ
จุดเด่น
- หัวแจ็คแบบชุบ แจ็คเก็ต PU ความแข็งแรงสูง พร้อมทองแดงหนาพิเศษ ช่วยให้การส่งสัญญาณที่ดีเป็นพิเศษ
- ตัวสายผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ช่วยมอบอายุการใช้งานระยะยาว
- สายจะเป็นสปริง ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูง ยาวได้สูงสุดถึง 1 เมตร ช่วยให้ใช้ง่าย เก็บง่าย ไม่เกะกะ
- เหมาะมาก ๆ ถ้าหากนำไปเชื่อมต่อกับ ลำโพง Marshall รุ่น Woburn Speaker
ประเภท | 3.5 mm |
---|---|
ความยาว | 1 เมตร |
วัสดุ | PU / TPE และ ทองแดง |
การรับประกัน | N/a |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ รีวิว สาย AUX แบบไหนใช้ดีที่สุด ปี 2023 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
| ||||
|
วิธีการทำความสะอาด สาย AUX มีขั้นตอนอะไรบ้าง ?
1. ถอดหัวแจ็คออกมาจากเครื่องเล่น
ก่อนที่จะทำความสะอาด แนะนำให้คุณถอดสาย AUX ออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟฟ้าเกิดการรั่วไหล จนเกิดอันตราย แต่การดึงหรือถอดสายออกมาก็จะต้องทำอย่างเบามือนะครับ เพราะสาย AUX ส่วนใหญ่แล้วจะมีความนิ่ม ซึ่งอาจจะขาดได้ ดังนั้นต้องทำอย่างไม่ระมัดระวัง
2. เช็ดกับผ้าไมโครไฟเบอร์
เหตุผลที่แนะนำให้ใช้ ผ้าไมโครไฟเบอร์ เนื่องจากมันจะไม่สร้างรอยขีดข่วน หรือทำให้สาย AUX ของเรา ได้รับความเสียหายนั่นเองครับ ทั้งนี้ในการเช็ดก็ให้คุณเช็ดคราบดำหรือคราบสกปรกที่ติดอยู่บนสาย ออกให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วก็ค่อยไปกำจัดที่หลงเหลือในขั้นตอนต่อไป
3. นำผ้าไปชุบไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์
ให้คุณนำผ้าแห้งไปชุบแอลกอฮอล์ประเภท ไอโซโพรพิล จากนั้นก็นำมาเช็ดคราบสกปรก ซึ่งหลังเหลือมาจากขั้นตอนที่ 2 โดยสาเหตุที่แนะนำให้ใช้ ไอโซไพรพิลแอลกอฮอล์ เนื่องจากมันเป็นมิตรต่อเหล็ก ไม่ทำให้สาย AUX เสียหาย และในขณะเดียวกันยังมีฤทธิ์ในการทำความสะอาดที่ดีมาก ๆ ด้วย
4. เช็ดสาย AUX ให้แห้งก่อนจะนำไปใช้งาน
จริง ๆ แล้วไอโซโพรพิลแอกอฮอล์ค่อนข้างจะระเหยได้อย่างรวดเร็ว แต่เพื่อป้องกันไม่ให้มันมีความชื้นหรือของเหลวหลงเหลืออยู่บนสาย AUX ของเรา ผมอยากจะให้ทุกคนเช็ดสายด้วยผ้าแห้งอีกสักครั้ง ก่อนจะนำไปใช้งาน เพื่อป้องกันหูฟังและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเราเกิดความเสียหายครับ