เมื่อพูดถึง มือถือสมาร์ทโฟนราคาไม่เกิน 10,000 บาท จับว่าเป็นช่วงราคาที่มีคนสนใจมากที่สุดครับ เพราะมีราคาที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ทุกกลุ่ม สเปกก็ให้มาเพียงพอ สามารถใช้งานพื้นฐานต่าง ๆ ได้ แถมเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล นอกจากนี้ยังมีข้อดีอีกอย่างก็คือ มีตัวเลือกเยอะมาก ๆ ครับ ซึ่งแน่นอนครับว่า ถ้ามีสเปกเท่ากัน แบรนด์เล็ก ๆ สู้แบรนด์ใหญ่ไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นแบรนด์เล็ก ๆ จึงต้องสู้ด้วยการใส่สเปกให้เหนือกว่าแบรนด์ใหญ่ อย่าง บางรุ่นจะให้จอใหญ่ เพื่อใช้ด้านความบันเทิง บางรุ่นเน้นสเปกสูง ๆ เพื่อใช้เล่นเกมมือถือ หรือบางรุ่นให้กล้องประสิทธิภาพสูง สิ่งเหล่านี้มักจะถูกแบรนด์ใหญ่กั๊กไว้ ดังนั้นเมื่อมีแบรนด์เล็ก ๆ มาแย่งลูกค้า แบรนด์ใหญ่ ๆ ก็เริ่มปล่อยสเปกมามากขึ้น
โดยถ้าเราย้อนไปในปี 2022 ซึ่งเป็นปีที่ตลาดมือถือดูคึกคักที่สุดนับตั้งแต่ที่มีโควิด 19 มา เราก็จะเห็นเลยว่า มีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ เปิดตัวมาอย่างต่อเนื่องเลย โดยเฉพาะใน ระดับเริ่มต้น ไปจนถึงระดับกลาง ซึ่งสิ่งที่ต่างไปจากปีก่อน ๆ ก็คือ แบรนด์ใหญ่ ๆ มีการจัดสเปกให้มาดีขึ้นมากครับ ยิ่งมาดูปีนี้ (2023) แค่ต้นปี ในตลาดก็มีสมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่นใหม่ ๆ ที่มีสเปกน่าสนใจเพียบเลย จนเราจึงกลับมาอัพเดทบทความนี้ใหม่
ดังนั้นหากวันนี้คุณกำลังมองหา สมาร์ทโฟน สักรุ่นนึงมาใช้ในชีวิตประจำวัน หรืออาจจะซื้อมาใช้เป็นเครื่องสำรอง สมาร์ทโฟน ในงบฯ 10,000 บาท ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ครับ ซึ่งเราได้คัดมารีวิว หลายรุ่น หลายราคาเลย แต่จะมีรุ่นอะไร ? และราคาเท่าไหร่บ้าง ? ไปดูกันครับ
โดยการอัพเดทครั้งนี้ ในปี 2023 เราได้คัดเลือก สมาร์ทโฟน ราคาไม่เกิน 10,000 บาท ที่ดีและดูน่าสนใจกว่ารุ่นเดิม ที่เราได้เลือกในปีที่แล้ว แต่ก็อาจจะมีรุ่นเก่า ผสมมาบ้างนะครับ เนื่องจากรุ่นเก่า ๆ บางรุ่น มีสเปกและราคาที่ดีอยู่แล้ว แต่พอมีรุ่นใหม่มา ราคาก็ยิ่งถูกลงไปอีก ทำให้มันคุ้มค่ายิ่งกว่าเดิม
มือถือสมาร์ทโฟน งบไม่เกิน 10,000 บาท รุ่นไหนดี เหมาะกับคุณ?
- สมาร์ทโฟน 5G ราคาประหยัดที่สุด : Samsung Galaxy A13 5G
- สมาร์ทโฟน 4G ที่คุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด : realme C55
- สมาร์ทโฟน 5G ที่ให้สเปกมาคุ้มค่าที่สุด : realme 9 Pro+ 5G
- สมาร์ทโฟนเล่นเกม ที่ดีที่สุด : POCO X5 5G
- สมาร์ทโฟน ราคาประหยัด ที่เหมาะกับเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่สุด : Infinix ZERO 20
- สมาร์ทโฟน ราคาไม่เกิน 10,000 บาท ที่ภาพรวมดูดีที่สุด : Vivo V27e
ซื้อ มือถือสมาร์ทโฟนราคาไม่เกิน 10,000 บาท ควรพิจารณาอะไรบ้าง ?
วิธีการเลือกซื้อมือถือสมาร์ทโฟน นับเป็นเรื่องที่เราจะต้องเลือกให้ดี ๆ ครับ เพราะในปัจจุบันนี้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ มีรายละเอียดค่อนข้างเยอะครับ ทำให้วิธีการเลือกซื้อมือถือ เราต้องเปรียบเทียบดี ๆ ซึ่งข้อมูลต่อไปนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ
1. วิเคราะห์การใช้งานของตัวคุณเองก่อน

อย่างที่บอกครับว่า การเลือกซื้อมือถือที่คุ้มค่าที่สุดก็คือ การเลือกซื้อรุ่นที่มีคุณสมบัติตรงตามที่เราอยากได้ และสามารถทำทุกอย่างตามที่เราต้องการได้ทั้งหมด ซึ่งอาจจะดูกว้างนะครับ แต่หากเราไปดูสเปกของสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นอย่าง Infinix ZERO 20 เราจะเห็นเลยว่า มันมีสเปกที่เหมาะกับการถ่ายภาพมาก ๆ ส่วน POCO X5 5G มันก็จะมีสเปกที่เหมาะกับการเล่นเกมมาก ๆ ด้วยจอคุณภาพสูง และรองรับการสัมผัสที่แม่นยำขึ้น หรือ Galaxy A13 5G มือถือ 5G ราคาประหยัด ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้นคุณต้องรู่ก่อนว่า จะนำมือถือเครื่องใหม่ไปใช้ทำอะไร ?
2 ชิปเซ็ต (CPU)
ถ้าที่อยู่ของคุณ ยังไม่รองรับ 5G หรือคุณไม่ได้สมัครใช้ 5G คุณก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงครับ เพราะมือถือที่ราคาเท่ากัน รุ่น 4G จะให้สเปกที่ดีกว่า ส่วนรุ่น 5G จะลดสเปกส่วนอื่น ๆ ลง เพื่อไม่ให้แพงเกินไป ดังนั้นอยู่ที่คุณแล้วว่า อยากใช้งาน 5G หรือไม่ ?
|
สมาร์ทโฟน 4G : ควรใช้เป็น Snapdragon 680 ขึ้นไป หรือ MediaTek Helio G99 ขึ้นไป
สมาร์ทโฟน 5G : ควรใช้เป็น Snapdragon 695 ขึ้นไป หรือ Dimensity 800 ขึ้นไป ซึ่งชิปเซ็ตที่เราแนะนำไปเป็นชิปเซ็ตระดับกลาง ที่จะให้การใช้งานที่ลื่นกว่า แต่ก็จะมีบางรุ่นที่ใช้ชิปเซ็ตต่ำกว่า แล้วไปเพิ่มสเปกส่วนอื่น ๆ แทน เช่น กล้อง อย่าง Infinix ZERO 20 หรือ Vivo V27e |
3. หน้าจอแสดงผล

