10 เพลงสากลคลาสสิค สุดเพราะ ฟังแล้วผ่อนคลาย อารมณ์ดี

ในยุคปัจจุบันผมเชื่อว่าทุกคนคงจะชินกับการฟังเพลงสังเคราะห์ ที่มีการนำเอาเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์มาใช้ ให้ดูโมเดิร์นทันสมัยเข้ากับเทรนด์การฟังเพลงของคนในยุคนี้ ซึ่งแนวดนตรีที่เราคุ้นชินก็คงจะหนีไม่พ้น R&B, เพลงแดนซ์ EDM, Hip-Hop หรือ Pop ที่มีศิลปินคุ้นหน้าอยู่หลายคนให้เราได้ฟังผ่านสตรีมมิ่งหรืออัลบั้มที่วางขายอยู่บนแผง อย่างเช่น Ariana Grande, Taylor Swift, Justin Bieber หรือ Bruno Mars

แต่ถ้าหากเจาะลึกให้ดี เพลงหรือดนตรีไม่ได้มีเพียงแค่ที่ผมกล่าวมาถึงเท่านั้น เพราะยังมีอีกหนึ่งอย่างที่น่าสนใจและเปลี่ยนโลกทางดนตรีให้กับคุณได้นั่นคือ ‘เพลงสากลคลาสสิค’ โดยเสน่ห์ของดนตรีสายนี้จะเป็นการประสานกันระหว่างนักร้องคอรัส รวมไปถึงดนตรีจากทั้ง 5 กลุ่มที่เล่นกันแบบสด ๆ โดยไร้การปรุงแต่ง ซึ่งจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากเพลงและดนตรีในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันมันยังใช้เปิดได้ในหลากหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นอีเว้นท์อย่างงานแต่ง หรือเพลงโรแมนติกที่สร้างบรรยากาศอันโรแมนติกในการทานมื้ออาหารกับแฟนได้อีกด้วย ดังนั้นวันนี้ผมจึงมาแชร์ลิสต์เพลงสากลคลาสสิคเพราะ ๆ มาฝากกันครับ

เช็กโปรโมชั่น Lazada ลดราคาสินค้าลาซาดาเดือนมีนาคมเช็กโปรโมชั่น Lazada ลดราคาสินค้าลาซาดาเดือนมีนาคมเช็กโปรโมชั่น Lazada ลดราคาสินค้าลาซาดาเดือนมีนาคม




1. Requiem – Wolfgang Amadeus Mozart

Requiem - Wolfgang Amadeus Mozart
Requiem – Wolfgang Amadeus Mozart
เพลงปี 1791
ผู้แต่งเพลง Wolfgang Amadeus Mozart

ผลงานชิ้นนี้ถูกเขียนขึ้นโดยศิลปินชื่อดังระดับโลกอย่าง Mozart ที่เขาได้เขียนเอาไว้ก่อนจะเสียชีวิตลง โดยเบื้องลึกเบื้องหลังของเพลงนี้คือมีผู้ว่าจ้างให้ทางโมทซาร์ทแต่งเพลงเพื่อไว้อาลัยให้แก่ภรรยาของตนเองที่เสียชีวิตไปตั้งแต่อายุเพียง 20 ปี อย่างไรก็ดีในช่วงการเขียนเพลงทางโมทซาร์ทเกิดมีอาการป่วย จากทั้งโรคระบาดและโรคประจำตัว จนทำให้เขาไม่สามารถเขียนเพลงต่อไปได้ ดังนั้นจึงได้มีการมอบหน้าที่ให้กับคนอื่นได้แต่งต่อ แต่ในช่วงเวลาที่เขาป่วยจนทั้งร่างกายและจิตใจแย่ จึงทำให้เขาเพ้อว่าเพลงนี้เป็นการแต่งขึ้นเพื่อใช้ในงานศพของตนเอง ดังนั้นไม่ว่าใครจะฟังนี้จะสัมผัสได้ทั้งความอัจฉริยะทางด้านดนตรี รวมไปถึงความขลังตั้งแต่ช่วงอินโทรที่ทำให้ใครหลายคนขนลุกขนพองกันได้เลยทีเดียว ผมยกให้เป็นเพลงคลาสสิกที่ไม่ควรจะพลาดฟังกันอย่างเด็ดขาด


2. Symphony No. 3 – Górecki

Symphony No. 3 - Górecki
Symphony No. 3 – Górecki
เพลงปี 1992
ผู้แต่งเพลง Górecki

