ในปัจจุบัน “ตลาดของรถยนต์” นั้น มีความหลากหลายขึ้นมาก หลาย ๆ ค่ายชั้นนำ เลือกที่จะออกแบบรถมาให้ตอบโจทย์ผู้ใช้เฉพาะกลุ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มของ รถยนต์อเนกประสงค์ ที่ปัจจุบันมีหลายประเภทมาก ไม่ว่าจะเป็น SUV, Crossover, PPV หรือ Mini MPV ที่ถูกย่อส่วนลงมาจาก MPV ซึ่งในแต่ละแบบก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับคุณว่า อยากจะได้รถไปใช้งานด้านไหนเป็นหลัก ซึ่งในวันนี้เราจะมาแนะนำ รถสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ ครับ เน้นหรูหรา นั่งสบาย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
สำหรับ รถอเนกประสงค์ MPV นั้น เป็นรถยนต์ที่เน้นความสะดวกสบายเป็นหลัก มีความนุ่มนวล ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย ขึ้นลง-ง่าย ไม่ได้มีการยกสูงเหมือนกับรถพีพีวี และไม่ได้สปอร์ตเหมือนรถเอสยูวี โดยรูปลักษณ์ภายนอก จะมีลักษณะเป็นกล่องคล้ายกับรถตู้ แต่จะมีขนาดเล็กกว่าครับ ด้วยเหตุนี้ รถ MPV จึงเหมาะมาก ๆ สำหรับครอบครัวใหญ่ที่มีสมาชิกหลาย ๆ คน ซึ่งแน่นอนครับว่า หากจะซื้อรถตู้มาใช้งาน มันก็อาจจะดูใหญ่เกินไปไม่คล่องตัว แถมผู้สูงอายุก็อาจจะมีอาการวิงเวียนศีรษะได้ง่าย ฉะนั้นรถยนต์ประเภท MPV (Multi Perpose Van) จึงถูกออกแบบมาเพื่อคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะครับ และรวมไปถึง เหล่าผู้บริหาร ก็ชอบรถสไตล์นี้เช่นกัน
สำหรับในวันนี้เราขอพาทุก ๆ คนไปส่องดูว่า ณ ตอนนี้ ปี 2021 มี รถอเนกประสงค์ MPV รุ่นอะไรบ้างที่กำลังได้รับความนิยม? แต่ละรุ่นมีฟังก์ชันอะไรเด็ด ๆ บ้าง? และที่สำคัญราคาค่าตัวของมันนั้นคุ้มค่าหรือไม่? ตามไปดูกันเลยครับ
1. New Hyundai STARIA 2021
Hyundai STARIA รถตู้อเนกประสงค์ MPV สุดหรู และพรีเมี่ยมที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมา เพื่อนำมาสานต่อความสำเร็จของรุ่นพี่อย่าง Hyundai H1 หลังจากที่ทำตลาดมานานกว่า 10 ปี โดยมาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูโดดเด่นพรีเมี่ยม เรียบหรู และดูล้ำสมัยมาก ๆ เหมือนหลุดมาจากโลกอนาคต ตัวรถได้รับการออกแบบมาให้ตอบสนองทุก ๆ ไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว ในทุก ๆ การเดินทางของคุณจะสมบูรณ์แบบขั้นสุด ไม่ว่าจะใช้เป็นครอบครัวหรือใช้สำหรับธุรกิจของคุณ รุ่นนี้ก็ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม
โดดเด่นด้วยการออกแบบมาในสไตล์ยานอวกาศ โดยมีกระจังหน้าลายตาข่ายขนาดใหญ่ ติดตั้งไฟ Daytime Running Lights LED ไฟหน้า LED แบบมัลติรีเฟลกเตอร์ มีระบบเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟท้ายแบบ Parametric Pixel ลากยาวจากหลังคาจนเกือบถึงด้านล่าง สอดรับกับกระจกหลังขนาดใหญ่ กระจกหน้าต่างไฟฟ้า Panoramic ที่สามารถปรับกระจกขึ้น-ลงอัตโนมัติ พร้อมระบบกันหนีบ มีประตูสไลด์ทั้ง 2 ฝั่ง ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าสามารถเปิด-ปิดอัตโนมัติ ได้ภายในเวลาแค่ 3 วินาที เท่านั้น อีกทั้งฝาท้ายยังเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และมีระบบเปิด-ปิดฝาท้ายผ่านรีโมทคอนโทรล เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน
Hyundai STARIA 2021 มี 2 รุ่นย่อยให้เลือก ดังนี้
รุ่น | ราคา |
Hyundai Staria S | 1,729,000 บาท |
Hyundai Staria SEL | 1,999,000 บาท |
ส่วนภายในห้องโดยสารของ Hyundai Staria ยังคงมาพร้อมกับความกว้างขวางเช่นเดิม มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยการออกแบบจะเน้นความสำคัญของทัศนวิสัยในการขับขี่และความสะดวกสบายของผู้โดยสาร ซึ่งมี 11 ที่นั่ง ทั้งหมด 4 แถว จัดวางแบบ แถวหน้า 3 ที่นั่ง แถวสอง 3 ที่นั่ง แถมสาม 2 ที่นั่ง และแถวสุดท้าย 3 ที่นั่ง โดยที่นั่ง 3 แถวหลังสามารถพับให้ราบเป็นแนวเดียวกันได้ ตัวเบาะหุ้มด้วยหนังแท้อย่างดี ซึ่งเบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 12 ทิศทาง พร้อมระบบปรับดันหลัง และมีจุดยึด ISOFIX ภายในห้องโดยสารมีการใช้กระจกแบบพาโนรามิค ซึ่งจะกว้างกว่าปกติ ให้ความรู้สึกที่โปร่งโล่งสบาย หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่เป็นจอ LCD ความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว ติดตั้งแบบลอยตัว อยู่ด้านหลังพวงมาลัย สวิตช์เปลี่ยนเกียร์ระบบไฟฟ้า พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
ระบบปรับอากาศแยกอิสระซ้ายขวา และแยกส่วนด้านหน้าและหลัง หน้าจออินโฟเทนเมนต์ระบบสัมผัส 8 นิ้ว ซึ่งสามารถรองรับได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto และ Bluetooth นอกจากนี้ยังมีแท่นชาร์จแบบไร้สาย ม่านบังแดดที่กระจกหน้าต่าง และพอร์ต USB 7 จุด ในส่วนระบบความปลอดภัยก็อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีมากมายทั้ง ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน ระบบช่วยเหลือการขับขี่ และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Hyundai SmartSense
ในด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์ Hyundai Staria ใช้เครื่องยนต์ ดีเซล 2.2 ลิตร 4 สูบเรียง DOHC 16V 2,199 ซีซี พร้อมพ่วงด้วยเทอร์โบ ระบบจ่ายน้ำมัน Commonrail Direct Injection ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบ Paddle Shift ที่พวงมาลัย ขับเคลื่อนล้อหน้า ทำกำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 431 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที มอบการตอบสนองที่รวดเร็ว ด้วยอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยม
2. Hyundai H-1
มาเริ่มกันที่ Hyundai H-1 รถตู้พรีเมี่ยมสำหรับครอบครัว มาพร้อมกับความหรูหรา และราคาที่ไม่สูงจนเกินไป สามารถนั่งได้ถึง 11 ที่นั่ง ด้านดีไซน์ได้รับการออกแบบมาใหม่ เพิ่มความสมบูรณ์แบบในทุกมิติ ด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟหน้า โปรเจคเตอร์เลนส์ ไฟหน้าและไฟท้าย แบบ LED พร้อมกับไฟเดย์ไลท์ แบบ LED ช่วยเพิ่มความโดดเด่นสะดุดตา พร้อมทั้งยังมีชุดแต่งแบบรอบคันเป็นโครเมียม ช่วยเพิ่มมิติให้กับตัวรถ ทำให้ดูหรู ดูพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น ซึ่งความสบายในระดับนี้มีราคาเริ่มต้นเพียง 1.329 ล้านบาท เท่านั้น
Hyundai H1 2020 มี 3 รุ่นย่อยให้เลือก ดังนี้
รุ่น | ราคา |
Hyundai H-1 Touring | 1,329,000 บาท |