คนส่วนใหญ่มักจะเลือกหน้าจอจาก ขนาดของหน้าจอ ซึ่งก็ไม่ผิดครับ แต่เราอยากแนะนำให้ดูส่วนประกอบอื่น ๆ เพิ่มด้วย โดยสเปกจอขั้นต่ำในมือถืองบไม่เกินหมื่นของยุคนี้คือ พาแนล ควรใช้เป็น LCD ซึ่งมีให้เลือกทั้ง จอ IPS ที่เป็นมาตรฐาน และหน้าจอที่ให้สีสันและความสว่างที่ดีกว่าอย่าง Amoled โดยจะต้องมีความละเอียดที่ FHD+ และมีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz เป็นอย่างน้อยครับ
นอกจากนี้คนที่ต้องใช้งานกลางแจ้งเป็นประจำ แนะนำให้ดูที่ความสว่างของหน้าจอด้วย โดยขั้นต่ำต้องมีความสว่าง 600 นิต (nits) ครับ ซึ่งยิ่งหน้าจอมีสเปกสูง ภาพจะยิ่งคมชัด สีสันสดใส แถมมันจะสมูท และลื่นไหลมากขึ้น
4. หน่วยความจำ (RAM)

คุณต้องรู้ก่อนว่า ทุกการใช้งานบนมือถือล้วนจำเป็นต้องใช้ RAM แต่จะใช้มาก ใช้น้อยต่างกัน ยิ่งเป็นเกม หรือแอปฯ ขนาดใหญ่ มันก็จะใช้ RAM เยอะขึ้น ซึ่งถ้ารวมการใช้งานทั้งหมดแล้วพบว่า มันต้องการ RAM มากกว่า RAM ของตัวเครื่อง มันจะส่งผลให้เครื่องค้าง หรือกระตุก ดังนั้นยิ่ง RAM เยอะ ๆ ยิ่งดีครับ และในปัจจุบันก็มีฟีเจอร์ Virtual RAM มาให้ โดยมันจะไปเอา ROM ที่ว่างอยู่มาขยายให้กับ RAM ชั่วคราว ซึ่งก็ช่วยได้ระดับนึง แต่ยังไง RAM จริงก็ดีกว่ามาก นอกจากนี้ยังมีชนิด RAM ด้วย ซึ่งตัวเก่าเป็น eMMC ที่อ่านเขียนข้อมูลได้ทีละอย่าง แต่ถ้าเป็น UFS ตัวใหม่ จะอ่านเขียนพร้อมกันได้ ช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้นถึงสองเท่าครับ
สรุป
- ถ้าคุณต้องการใช้งานพื้นฐาน เช่น ดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นโซเชียล มือถือ RAM eMMC 4GB มันก็น่าจะเพียงพอแล้ว
- ถ้าคุณต้องการใช้แอปฯ และเล่นเกม ขนาดใหญ่ ๆ แนะนำให้เลือก RAM UFS ที่มีความจุ 6GB ขึ้นไปครับ ซึ่งมันจะทำงานได้เร็วกว่า เอื้อให้การใช้งานหลาย ๆ อย่างพร้อมกันได้ดีขึ้น
5. พื้นที่จัดเก็บข้อมูล (ROM หรือ Storage)
อีกส่วนนึงที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ROM ครับ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใช้จัดเก็บแอปฯ, เกม, รูปภาพ, วิดีโอ และไฟล์ต่าง ๆ โดยขั้นต่ำของมือถือในยุคนี้ส่วนใหญ่จะเป็น 64GB กันหมดแล้ว ซึ่งเอาจริง ๆ ความจุนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ใช้งานพื้นฐานทั่ว ๆ ไปเท่านั้นครับ เพราะแค่ระบบปฏิบัติการ และแอปฯ ต่าง ๆ ของตัวเครื่อง มันก็ใช้พื้นที่ไปแล้วประมาณ 20GB เหลือให้ใช้จริงแค่ประมาณ 40GB หรืออาจจะน้อยกว่านี้แล้วแต่รุ่น ดังนั้นถ้าคุณอยากจะใช้งานไปสัก 2-3 ปี ขอแนะนำให้คุณเลือกความจุ 128GB ขึ้นไป จะใช้งานได้ดีกว่าครับ
6. กล้องถ่ายภาพ