Symphony No.3 คือผลงานเพลงคลาสสิกที่เศร้าที่สุดในประวัติศาสตร์โลกก็ได้ เพราะมันเป็นการบอกเล่าเหตุการณ์ในสังคมโลกช่วงยุคกลางที่เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ นา ๆ อย่างเช่น สงครามโลกครั้งที่ 2 หรือจะเป็นเหตุการณ์สุดเศร้าของเมือง Silesian ในประเทศโปแลนด์ ที่คุณแม่ท่านหนึ่งพยายามตาหาศพลูกของตัวเอง และการคร่ำครวญถึงมารดาของพระเยซู ซึ่งนี่แหละคือเหตุผลที่ทำไมทาง Górecki ถึงตั้งชื่อเพลงว่า “Symphony No.3” ถึงแม้ว่าตัวเพลงจะเป็นภาษาโปแลนด์ที่หลายคนคงจะฟังกันไม่เข้าใจ แต่บอกได้เลยว่าคุณจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ความเศร้าได้ผ่านดนตรีและน้ำเสียงของนักร้องได้ทันทีฟังเลยครับ


3. Symphony No. 2 – Mahler

Symphony No. 2 - Mahler
Symphony No. 2 – Mahler
เพลงปี 1897
ผู้แต่งเพลง Gustav Mahler

การฟังเพลงหนึ่งซิงเกิ้ลที่นานกว่า 4 นาที คงเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าเบื่อสำหรับใครหลายคนใช่ไหมครับ ? แต่บอกได้เลยว่าสำหรับ Symphony No.2 ของทาง Mahler ที่ยาวนานนับชั่วโมง จะทำให้คุณได้รู้ว่าเวลาที่เสียไปนั้นคุ้มค่าแก่การนั่งฟังเพลงนี้จริง ๆ ทั้งนี้คอนเซ็ปท์ของตัวเพลงจะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการไถ่บาป, ชีวิตหลังความตาย หรือ การฟื้นคืนชีพ โดยผลงานชิ้นนี้ได้รับการชื่นชมและเป็นที่ยอมรับในสายซิมโฟนีมาก ยิ่งโดยเฉพาะช่วง 10 นาทีสุดท้ายของตัวเพลง ที่ถือว่าเป็นจุดขายและดีจนไม่สามารถบรรยายออกมาได้ จนกว่าคุณจะได้ไปฟังด้วยหูของตัวเอง


4. Cello Concerto – Elgar

Cello Concerto - Elgar
Cello Concerto – Elgar
เพลงปี 1919
ผู้แต่งเพลง Edward Elgar

หากพูดถึงดนตรีแนว Concertos ที่โด่งดังเป็นอันดับต้น ๆ ตลอดกาล คงจะต้องยกให้ “Cello Concerto” โดยความพิเศษของเพลงนี้คงจะต้องยกให้เครดิตกับทาง Elgar เพราะเขาสามารถใส่อารมณ์แพชชั่นทั้งหมดลงไปในดนตรีได้ทั้งหมด ฉะนั้นในทุกท่อนและทุกโน๊ตจะมีความหมายแฝงอยู่ด้านในทั้งสิ้น ซึ่งในแต่ละช่วงเวลาจะมีโทนเสียงของดนตรีที่สูงต่ำตลอดสลับกันไปเป็นเหมือน Story หรือการบอกเล่าความรู้สึกในช่วงเวลานั้น ๆ ถือว่าเป็นผลงานระดับ Masterpiece ที่ห้ามพลาดอย่างเด็ดจาด


5. St Matthew Passion – J.S. Bach

St Matthew Passion - J.S. Bach
St Matthew Passion – J.S. Bach
เพลงปี 1727
ผู้แต่งเพลง Johann Sebastian Bach

มากันในสายนุ่มลึกและไม่ดุเดือดกันบ้าง สำหรับ ‘St Matthew Passion’ ที่เกิดขึ้นในยุค Baroque โดยเนื้อเพลงด้านในจะมีการใส่เนื้อหาเกี่ยวกับพระคัมภีร์ ผสมหลอมรวมเข้ากับประสบการณ์ของทาง Bach ที่ประสบพบเจอในช่วงเวลานั้น ซึ่งทั้งเนื้อหาของเพลงผสมรวมไปดนตรีได้อย่างลงตัว ถ้าจะบอกว่าเขาเป็นนักแต่งเพลงอัจฉริยะก็คงไม่ผิด เพราะ St Matthew Passion ได้พิสูจน์คุณภาพและความสามารถของเขาได้ทั้งหมด แม้กระทั่งปัจจุบันเพลงนี้ก็ยังได้รับเลือกให้ไปเล่นในงานใหญ่กันจนถึงทุกวันนี้


6. Grosse Fuge – Beethoven

Grosse Fuge - Beethoven
Grosse Fuge – Beethoven
เพลงปี 1825
ผู้แต่งเพลง Ludwig van Beethoven

ในช่วงแรกที่ได้ปล่อย Grosse Fuge ออกมา บอกได้เลยว่ามีการตีความออกไปมากมาย โดยในช่วงเวลานั้นมีหลายคนมากที่ไม่ค่อยจะถูกใจเพลงนี้สักเท่าไหร่ เนื่องจากเมื่อฟังแล้วอาจทำให้รู้สึกอึดอัด เนื่องจากความสลับซับซ้อนของโน้ตดนตรี รวมไปถึงความดุเดือดของดนตรีเอง แต่ในขณะเดียวกันเมื่อนำมาเปิดในยุคนี้กลับมีหลายคนที่ชื่นชอบ เพราะมู้ดและดนตรีที่รุนแรง เป็นสายที่ค่อนข้างนิยมในยุคปัจจุบัน