Hyundai H-1 Elite | 1,529,000 บาท |
Hyundai H-1 Deluxe | 1,729,000 บาท |
ส่วนภายในมาพร้อมกับความกว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเริ่มตั้งแต่ พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมปุ่มควบคุม, ใช้หน้าปัดเรือนไมล์ดิจิทัล, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมปุ่มควบคุมแบบแยกสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, มีการตกแต่งด้วยลายไม้, หน้าจอขนาด 8 นิ้ว, ระบบนำทาง, หน้าจอ LCD ติดเพดาน, ช่องต่อ USB และ HDMI, ช่องจ่ายไฟแบบ USB ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง, ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย และอื่น ๆ อีกมากมาย ส่วนระบบความปลอดภัยก็มีมาให้ครบ อาทิเช่น ถุงลมนิรภัย, ระบบเบรค ABS, ระบบล็อคประตูสัมพันธ์กับความเร็ว และอื่น ๆ พร้อมจะให้ทุกคนเดินทางด้วยความสะดวกสบาย และความปลอดภัยสูงสุด
ในด้านเครื่องยนต์ รุ่นนี้ใช้ เครื่องยนต์ดีเซล รหัส D4CB 4 สูบ DOHC 16V 2,497 ซีซี. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อมกับระบบ Sequential Shift มอบพละกำลังสูงสุด 175 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที ทำแรงบิดสูงสุด 441 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-2,250 รอบต่อนาที ช่วยตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว มีอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยม พร้อมระบบช่วงล่างที่ให้การยึดเกาะแบบเหนือชั้น นุ่มนวล ถือเป็นรถที่ขับขี่ง่าย สะดวกสบายทุกการใช้งาน
3. KIA Grand Carnival
Grand Carnival รถยนต์อเนกประสงค์ 11 ที่นั่ง ราคาประหยัดอีกรุ่นนึงที่เราอยากจะแนะนำ สำหรับใช้เป็นรถครอบครัว ด้วยตัวรถภายนอกมาพร้อมดีไซน์ การออกแบบที่โดดเด่น ดูทันสมัย โดยการดีไซน์เน้นให้ความสำคัญในทุกมิติเพื่อความสมบูรณ์แบบ ในทุกมุมมอง ด้วยไฟหน้า LED ที่ช่วยมอบแสงสว่างที่มีประสิทธิผลสูงสุด กระจังหน้า Tiger Nose เพิ่มความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ โดยรวมแล้วเป็นรถที่ดูพอดี มีความหรูหรา เรียบง่าย เหมาะสำหรับครอบครัวมาก ๆ ครับ
KIA Grand Carnival มี 3 รุ่นย่อยให้เลือก ดังนี้
รุ่น | ราคา |
KIA Grand Carnival LX | 1,397,000 บาท |
KIA Grand Carnival EX | 1,991,000 บาท |
KIA Grand Carnival SXL | 2,292,000 บาท |
ในส่วนของภายในได้รับการออกแบบมาโดยเน้นความกว้างขวางและมีระดับ นั่งสบาย พร้อมระบบอำนวยความสะดวกครบครัน ที่จะช่วยให้คุณสบายทุกการเดินทาง เริ่มด้วยเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบทำความอุ่นและเย็น, มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 3 โซน, มาตรวัดความเร็ว Supervision Cluster มาพร้อมกับหน้าจอ ขนาด 7 นิ้ว แบบ TFT LCD, ระบบเลือกโหมด การขับขี่, ชุดเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส 8 นิ้ว, จอภาพ LCD ติดเพดานพับไฟฟ้าขนาด 15.6 นิ้ว, จอ Personal Entertainment Tablet ที่หัวหมอนของที่นั่งคู่หน้า, ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย และอื่น ๆ อีกมากมาย (ซึ่งในรุ่นเริ่มต้นกับรุ่นท๊อปสุดแตกต่างกันมากพอสมควร) ส่วนความปลอดภัยต่าง ๆ ก็ให้มาครบครัน อาทิเช่น ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ระบบป้องกันล้อล็อก, ระบบกระจายแรงเบรก, ระบบช่วยเสริมแรงเบรก, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน เป็นต้น