การเลือกซื้อมือถือกล้องสวยไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ ซึ่งคุณต้องรู้ก่อนว่า ความคมชัด การเก็บรายละเอียด และสีสันในภาพจะขึ้นอยู่กับ เซ็นเซอร์รับภาพ และชุดเลนส์ ที่ใช้ครับ ซึ่งหลายคนมักจะเข้าใจผิดว่าเป็น พิกเซล (MP) แต่จริง ๆ แล้วถ้าเราสังเกตุจาก กล้องมือถือรุ่นเริ่มต้น ให้ความละเอียดสูงถึง 50MP ในขณะที่กล้องของ iPhone 14 กลับมีความละเอียดแค่ 12MP เท่านั้น แต่ภาพที่ได้ต่างกันมาก นั่นก็เป็นเพราะเซ็นเซอร์ที่ใช้นั่นเอง
ส่วนชุดเลนส์คุณก็จะต้องรู้ก่อนว่า เลนส์แต่ละตัวใช้ถ่ายภาพได้แบบไหน ? เช่น เลนส์อัลตร้าไวด์ ใช้ถ่ายภาพมุมกว้าง หรือเลนส์มาโคร ใช้ถ่ายพอร์ตเทรต จากนั้นจึงไปหามือถือที่มีเลนส์ตามที่เราต้องการ
นอกจากนี้สิ่งที่คุณจะต้องรู้อีกอย่าง คือ กล้องมือถือแต่ละแบรนด์จะให้โทนสีในภาพที่แตกต่างกันครับ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องยาก ถ้าหากเราไม่ได้เทียบกันตรง ๆ ดังนั้นขอแนะนำให้ไปดูรีวิวจากหลาย ๆ ที่ดูนะครับ ส่วนใครที่ต้องการใช้ถ่ายวิดีโอด้วย แนะนำให้ดูที่ความละเอียดสูงสุด และเลือกรุ่นที่ให้ระบบกันสั่น OIS มาด้วย เพราะอย่างน้อย ๆ ระบบนี้ ก็สามารถช่วยให้ภาพดูสมูทขึ้นได้ครับ
7. อายุการใช้งาน และความเร็วในการชาร์จ
ในสมาร์ทโฟนรุ่นเริ่มต้น ส่วนใหญ่มักจะชูจุดเด่นในเรื่องของ แบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ โดยเริ่มต้น ตั้งแต่ 4-5,000mAh ซึ่งแบตฯ ความจุขนาดนี้ บวกกับสเปกที่ไม่ได้สูงมาก ทำให้ในการใช้งานทั่ว ๆ ไป โดยเฉลี่ยจะสามารถใช้งานในหนึ่งวันได้สบาย ๆ อยู่แล้วครับ ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ต้องกังวล แต่จุดที่เราอยากให้ดูมากกว่าคือ ความเร็วในการชาร์จครับ โดยอย่างน้อย ๆ ควรจะรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่ 10W ขึ้นไปครับ อย่างเช่น realme 9 Pro+ 5G ที่มีชาร์จไว 60W หรือ Vivo V27e ที่มีชาร์จไว 66W ที่ใช้ชาร์จแค่ 19 นาที แต่ได้แบตฯ เพิ่มขึ้นถึง 50% โดยยิ่งชาร์จได้เร็วมากเท่าไหร่ มันก็ช่วยให้เราประหยัดเวลาได้มากขึ้นเท่านั้น
8. ดีไซน์ตัวเครื่อง และส่วนประกอบต่าง ๆ
แน่นอนครับว่า คุณต้องใช้โทรศัพท์เครื่องใหม่นี้ตลอดเวลา ฉะนั้นมันควรมีดีไซน์ที่คุณชื่นชอบ และมีขนาดที่คุณใช้งานได้อย่างถนัดมือ ส่วนหน้าจอแสดงผลก็ควรจะพอดี ไม่เล็ก หรือใหญ่จนเกินไปสำหรับคุณ ซึ่งมันจะส่งผลต่อขนาด และน้ำหนัก รวมไปถึงวัสดุที่ใช้ และงานประกอบ ก็ควรจะให้สัมผัสที่ดี ทนทาน ถ้ายิ่งกันน้ำได้ก็ยิ่งดีเลยครับ ส่วนความปลอดภัยต่าง ๆ ก็เลือกได้ว่าจะเอาสแกนนิ้วใต้จอ สแกนนิ้วใต้ที่ปุ่ม หรือสแกนหน้า แต่ถ้าใครต้องการนำไปใช้ด้านความบันเทิงก็อย่างลืมดูพอร์ตหูฟัง 3.5mm. และลำโพงด้วยนะครับ เพราะรุ่นประหยัดส่วนใหญ่ มักจะให้ลำโพงมาตัวเดียว
Samsung Galaxy A13 5G สมาร์ทโฟน Samsung สำหรับคนงบฯ จำกัด

ราคา 5,860 บาท*
ทําไมเราถึงเลือกรุ่นนี้ : Galaxy A13 5G เป็นมือถือ 5G รุ่นเล็ก ราคาประหยัด ที่มีจอใหญ่ คมชัด กล้องหลังสวย แถมสเปกก็ดีพอ สามารถตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้ ยิ่งในปี 2023 มีรุ่นอัพเกรด อย่าง Galaxy A14 5G ออกมา ที่ยังคงใช้ชิปฯ เดิม ทำให้ A13 5G มีราคาถูกลง มันจึงคุ้มค่ามากขึ้นครับ

หากคุณอยากได้สมาร์ทโฟน 5G ของ Samsung ที่มีราคาประหยัดที่สุด Galaxy A13 5G คือรุ่นที่น่าสนใจครับ โดยหน้าตาของ รุ่นนี้ถูกออกแบบมาโดยเน้นความเรียบง่าย ขอบโค้งมน จับถือถนัด ด้านหลังผิวเรียบ ๆ มีการจัดโมดูลกล้องเป็นแถว เหมือนพวกเรือธงอย่าง Galaxy S23 เลย ช่วยให้มันดูแพงขึ้น
โดยกล้องหลังใช้เลนส์หลัก 50MP, เลนส์มาโคร 2MP และเลนส์ชัดลึก 2MP พร้อมฟีเจอร์การถ่ายภาพที่ครบครันครับ ซึ่งจากที่เราได้ทดลองใช้มาก็ต้องบอกเลยว่าให้ภาพที่ดีเกินคาดครับ ใช้ถ่ายภาพทั่ว ๆ ไปได้สบาย แต่น่าเสียดายที่ไม่มีเลนส์อัลตร้าไวด์มาให้ ส่วนกล้องหน้า ใช้เลนส์ 5MP ที่สามารถใช้ถ่ายเซลฟี่ได้สวยตามมาตรฐาน โดยจะมีการใช้ซอฟต์แวร์ เข้ามาช่วยแต่งภาพ ซึ่งก็ถือว่า แต่งได้พอดี ดูเป็นธรรมชาติ
ในส่วนหน้าจอ ใช้จอ LCD ขนาด 6.5 นิ้ว HD+ ที่มีอัตรารีเฟชเรท 90Hz ช่วยให้ภาพมีความคมชัด มีสีสันสด และสามารถสัมผัสได้ลื่น ๆ เลย ในด้านสเปกมาพร้อมชิปฯ Dimensity 700 ซึ่งเป็นชิปฯ 5G ตัวเริ่มต้นคู่กับ RAM 4GB และ ROM 64GB ซึ่งอาจจะดูน้อยไปสักหน่อย แต่มีรองรับ microSD สูงสุดถึง 1TB ซึ่งถ้าดูแค่สเปก หลายคนมักจะคิดว่า รุ่นนี้อาจใช้เล่นเกมได้ไม่ดี แต่พอเราได้ลองเล่นทั้ง RoV, Free Fire และ PUBG เราก็พบว่า มันเล่นได้ลื่น ๆ เลยครับ แต่อาจจะมีบางจังหวะที่จะมีอาการกระตุกอยู่บ้าง แต่โดยรวมก็พอรับได้ครับ