7. Symphony No. 6 – Tchaikovsky

Symphony No. 6 - Tchaikovsky
Symphony No. 6 – Tchaikovsky
เพลงปี 1893
ผู้แต่งเพลง Pyotr Ilyich Tchaikovsky

Symphony No.6 เป็นเพลงคลาสสิกที่หลายคนอาจเคยฟังผ่านหูโดยไม่รู้ตัวครับ ถึงแม้ว่าเพลงนี้จะเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีช ที่ทำดนตรีออกมาได้เพราะในทุกช่วงจังหวะ บอกได้เลยว่าฟังเพลินตั้งแต่วินาทีแรกยันวินาทีสุดท้าย แต่เบื้องหลังของเพลงนั้นน่าหดหู่กว่าที่หลายคนคิด เพราะหลังจากที่ทางไชคอฟสกีปล่อยเพลงและแสดงเพลงนี้ได้เพียง 9 วัน เขาก็ตายลงด้วยการฆ่าตัวตาย เนื่องจากเขาเป็น LGBTQ ที่คนในยุคนั้นไม่ค่อยจะยอมรับกันสักเท่าไหร่ ดังนั้นนอกจากที่เพลงนี้จะสร้างความจรรโลงใจให้กับคนฟังแล้ว มันยังเป็นการรำลึกถึงเขาไปด้วยในตัว


8. Vespers – Monteverdi

Vespers - Monteverdi
Vespers – Monteverdi
เพลงปี 1610
ผู้แต่งเพลง Claudio Monteverdi

ถึงแม้ว่าเพลงจะมีอายุในหลักหลายร้อยปี ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็อาจมองว่ามันคงเป็นอะไรที่น่าเบื่อและไม่น่าสนใจ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป ยิ่ง Vespers ของ Monteverdi ก็บอกได้เลยว่าล้มล้างความคิดแบบนั้นออกไปได้ทั้งหมด เพราะเพียงแค่เริ่มต้น Vespers ก็สามารถดึงคุณให้หลุดเข้าไปในเพลงทันที ด้วยการประสานทั้งคอรัสและดนตรีเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ทรัมเป็ต, ไวโอลีน, กลอง, การร้องประสานเสียงและอีกมากมาย โดยเพลงนี้ถือว่าโด่งดังมากในยุคต้นของ Baroque


9. Vivaldi (Recomposed) – Max Richter

Vivaldi (Recomposed) - Max Richter
Vivaldi (Recomposed) – Max Richter
เพลงปี 2012
ผู้แต่งเพลง Max Richter

Vivaldi เวอร์ชัน Recomposed เป็นผลงานของทาง Max Richter ซึ่งเพิ่มความมินิมอลและความโมเดิร์นลงไป ทำให้เพลงมีความทันสมัยมากขึ้น ถึงแม้ว่าเขาจะปรับเลี่ยนและทิ้งดนตรีฉบับเก่าออกประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ แต่กลิ่นอายคลาสสิคของ Vivaldi ก็ยังอยู่ บอกได้เลยว่าฟังเพลินและเข้ากับคนในยุคปัจจุบันมาก รับรองได้ว่าเปลี่ยนความคิดให้คุณหันมาชอบเพลงแนวนี้ได้เลยครับ


10. The Ring Cycle – Wagner

The Ring Cycle - Wagner
The Ring Cycle – Wagner
เพลงปี 2419
ผู้แต่งเพลง Richard Wagner

The Ring Cycle เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ใช้สำหรับการโชว์โอเปล่า ถึงแม้ว่าหลายคนอาจมองมันไม่ค่อยน่าตื่นเต้นสักเท่าไหร่นักในแวดวงของสายนี้ แต่จริง ๆ แล้วบอกได้เลยว่าดนตรีที่ทำออกมานั้นโชว์ให้เห็นถึงศักยภาพและความอัจฉริยะของ Wagner ที่ใครได้ฟังแล้วจะต้องฮึกเหิมและอินไปกับเพลงได้นานนับชั่วโมง ฟังได้ต่อเนื่องแบบไม่มีวันเบื่ออย่างแน่นอนครับ






เป็นอย่างไรกันย้างครับสำหรับเพลงคลาสสิคที่ผมได้แนะนำไป ทั้งนี้เว็บไซต์ของเราไม่ได้มีเพลย์ลิสต์เกี่ยวกับเพลงคลาสสิกหรือคลาสสิคเคิลอย่างเดียวเท่านั้น เพราะเรายังมีเพลงสากลยุคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เพลงสากลยุค 60, เพลงสากลยุค 70, เพลงสากลยุค 80 และเพลงสากลยุค 90 ที่ใครสนใจก็สามารถเข้าไปอ่านกันได้ครับ

Lolipop

Lolipop

Create article about music and news with heart

Next Post