ส่วนสมรรถนะของ Grand Carnival ใช้เครื่องยนต์เหมือนกันหมดทั้ง 3 รุ่นย่อยคือ เครื่องยนต์ดีเซล R 2.2 CRDi VGT 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC ส่งกำลังด้วยระบบ เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมโหมด Manual ที่ให้คุณสามารถสนุกได้อย่างเต็มที่ กำลังสูงสุด 197 เเรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที มีแรงบิดสูงสุด 441 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750 – 2,750 รอบต่อนาที หากคุณกำลังมองหารถครอบครัวที่มีความคุ้มค่า ราคาไม่สูงจนเกินไป รุ่นนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ
4. Toyota Alphard & Vellfire 2020
หากพูดถึง รถ MPV สุดหรู เราเชื่อว่าทุก ๆ คนต้องเคยได้ยินและรู้จักกับ “Toyota Alphard” กันไปแล้ว เพราะมันเป็นรถระดับผู้บริหารรุ่นที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน มาพร้อมฝาแฝดอย่างเจ้า “Toyota Vellfire” โดยทั้งคู่ถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้แนวคิด “GRANDELUXE ที่สุดแห่งเกียรติยศยนตรกรรม….” โดดเด่นด้วยความหรูหรา พรี่เมี่ยม ภายในห้องโดยสาร จัดเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบอัดแน่น รวมทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่ตอบสนองได้ทันใจ และระบบช่วงล่างที่นุ่มนวลแบบสุด ๆ
ด้านรูปลักษณ์ภายนอกต้องบอกว่าดูพรีเมี่ยมสมชื่อกับการเป็นผู้นำตลา โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED ไฟเลี้ยวหน้าหลัง Sequential กระจังหน้าโครเมียมที่ลากเส้นสายอย่างสวยงาม กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว สปอยเลอร์หลังติดไฟเบรก LED ดวงที่สาม และหลังคามูนรูฟคู่ เหมือนกันทั้ง 3 รุ่น แต่ดีไซน์กระจังหน้าของ Toyota Vellfire จะต่างออกไป
Toyota Alphard & Vellfire 2020 มี 3 รุ่นย่อยให้เลือก ดังนี้
รุ่น | ราคา |
Toyota Vellfire 2.5 | 3,889,000 บาท |
Toyota Alphard 2.5 HV (Hybrid) | 4,019,000 บาท |
Toyota Alphard 3.5 VIP | 5,509,000 บาท |
Toyota Alphard & Vellfire มาพร้อมกับห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบาย เริ่มต้นด้วย หน้าปัดเรือนไมบ์ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว, ประตูข้างซ้าย ขวา และประตูหลัง ใช้ระบบไฟฟ้า, ไฟในห้องโดยสารปรับ 16 สี, เบาะนั่งเป็นหนังแบบ Perforated, มีการตกแต่งด้วยลายไม้ทั้งหมด, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เป็นแบบแยกอิสระ 3 โซน, เบาะนั่งปรับไฟฟ้า, ลำโพงมี 17 ตำแหน่ง จาก JBL, หน้าจอแสดงผลระบบสัมผัส 10.5 นิ้ว และหน้อจอ 13.3 นิ้ว พร้อมเครื่องเล่น DVD สำหรับผู้โดยสาร และอื่น ๆ ส่วนในด้านระบบความปลอดภัยใส่มาครบตามมาตรฐานของโตโยต้า อาทิเช่น ระบบถุงลมเสริมความปลอดภัย 9 จุด, ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ และระบบความปลอดภัยก่อนการชน เป็นต้น