และจุดเด่นสุดท้ายคือ อายุการใช้งาน เจ้ารุ่นนี้มีแบตฯ ถึง 5,000mAh ซึ่งเราได้ทดสอบทั้ง เล่นเกม, ดู Youtube, ฟังเพลง และอื่น ๆ โดยใช้ระดับเสียงที่ 60% และเปิดแสงหน้าจอประมาณ 60% จากที่ลองเล่นดู มันสามารถเล่นได้ทั้งวันแน่นอนครับ ยิ่งถ้าคุณปรับเสียง และแสงลงต่ำกว่านี้ หรือใช้คู่กับพวกหูฟัง TWS ดีไม่ดีมันอาจใช้งานได้เกือบ 2 วัน เลยทีเดียวครับ ดังนั้นหากใครต้องการความคุ้มค่า จ่ายน้อย แต่ตอบโจทย์ได้ทุกการใช้งาน รุ่นนี้เหมาะมาก ๆ ครับ
ทดลองใช้งานจริง Samsung Galaxy A13 สมาร์ทโฟน 5G คุณภาพคุ้มราคา
อ่านรีวิวแบบเต็ม ๆ ได้ที่ : [รีวิว] Samsung Galaxy A13 5G จอใหญ่ 6.5 นิ้ว กล้อง 50MP
ข้อดี
- ตัวบอดี้ขนาดเล็ก เพรียวบาง
- หน้าจอมีขนาดใหญ่ คมชัด ใช้งานง่าย
- สเปกมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างลื่นไหล
- กล้องหลัก 50MP ทํางานได้ดี (ในสภาพที่มีแสงเพียงพอ)
- มีเซนเซอร์สแกนนิ้วมือที่ปุ่ม และเซนเซอร์จดจำใบหน้า
- รองรับ 5G ในราคาไม่แพง
- รองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์ระยะยาว
- มีคุณสมบัติและเทคโนโลยีเฉพาะของ Samsung ที่น่าสนใจมากมายให้ใช้งาน
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานสูงสุดถึง 2 วัน
ข้อควรพิจารณา
- ดีไซน์เรียบ ๆ ดูธรรมดา
- RAM และ ROM ให้ความจุมาค่อนข้างน้อย
- กล้องหลังไม่มีเลนส์ ultrawide
- เทคโนโลยีชาร์จไว รับกำลังไฟได้สูงสุดเพียง 15W ทำให้ชาร์จค่อนข้างช้า
วันวางจําหน่าย | สิงหาคม 2022 |
---|---|
ระบบปฏิบัติการ | One UI 4.1 บน Android 11 |
หน้าจอแสดงผล | 6.5 นิ้ว, 90Hz |
ความละเอียด | 720 × 1600 (HD+) |
CPU / GPU |
|
RAM / ROM |
|
microSD | สูงสุด 1 TB |
ปากกา S Pen | |
รองรับ 5G | |
การเชื่อมต่อ |
|
กล้องหน้า | 5MP |
กล้องหลัง |
|
ความจุแบตเตอรี่ | 5,000 mAh |
การชาร์จ | ชาร์จไว 15W |
ขนาด | 164.5 × 76.5 × 8.8 มม. |
น้ำหนัก | 195 ก. |
realme C55 (6+128GB) สมาร์ทโฟนที่คุ้มที่สุด ให้จอ 90Hz พร้อมกล้อง 64MP

ราคา 5,999 บาท*
หนึ่งในสมาร์ทโฟนที่เป็นกระแสมากที่สุด ณ ตอนนี้ แน่นอนครับ เราคงต้องยกให้กับ realme C55 ครับ สมาร์ทโฟนสุดคุ้ม ราคากลาง ๆ แต่ได้สเปกที่สมาร์ทโฟนหลักหมื่นบางรุ่นต้องอาย โดยต้องยอมรับเลยครับว่า ตัวบอดี้มาในดีไซน์ Sunshower ที่ดูสวยมาก ๆ ครับ

ซึ่งเป็นแบบขอบเรียบ และมีการเคลือบผิว Dual-coating โดยพื้นผิวส่วนใหญ่จะมีการปัดเสี้ยน ทำให้ช่วยลดรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี โดดเด่นด้วยหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.72 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ในอัตราส่วน 20:9 พร้อมอัตรารีเฟรชเรทที่ 90Hz ซึ่งให้ภาพดูคมชัด ใหญ่เต็ม ๆ ตา แถมขอบจอยังบางมาก ๆ ด้วย โดยมีอัตราส่วนจอแสดงผลต่อตัวเครื่องถึง 91.4%
สำหรับกล้องถ่ายรูปเห็นราคาประหยัด ๆ แบบนี้ รุ่นนี้ก็ไม่ได้ตัดทิ้งนะครับ โดยจะมาพร้อมกับกล้องหลัง AI ที่ใช้เซ็นเซอร์รับภาพใหญ่ที่สุดมือถือระดับเดียวกัน ประกอบด้วย เลนส์หลัก 64MP พร้อม PDAF และเลนส์ Depth & Macro 2MP อีกทั้งยังมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ที่ล้ำหน้าที่สุด ทำให้การประมวลผลภาพมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และมีฟีเจอร์การถ่ายภาพอีกครบครัน ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ ใช้เลนส์ 8MP ทั้งหมดนี้ช่วยให้คุณสนุกกับการถ่ายภาพได้อย่างเต็มที่ครับ ช่วยให้ภาพคมชัด และเก็บรายละเอียดได้ดีขึ้น ซึ่งเมื่อเทียบกับราคารุ่นนี้ถือว่าให้มาดีมาก ๆ ครับ

ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบที่ดูพรีเมียมมาก ๆ
- หน้าจอ IPS ขนาดใหญ่ เต็ม ๆ ตา ให้ภาพคมชัด แถมขอบจอบางเฉียบ
- กล้องหลังใช้เซ็นเซอร์รับภาพขนาดใหญ่ถึง 1/2″ และเลนส์มีความละเอียดสูง (ดีที่สุดในราคานี้)
- มีฟีเจอร์ realme Mini Capsule ซึ่งจะเป็น Pop-Up ขยายออกจากกล้องหน้า (ให้อารมณ์เหมือนแบรนด์ดัง)
- มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (แบบปุ่ม)
- มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
- รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว 33W
- มีสเปกที่คุ้มค่าคุ้มราคา
ข้อควรพิจารณา
- ไม่รองรับ 5G
- ชิปเซ็ตฯ Helio G88 ใช้เล่นเกมต่าง ๆ ได้ก็จริง แต่อาจจะต้องปรับลดกราฟฟิกลง
- กล้องหน้าไม่มีอะไรที่โดดเด่น
- กล้องไม่มีระบบกันสั่น OIS
- ตัวบอดี้ไม่มีการป้องกันน้ำ
- ด้วยความที่หน้าจอขนาดใหญ่ ทำให้อายุการใช้งานลดลงเร็วขึ้น
คลิปรีวิว สมาร์ทโฟน Realme C55 (ลองใช้งานจริง)
วันวางจําหน่าย | มีนาคม 2023 |
---|---|
ระบบปฏิบัติการ | realme UI 4.0 (Android 13) |
หน้าจอแสดงผล | 6.72 นิ้ว, 90Hz |
ความละเอียด | 2400 × 1080 (FHD+) |
CPU / GPU |
|
RAM / ROM |
|
microSD | สูงสุด 1TB |
การป้องกันน้ำ | |
รองรับ 5G | |
การเชื่อมต่อ |
|
กล้องหน้า | 8MP |
กล้องหลัง |
|
ความจุแบตเตอรี่ | 5,000 mAh |
การชาร์จ | Super VOOC 3.0 33W |
ขนาด | 165.6 × 75.9 × 7.9 มม. |
น้ำหนัก | 189.5 ก. |
realme 9 Pro+ 5G (8+128GB) สมาร์ทโฟนสุดคุ้ม ชิปฯ Dimensity 920 5G

ราคา 8,399 บาท*
ทำไมถึงเลือกรุ่นนี้ : Realme 9 Pro+ เป็นรุ่นที่ให้สเปกมาคุ้มค่าที่สุดในซีรีส์ 9 ครับ ซึ่งมาในราคากลาง ๆ โดดเด่นด้วยหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว 90Hz ที่ให้ภาพคมชัด น่าประทับใจ บวกกับกล้องหลังที่ใช้เลนส์หลัก 50Mp พร้อมระบบ OIS ซึ่งมีมือถือในระดับนี้เพียงไม่กี่รุ่นที่ให้มาเหมือนกัน ส่วนเลนส์อื่น ๆ อาจจะเป็นเลนส์ธรรมดา ๆ แต่ก็สามารถช่วยให้คุณสนุกกับการถ่ายภาพได้อย่างเต็มที่ครับ
ใครกำลังมองหามือถือสุดคุ้มที่ตอบโจทย์ได้ทุกอย่าง ต้องรุ่นนี้เท่านั้น realme 9 Pro+ 5G สมาร์ทโฟนสุดคุ้ม ที่มาพร้อมประสิทธิภาพที่ครบเครื่อง เริ่มตั้งแต่จอ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ให้ภาพที่คมชัด และสีสันดูสดใส ส่วนอัตราส่วนจอต่อตัวเครื่อง อยู่ที่ 90.8% พร้อมมีอัตรารีเฟชเรทที่ 90Hz มาคู่กับความไวในการสัมผัสหน้าจอ 360Hz ช่วยให้ภาพดูต่อเนื่อง ลื่นไหล และให้การสัมผัสที่แม่นยำ ใครที่เล่นเกม จอตัวนี้เหมาะมาก ๆ ครับ มันตอบสนองได้ดีเลย นอกจากนี้ก็ยังใส่เซ็นเซอร์อ่านลายนิ้วมือใต้จอมาให้ด้วย พร้อมกับสามารถวัดชีพจรจากปลายนิ้วไปในตัวได้ด้วย
ในด้านประสิทธิภาพ รุ่นนี้มาพร้อมกับสเปกที่ใช้เล่นเกมได้สบาย ๆ ครับ โดยใช้ชิปเซ็ต Dimensity 920 5G ที่เล่นเกมได้ลื่นขึ้น คู่กับ RAM 8GB และอีก ROM 128GB ซึ่งเพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยให้ใช้ทำงาน และเล่นเกมได้อย่างราบรื่น แบบไม่มีอาการกระตุกให้เห็นเลย พร้อมมีระบบ Vapor Chamber Cooling System เข้ามาช่วยระบายความร้อนตัวเครื่องได้กว่า 10°C บวกลบแถมยังให้คุณใช้งาน เล่นเกมได้อย่างจุใจ ด้วยแบตเตอรี่ 4,500mAh ที่มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว SuperDart Charge 60W ช่วยให้คุณเล่นเกม และทำงานได้ทั้งวันแน่นอนครับ
จุดเด่นอีกอย่างของรุ่นนี้ก็คือ กล้อง ที่ใช้เทคโนโลยีการถ่ายภาพ ProLight ครับ โดยกล้องหน้า จะใช้เลนส์ 16MP ส่วนกล้องหลัง 3 เลนส์ พร้อมระบบกันสั่นแบบ OIS ที่ช่วยลดการสั่นด้วยฮาร์ดแวร์ โดยจะให้เลนส์หลัก 50MP เลนส์อัลตร้าไวด์ 8MP และเลนส์มาโคร 2MP พร้อมมีฟังก์ชันการถ่ายภาพ และการบันทึกวิดีโออีกเพียบครับ ช่วยให้คุณสามารถใช้ถ่ายภาพได้อย่างคมชัด ด้วยมุมมองที่หลากหลาย ทั้งหมดนี้มาในราคาไม่ถึงหมื่นครับ ทำให้มันเหมาะมากกับคนที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนราคาไม่แพง แต่มีคุณสมบัติรอบด้าน
ข้อดี
- ชิปเซ็ตฯ Dimensity 920 5G ใช้เล่นเกมใหญ่ ๆ ได้ พร้อมระบบระบายความร้อนที่มีคุณภาพ
- กล้องหน้า และหลัง ใช้เทคโนโลยีการถ่ายภาพ ProLight ทำให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น
- กล้องหลัง โดยเฉพาะเลนส์หลักมีความละเอียดสูง พร้อมระบบกันสั่น
- มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ที่สามารถใช้วัดชีพจรได้ด้วย
- มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. พร้อมลำโพง 2 ตัว ซึ่งให้เสียงสเตอริโอที่ค่อนข้างดัง
- มีอายุการใช้งานนานสูงสุดถึง 2 วัน พร้อมกับมีชาร์จไว SuperDart Charge สูงถึง 60W
ข้อควรพิจารณา
- เปิดตัวไปเมื่อเดือน มีนาคม 2022
- ใช้ระบบปฏิบัติการ realme UI 3.0 ครอบทับ Android 12
- ดีไซน์การออกแบบที่ธรรมดา
- กล้องหลัง เลนส์หลักดีมาก แต่เลนส์รองน่าผิดหวัง
- ตัวบอดี้ไม่มีการป้องกันน้ำ
วันวางจําหน่าย | มีนาคม 2022 |
---|---|
ระบบปฏิบัติการ | realme UI 3.0 (Android 12) |
หน้าจอแสดงผล | 6.4 นิ้ว, 90Hz |
ความละเอียด | 2400 × 1080 (FHD+) |
CPU / GPU |
|
RAM / ROM |
|
microSD | |
การป้องกันน้ำ | |
รองรับ 5G | |
การเชื่อมต่อ |
|
กล้องหน้า | 16MP |
กล้องหลัง |
|
ความจุแบตเตอรี่ | 4,500 mAh |
การชาร์จ | SuperDart Charge 60W |
ขนาด | 160.2 × 73.3 × 7.99 มม. |
น้ำหนัก | 182 ก. |
POCO X5 5G (8+256GB) มือถือเล่นเกมสุดคุ้ม จอใหญ่ 120Hz สเปกแรง แถมแบตฯ อึด