ในด้านขุมพลังของ Toyota Alphard ทั้ง 3 รุ่น ก็จะมีความแตกต่างกันอยู่ ดังนี้
- รุ่น Vellfire มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC Dual VVT-i ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมด้วยระบบ Sequential Shift ขับเคลื่อนล้อหน้า สามารถมอบพละกำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ทำแรงบิดสูงสุด 235 นิวตัน-เมตร ที่ 4,100 รอบต่อนาที
- รุ่น Alphard 2.5 HV (Hybrid) รุ่นนี้มาพ้อมกับ เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร เช่นกับ เป็น 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC VVT-i ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่แบบนิกเกิลเมทัลไฮดราย ส่งกำลังด้วยเกียร์ E-CVT ขับเคลื่อน 4 ล้อ Electrical 4WD System (E-Four) ที่ให้พละกำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 206 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 – 4,800 รอบต่อนาที
- รุ่น Alphard 3.5 VIP มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินขนาดใหญ่ 6 สูบ DOHC Chain Drive VVT-iW และ D-4S ระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ ECT 6 สปีด มาพร้อมระบบ Sequential Shift ช่วยมอบพละกำลังสูงสุด 296 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที มีแรงบิดสูงสุด 361 นิวตัน-เมตร ที่ 4,600 – 4,700 รอบต่อนาที
แม้จะมีราคาค่อนข้างสูง แต่หากเทียบกับความหรูหรา พรีเมี่ยม สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ใส่มา ระบบความปลอดภัย และสมรรถนะที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมที่จะพาคุณไปในทุก ๆ เส้นทาง ด้วยความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะใช้งานในครอบครัว หรือใช้งานสำหรับผู้บริหารระดับสูง Toyota Alphard ก็สามารถตอบโจทย์ได้อย่างยอดเยี่ยม
5. Mercedes-Benz V-Class
The new V-Class รถยนต์อเนกประสงค์ MPV สุดหรู ทางฝั่งยุโรป จากค่ายที่ทุกคนต้องรู้จักอย่าง Mercedes-Benz มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ดูพรีเมี่ยม เรียบหรู แบบผู้ดี ตามสไตล์ของเบนซ์ที่มีรถยนต์หรูหลายรุ่น สำหรับ V-Class ถูกออกแบบมาให้สามารถตอบสนองทุก ๆ ไลฟ์สไตล์ ทุก ๆ การเดินทางของคุณ ไม่ว่าจะใช้ภายในครอบครัวหรือใช้สำหรับผู้บริหาร ด้วยตัวถังใหม่แบบ Extra Long ทำให้ห้องโดยสารกว้างมากขึ้น เพิ่มความสะดวกสบาย ให้ทุกคนเดินทางด้วยความผ่อนคลายยิ่งขึ้น
ดีไซน์ภายนอก โดดเด่นด้วย ไฟหน้าที่มาพร้อมกับ ระบบ LED Intelligent Light System เข้ามาช่วยปรับแสงไฟอัตโนมัติทำให้มีทัศนวิสัยที่ดีที่สุด กันชนหน้าดีไซน์มาใหม่ เพิ่มความพรีเมี่ยมด้วยเส้นสายที่ลงตัว ในส่วนของประตูบานเลื่อนทั้งซ้าย และขวา ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า รวมถึงฝาท้ายก็ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าเช่นกัน และอื่น ๆ ที่พร้อมช่วยให้คุณสะดวกสบายขั้นสุด ในทุก ๆ การเดินทาง
Mercedes-Benz V-Class มี 3 รุ่นย่อยให้เลือก ดังนี้
รุ่น | ราคา |
Mercedes-Benz V 250 d Business | 3,990,000 บาท |