ราคา 9,500 บาท*
เรามาต่อกันที่สมาร์ทโฟนเล่นเกมตัวสุดคุ้ม ที่เพิ่งมีการเปิดตัวออกมาสด ๆ ร้อน ๆ เลย นั่นคือ POCO X5 5G และมีอีกรุ่นนึงที่เปิดตัวมาพร้อมกัน แต่เกินงบฯ ไป 1-2 พันบาท โดยประมาณ อย่าง X5 Pro 5G ซึ่งได้ชิปฯ ที่เร็ว แรง และกล้องที่มีคุณภาพมากกว่า ดังนั้นคุณสามารถเลือกได้ครับ แต่ถ้าคุณมีงบฯ แค่ 1 หมื่นบาท X5 5G ก็สามารถเล่นได้ทุกเกมแล้วล่ะครับ โดยรุ่นนี้ดีไซน์แบบขอบเรียบ ดูสะอาดตา ใช้หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว FHD+ ที่มีความสว่างสูง 1200 nits ช่วยให้สู้แสงได้ดีและมีอัตรารีเฟรชเรทถึง 120Hz ช่วยให้ภาพดูราบรื่น ไม่มีสะดุดเลย นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงความแม่นยำเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า ช่วยให้คุณสัมผัสได้แม่นยำ ควบคุมได้ดั่งใจ
ส่วนขุมพลัง รุ่นนี้มากับ Snapdragon 695 ชิปฯ สำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะ พร้อม RAM 8GB และ ROM ความจุสูงถึง 256GB ให้คุณโหลดเกม เก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างจุใจ ภายในมีการใส่ระบบระบายความร้อน เพื่อควบคุมอุณหภูมิเวลาที่เราใช้เล่นเกมแบบต่อเนื่อง ช่วยไม่ให้เครื่องร้อนจนเกินไป นอกจากนี้รุ่นนี้ยังรองรับการสร้าง RAM เสมือนได้สูงสุด 5GB ด้วย ช่วยรองรับการใช้งานหนัก ๆ ได้เป็นอย่างดี ในส่วนของอายุการใช้งาน รุ่นนี้ให้แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh พร้อมรองรับการชาร์จเร็วที่ 33W ซึ่งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานครับ สามารถใช้งานในหนึ่งวันได้สบาย ๆ หรือถ้าหมดก่อน ชาร์จแค่แปปเดียว ก็ใช้งานเพิ่มได้เป็นชม.
สำหรับสเปกกล้องของรุ่นนี้ อาจจะไม่ได้เด่นมากนะครับ โดยกล้องหน้า ใช้เลนส์ 13MP และกล้องหน้ามีทั้งหมด 3 เลนส์ โดยเลนส์หลัก 48MP เลนส์ Ultra-Wide 8MP และเลนส์ Macro 2MP พร้อมฟีเจอร์ถ่ายภาพอีกครบครันครับ แต่น่าเสียดายที่ไม่มี กันสั่น OIS มาให้ ดังนั้นถ้าเรานำไปเทียบกับ realme 9 Pro+ 5G รุ่นนี้จะมีหน้าจอที่ใหญ่กว่า รีเฟรชเรทดีกว่า และหน่วยความจำเยอะกว่า แต่กล้องจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าครับ ดังนั้นถ้าใครที่ เน้นเล่นเกม เล่นโซเชียลฯ และใช้รับชมความบันเทิงต่าง ๆ จอตัวนี้จะตอบโจทย์มาก ๆ ครับ แต่ถ้าใครมีงบมากกว่านี้ แนะนำเป็น POCO X5 Pro 5G สเปกจะดีกว่าทุกด้านครับ
ข้อดี
- หน้าจอ AMOLED 120Hz ขนาดใหญ่ ที่มีคุณภาพ ความสว่างสูง ให้สัมผัสที่แม่นยำ แถมมีขอบบางมาก ๆ
- มีสเปกที่สามารถใช้เล่นเกมได้สบาย พร้อมความจุที่เยอะ
- ตัวบอดี้มีการป้องกันน้ำที่ระดับ IP53 ป้องกันได้เล็กน้อย (แต่ไม่แนะนำให้โดนน้ำ)
- มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
- มีช่อง IR Blaster สำหรับใช้เป็นรีโมท เพื่อสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้
- รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบปุ่ม ที่รวดเร็ว
- แบตเตอรี่ 5,000mAh สามารถใช้งานได้ทั้งวัน และชาร์จไว 33W
ข้อควรพิจารณา
- กล้องถ่ายรูปทั้ง กล้องหน้า และกล้องหลัง มีคุณภาพธรรมดา
- กล้องไม่มีระบบกันสั่น OIS และระบบกันสั่นอื่น ๆ มาให้
- ใช้หน้าจอขนาดใหญ่ มีอัตรารีเฟรชเรทสูง ทำให้อายุการใช้งานลดลงเร็วขึ้น แต่ทดแทนด้วยการชาร์จไว
- มีลำโพงตัวเดียว
- เพิ่มงบฯ อีก 1-2 พันบาท จะได้สเปกที่ดีกว่าในทุก ๆ ด้าน (POCO X5 Pro 5G ใช้ Snapdragon 778G)
วันวางจําหน่าย | กุมภาพันธ์ 2023 |
---|---|
ระบบปฏิบัติการ | MIUI 13 (Android 12) |
หน้าจอแสดงผล | 6.67 นิ้ว, 120Hz |
ความละเอียด | 2400 × 1080 (FHD+) |
CPU / GPU |
|
RAM / ROM |
|
microSD | สูงสุด 512 GB |
การป้องกันน้ำ | IP53 (ละลองน้ำ) |
รองรับ 5G | |
การเชื่อมต่อ |
|
กล้องหน้า | 13MP |
กล้องหลัง |
|
ความจุแบตเตอรี่ | 5,000 mAh |
การชาร์จ | ชาร์จเร็ว 33W |
ขนาด | 165.9 × 76.2 × 8 มม. |
น้ำหนัก | 189 ก. |
Infinix ZERO 20 (8+256GB) สมาร์ทโฟนสุดคุ้ม สเปกแน่น แถมกล้องเทพ

ราคา 8,299 บาท*
ถ้าคุณกำลังหามือถือราคาไม่แพง แต่ใช้สร้างคอนเทนด์สวย ๆ ได้ ขอแนะนำ Infinix ZERO 20 มือถือจากแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องการใส่สเปกแบบจัดเต็ม จนแบรนด์ใหญ ๆ ต้องอาย ตัวบอดี้มีดีไซน์แบบขอบเรียบ ทำให้ดูเรียบหรู มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ที่มีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz ช่วยให้ภาพที่คมชัด สว่างสดใส แต่การสัมผัสหน้าจอ จะมีลูกค้าบางคนได้บ่นเรื่องความสมูทเอาไว้ ซึ่งส่วนตัวเรามองว่า คนที่รู้สึกส่วนใหญ่ มักจะเป็นคนที่เคยใช้มือถือแพง ๆ มาก่อน แต่ถ้าใครใช้มือถือในระดับนี้อยู่แล้วก็จะไม่รู้สึกครับ
โดยจุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่กล้องถ่ายรูปทั้ง กล้องหน้า และหลังเลย โดยกล้องเซลฟี่ หรือกล้องหน้า มาพร้อมกับเลนส์ 60MP ที่มีออโต้โฟกัส พร้อมระบบกันสั่น OIS ซึ่งในตลาดนี่คือรุ่นแรก ๆ ที่ใส่กันสั่นมาให้ในกล้องหน้า ส่วนกล้องหลังจะมี 3 เลนส์ ครับ คือ เลนส์หลัก 108MP เลนส์อัลตร้าไวด์ 13MP และเลนส์ Depth 2MP โดยจะใช้ระบบ Pixel Binning ในการช่วยเก็บแสง และเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ในภาพให้ดีขึ้น อีกทั้งยังมีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกใช้งานกันอีกครบครันเลย ด้วยสเปกกล้องที่ดีแบบนี้ ส่วนตัวจึงยกให้ ZERO 20 เป็นหนึ่งในมือถือราคาเบา ๆ ที่กล้องสวยที่สุด ฉะนั้นใครที่ทำงานสายคอนเทนด์รุ่นนี้ตอบโจทย์มาก
ส่วนขุมพลังของรุ่นนี้ จะใช้ชิปฯ Helio G99 ชิปฯ ระดับกลาง ๆ ที่ทำงานทั่วไปได้อย่างลื่นไหล เล่นเกมได้ทุกเกม แต่ในการเล่นเกมที่มีกราฟฟิกสูง ๆ มันอาจจะมีอาการกระตุกให้เห็นอยู่บ้าง ดังนั้นคุณอาจจะต้องปรับลดกราฟฟิกในเกมลง เพื่อให้ภาพดูราบรื่นขึ้นครับ ส่วนแบตเตอรี่ให้มาที่ 4,500mAh พร้อมกับเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว 45W ด้วย ช่วยให้สามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็ว เพียงพอต่อการใช้งานในหนึ่งวันแน่นอนครับ
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบดูดี พรีเมียมมาก ๆ
- หน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่เต็ม ๆ ตา ที่ให้ภาพคมชัด สีสันสดใส สู้แสงได้ดี
- กล้องหน้าความละเอียดสูง มาพร้อม AF และกันสั่น OIS ช่วยให้บันทึกวิดีโอเซลฟี่ได้สมูทมากขึ้น
- กล้องหลังมีคุณภาพ เลนส์หลักมีความละเอียดสูง พร้อมฟังก์ชันการถ่ายภาพ และวิดีโอที่ครอบคลุม
- มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (แบบปุ่ม)
- มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. พร้อมลำโพง 2 ตัว
- รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว 45W
ข้อควรพิจารณา
- ไม่รองรับ 5G
- การสัมผัสหน้าจอที่มีอาการหน่วงเป็นบางครั้ง
- กล้องหลังไม่มีระบบกันสั่น OIS (มีเฉพาะกล้องหน้า) แต่มีโหมด Ultra Steady มาช่วยแทน
- ตัวบอดี้ไม่มีการป้องกันน้ำ
- ด้วยความที่หน้าจอขนาดใหญ่ ทำให้อายุการใช้งานลดลงเร็วขึ้น แต่ทดแทนด้วยการชาร์จไว
วันวางจําหน่าย | พฤศจิกายน 2022 |
---|---|
ระบบปฏิบัติการ | XOS 12 (Android 12) |
หน้าจอแสดงผล | 6.7 นิ้ว, 90Hz |
ความละเอียด | 2400 × 1080 (FHD+) |
CPU / GPU |
|
RAM / ROM |
|
microSD | สูงสุด 512 GB |
การป้องกันน้ำ | |
รองรับ 5G | |
การเชื่อมต่อ |
|
กล้องหน้า | 60MP, (Wide), AF, OIS |
กล้องหลัง |
|
ความจุแบตเตอรี่ | 4,500 mAh |
การชาร์จ | ชาร์จไว 45W |
ขนาด | 164.4 × 76.6 × 7.98 มม. |
น้ำหนัก | 196 ก. |
Vivo V27e (8+256GB) มือถือกล้องสวย มีไฟ Aura Light วงแหวนในตัว

ราคา 14,999 บาท*
เรามาต่อกันที่สมาร์ทโฟนน้องเล็ก ในตระกูล Vivo V27 Series รุ่นใหม่ล่าสุดของทาง Vivo โดยจะมีอยู่ทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ซึ่งรุ่นที่อยู่ในงบฯ หรือเกินไปนิดหน่อย มีรุ่นเดียวก็คือ Vivo V27e น้องเล็ก ที่มีกล้องเทพ พร้อมไฟวงแหวน Aura Light แถมสเปกก็โดดเด่น โดยส่วนแรกที่เราต้องยอมรับก่อนเลย คือ ดีไซน์การออกแบบแบบขอบเรียบที่ดูหรูหรา และสวยงามมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสี Lavender Purple ที่ฝาหลัง จะทำลวดลายที่ดูพริ้วไหว คล้าย ๆ ขนนก ซึ่งรับประกันเลยว่า สาว ๆ ส่วนใหญ่จะต้องชอบแน่ ๆ ส่วนหน้าจอเป็น AMOLED ขนาด 6.62 นิ้ว FHD+ และมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz ช่วยให้ภาพที่คมชัด ดูสมูธขึ้น
ในด้านสเปกใช้ชิปฯ Helio G99 ที่ถึงแม้จะเป็นชิปฯ ระดับกลาง แต่เมื่อทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ของ Vivo ทำให้มันมีประสิทธิภาพสูงขึ้น พร้อมใส่ RAM 8GB และ ROM 256GB ทำงานบน Funtouch OS 13 บน Android 13 ตัวล่าสุด ช่วยให้รองรับการอัพเดทได้อีกหลายปี พร้อมมีเสริมด้วย Extended RAM ที่สามารถขยายความจุของ RAM เพิ่มได้อีก 8GB ทำให้ RAM สูงสุดถึง 16GB เลยทีเดียว ช่วยให้คุณใช้งานแอปฯ ต่าง ๆ ได้อย่างลื่นไหล ส่วนแบตเตอรี่ให้มาที่ 4,600 mAh ซึ่งถึงแม้จะไม่มาก แต่ก็มีการชาร์จเร็ว 66W มาทดแทน ที่ชาร์จแค่ 19 นาที แต่ได้แบตฯ ถึง 50% ดังนั้นสามารถใช้งานทั้งวันได้สบาย ๆ