Mercedes-Benz V 250 d Business PLUS | 4,150,000 บาท |
Mercedes-Benz V 250 d Avantgarde Premium | 5,880,000 บาท |
สำหรับดีไซน์ภายในห้องโดยสารก็ต้องบอกว่ามีทั้งความหรูหรา พรีเมี่ยม ดูไฮโซ สมกับราคาครับ สะดวกสบายระดับ First Class เริ่มต้นกันด้วย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน แป้นควบคุมเปลี่ยนเกียร์ ระบบปฏิบัติการมัลติมีเดีย MBUX มีหน้าจอแสดงผล ขนาด 7 นิ้ว พร้อม touchpad ให้ได้ใช้งาน มีการตกแต่งอย่างลงตัวด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง บุเพดาน และตกแต่งคอนโซลหนา ซึ่งแต่ละรุ่นย่อยจะใช้วัสดุต่างกัน ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ ไฟเรืองแสงห้องโดยสารแบบปรับได ้3 สี ยกระดับการเดินทางสร้างบรรยากาศผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น เพิ่มความสุนทรีย์ที่เหนือกว่า ส่วนในด้านของระบบความปลอดภัย เบนซ์ ก็ขึ้นชื่ออยู่แล้ว มาพร้อมกับระบบ PRE-SAFE® system ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ Driving Assistance Package ระบบความปลอดภัย และอื่น ๆ ให้คุณสามารถมั่นใจได้ในทุกการเดินทางด้วย และนอกจากนั้นยังมีระบบช่วยเหลือแบบครบวงจร Active Parking Assist with 360° camera ระบบช่วยนำรถเข้าจอดพร้อมกล้องแสดงภาพแบบรอบทิศทาง และอื่น ๆ อีกมากมาย
ในด้านของ ขุมพลัง ทั้ง 3 รุ่นย่อยมาพร้อมกับ เครื่องยนต์ ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง 4 วาลว์ เทอร์โบ 2,143 ซีซี. ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด (7G-TRONIC PLUS) ช่วยมอบพละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,200 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 440 นิวตัน-เมตร ที่ 1,400 – 2,400 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ดั่งใจคิด อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยม พร้อมที่จะพาคุณ และครอบครัวไปสู่จุดหมายด้วยความสะดวกสบาย และความผ่อนคลายสูงสุด
บทส่งท้าย
ในปัจจุบันตลาดรถบ้านเรา มีให้เลือกมากมายหลายประเภทมาก อย่างรถมอเตอร์ไซค์ก็มีทั้ง รถมีเกียร์, รถออโตเมติก, รถบิ๊กไบค์ และรถซุปเปอร์ไบค์ ส่วนรถยนต์ก็มีทั้ง รถอีโค่คาร์, รถกระบะ, รถอเนกประสงค์ น้องใหม่อย่างรถยนต์ไฟฟ้าที่เริ่มมีจำหน่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ และประเภทอื่น ๆ ซึ่งรถแต่ละประเภท มันถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ดังนั้นคุณสามารถเลือกรถที่เหมาะกับคุณได้ไม่ยากเลยครับ อย่าง “รถตู้อเนกประสงค์” ที่เราได้รวบรวมรุ่นที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้มาแนะนำ ทุกรุ่นก็ถูกออกแบบมาเน้นความสะดวกสบายเป็นหลัก มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และรองรับได้หลายที่นั่ง กว้างขวาง ช่วงล่างนุ่มนวล มันจึงเหมาะมากครับ สำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ
ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ :
- Hyundai : www.hyundai.co.th
- Kia : www.kia.com
- Toyota : www.toyota.co.th
- Mercedes-Benz : www.mercedes-benz.co.th