สำหรับการถ่ายภาพ เป็นจุดที่ซีรี่ส์นี้เน้นครับ โดยกล้องหน้า มาพร้อมเลนส์ 32MP ที่มาพร้อมสกินโทนที่โดดเด่นตามสไตล์ ช่วยให้ภาพที่น่าประทับใจ ส่วนกล้องหลัง ใช้ 3 เลนส์ พร้อมไฟวงแหวน Aura Light ที่โดดเด่น ไม่ต่างจากไฟวงแหวนที่เราใช้ไลฟ์สดเลย ทำให้คุณสามารถถ่ายภาพในพื้นที่ที่มีแสงน้อยได้ง่ายขึ้น ได้ภาพที่มีคุณภาพน่าประทับใจ โดยแสง Aura Light จะมีการปรับความสว่างให้สอดคล้องกับแสงรอบ ๆ ตัว ช่วยให้ภาพดูคมชัด มีสีสันสดใส และยังดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ นอกจากนี้ก็มีเลนส์ Bokeh 2MP และเลนส์ Macro อีก 2MP พร้อมฟีเจอร์การถ่ายภาพอีกมากมาย ช่วยให้คุณถ่ายภาพที่น่าประทับใจได้ง่าย ๆ
หมายเหตุ : รุ่นนี้ยังไม่มีวางจำหน่ายในประเทศไทยนะครับ ต้องคอยติดตามข่าวเรื่อย ๆ แต่ในรุ่น vivo V27 จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ในวันนี้ 27 มีนาคมนี้ ซึ่งคาดว่า Vivo V27e จะมีการจัดจำหน่ายตามมาทีหลัง
ข้อดี
- ดีไซน์การออกแบบที่ยอดเยียม แบบเรียบ ๆ แต่ดูหรูหราสุด ๆ
- หน้าจอ AMOLED 120Hz ที่มีคุณภาพ สัมผัสลื่นไหล และแม่นยำ แถมมีขอบจอที่บางมาก ๆ
- กล้องหน้า ถ่ายภาพสวย มีสกินโทนโดดเด่น ดูเป็นธรรมชาติ
- กล้องหลัง มีความละเอียดสูง พร้อมกันสั่น OIS ที่มีประสิทธิภาพ
- มีไฟแฟลชเป็น ไฟวงแหวน Aura Light ในตัว ให้แสงที่สวยมาก ๆ ใช้ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ
- มีสเปก ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ที่มีคุณภาพ สามารถใช้เล่นเกมต่าง ๆ ได้สบาย ๆ
- ตัวบอดี้มีการป้องกันน้ำที่ระดับ IP54 ป้องกันได้เล็กน้อย (แต่ไม่แนะนำให้โดนน้ำ)
- รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบปุ่ม ที่รวดเร็ว
- รองรับการชาร์จไวได้สูงสุด 66W
ข้อควรพิจารณา
- ไม่รองรับ 5G
- ใช้หน้าจอขนาดใหญ่ มีอัตรารีเฟรชเรทสูง อาจทำให้อายุการใช้งานลดลงเร็วขึ้น
- มีลำโพงตัวเดียว
- ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. (มีสายแปลง USB-C to 3.5 mm. Jack)
วันวางจําหน่าย | มีนาคม 2023 |
---|---|
ระบบปฏิบัติการ | Funtouch OS 13 (Android 13) |
หน้าจอแสดงผล | 6.62 นิ้ว, 120Hz |
ความละเอียด | 2400 × 1080 (FHD+) |
CPU / GPU |
|
RAM / ROM |
|
microSD | สูงสุด 1TB |
การป้องกันน้ำ | IP54 |
รองรับ 5G | |
การเชื่อมต่อ |
|
กล้องหน้า | 32MP, (Wide) |
กล้องหลัง |
|
ความจุแบตเตอรี่ | 4,600 mAh |
การชาร์จ | ชาร์จไว 66W |
ขนาด | 162.5 × 75.8 × 7.7 มม. |
น้ำหนัก | 185 ก. |
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
ตารางเปรียบเทียบ 6 มือถือราคาไม่เกิน 10,000 บาท ยี่ห้อไหนดี ซื้อแล้วคุ้ม ปี 2023 | ||||
---|---|---|---|---|
ยี่ห้อ/รุ่นสินค้า | คุณสมบัติ | ดูเพิ่มเติม | ||
| ||||
realme C55 (6+128GB) สมาร์ทโฟนที่คุ้มที่สุด ให้จอ 90Hz พร้อมกล้อง 64MP |
| |||
realme 9 Pro+ 5G (8+128GB) สมาร์ทโฟนสุดคุ้ม ชิปฯ Dimensity 920 5G |
| |||
POCO X5 5G (8+256GB) มือถือเล่นเกมสุดคุ้ม จอใหญ่ 120Hz สเปกแรง แถมแบตฯ อึด |
| |||
Infinix ZERO 20 (8+256GB) สมาร์ทโฟนสุดคุ้ม สเปกแน่น แถมกล้องเทพ |
| |||
Vivo V27e (8+256GB) มือถือกล้องสวย มีไฟ Aura Light วงแหวนในตัว |
|
คุณต้องการโทรศัพท์มือถือ 5G หรือไม่ ?
สัญญาณ 5G เป็นเครือข่ายยุคใหม่ ที่ถูกพัฒนาให้มีความเร็วสูงกว่าเดิม และมีช่วงที่กว้างขึ้น ทำให้คุณสามารถเข้าถึงสิ่งต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น โดยมันถูกวางให้มาแทนที่ สัญญาณ 4G LTE ที่ใช้อยู่เดิม แต่ ณ ปัจจุบันนี้ สัญญาณ 5G ของประเทศไทย ยังไม่ได้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่นะครับ ดังนั้นสำหรับบางคน 5G ยังไม่จำเป็นสักเท่าไหร่ เพราะ 4G LTE เดิม ที่เราใช้งานกันอยู่ทุกวันนี้ยังคงใช้ได้ ไม่มีปัญหาใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสมาร์ทโฟนราคาประหยัด ที่มีข้อจำกัดต่าง ๆ มันจึงไม่จำเป็นต้องใช้ความเร็วอะไรขนาดนั้นครับ ซึ่งการที่เราไม่เอา 5G เราจะได้มือถือราคาประหยัดที่มีสเปกดีขึ้นครับ
สรุปง่าย ๆ : ถ้าถามว่า สัญญาณ 5G จำเป็นต่อการใช้งานของเราหรือไม่ ? เราก็คงตอบตรง ๆ ว่า ณ ตอนนี้ ไม่จำเป็น ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสมาร์ทโฟนราคาประหยัด ที่มีสเปกเริ่มต้น แต่ถ้าหากคุณมีงบมากพอ มีเอาไว้ก็ไม่เสียหายครับ โดยเฉพาะกับคนที่อยู่ในพื้นที่ที่รองรับสัญญาณ 5G แล้ว
บทส่งท้าย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับ สมาร์ทโฟน ราคาไม่เกิน 10,000 บาท ที่เราได้รวบรวมมารีวิวในบทความนี้ ซึ่งด้วยข้อจำกัดของราคา ทำให้แต่ละรุ่นจะต้องเลือกว่าจะชูจุดเด่นด้านใดด้านหนึ่งออกมา ต่างจากพวกเรือธง ราคาแพง ๆ ที่จะรวมฟังก์ชันที่ดีที่สุดเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งบางอย่างเราก็รู้สึกว่ามันเกินความจำเป็นไปมากครับ และคงจะมีน้อยคนมาก ๆ ที่จะใช้ครบทุกฟังก์ชัน ดังนั้นการที่เราเลือกซื้อมือถือในเรทราคาหนึ่งหมื่นบาท มันเท่ากับการที่เราซื้อฟังก์ชันที่เราต้องการจะใช้งานจริง ๆ ซึ่งจริงอยู่ครับว่า มันไม่ได้ดีเท่ารุ่นท๊อป แต่มันก็สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหลไม่ต่างกัน