อย่างที่ทราบกันดีว่าตอนนี้เชื้อไวรัสโคโรน่าหรือโรค COVID-19 ได้ระบาดไปทั้วโลกแล้ว ปัจจุบันระบาดไปถึง 140 ประเทศ และมียอดผู้เสียชีวิต ณ กลางเดือนมีนาคม 2020 อยู่ที่มากกว่า 5,700 รายแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นที่มีการแพร่กระจายจากคนสู่คนที่รวดเร็วที่สุดอีกโรคหนึ่งเลยก็ว่าได้ หลาย ๆ ประเทศประกาศปิดประเทศเพื่อที่จะลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโรค
เราจะป้องกันตัวเองจากไวรัสโคโรน่าได้อย่างไร?
แน่นอนว่าหลาย ๆ คน คงทราบแล้วว่าเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นแพร่กระจายจากสารคัดหลั่งขอผู้ติดเชื้อ ที่เกิดจากการไอ การจาม และน้ำลาย ทุกอย่างสามารถปะปนอยู่ในอากาศหรือติดอยู่บนพื้นผิวต่าง ๆ ได้ และเชื้อไวรัสก็มีชีวิตยาวนานได้หลายวัน สิ่งเหล่านี้สามารถเข้าไปในปากหรือระบบหายใจของคุณได้ง่าย ๆ เช่นกัน หากคุณใช้มือที่ยังไม่ทำความสะอาด มาสัมผัสใบหน้า แคะ แกะ เกา หรือขยี้ตา ก็สามารถรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้โดยง่าย
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่เราทำได้และควรทำเป็นประจำคือการล้างมือให้สะอาดและล้างมืออย่างถูกต้อง ด้วยน้ำสะอาดและสบู่ก็เพียงพอต่อการกำจัดเชื้อไวรัสโคโรน่าแล้วค่ะ หากคุณไม่สะดวกในการล้างมือให้ใช้แอลกอฮอล์เจลล้างมือที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์อย่างน้อย 70-75% หรือจะใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ฉีดตามสิ่งของที่เราต้องจับหรือฉีดลงมือเราก็ได้ค่ะ

พยายามไปยังสถานที่ชุมชนแออัดเท่าที่จำเป็นและน้อยที่สุด หากคุณจำเป็นต้องซื้ออาหารมาบริโภค อาทิเช่น ห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าสะดวกซื้อ ทุก ๆ วัน ก็เปลี่ยนเป็นซื้ออาหารต่อครั้งให้เยอะขึ้นเป็นสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อหรือแพร่กระจายเชื้อ ในช่วงนี้พยายามหลีกเลี่ยงการปะปนสังสรรค์กับเพื่อนฝูงไปก่อน หรือพยายามพบเจอผู้คนเท่าที่จะเป็น ให้คำนึงไว้เสมอว่าการไม่เจอใครเลยนั้น ความเสี่ยงของเราก็เท่ากับศูยน์
ก่อนออกจากบ้าน พยายามเช็คข่าวเสมอว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงหรือไม่ พบผู้ติดเชื้อจากพื้นที่นั่นหรือไม่ เพราะการเดินทางออกจากบ้านนั้น ก็ถือว่ามีความเสี่ยงสูง ดังนั้นเราจึงต้องพิจารณาและคิดให้รอบครอบก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง ในกรณีที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีความจำเป็นต้องออกจริง ๆ ควรเว้นระยะห่างจากผู้คนอย่างน้อย 2 เมตร และหมั่นล้างมือล้างให้สะอาดอย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น
สำหรับข้อควรปฏิบัติอื่น ๆ เมื่อคุณต้องใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคม เมื่อคุณรู้สึกอยากจามหรือไอ ไม่ควรจามหรือไอโดยไม่มีผ้าปิด หากคุณหาผ้ามาผิดไม่ทันให้ไอหรือจามใส่ข้อศอกของตัวเองแทน กรณีที่ใช้หระดาษหรือผ้ามาปิด ต้องทิ้งลงถังขยะให้เรียบร้อยด้วยนะคะ และที่สำคัญไม่ควรใช้มือตัวเองมาปิดเวลาจามหรือไอ
จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือไม่
สำหรับหน้ากากอนามัยนั้น อย่างที่ทราบกันดีว่า มันถูกสร้างขึ้นมาให้ผู้ติดเชื้อใส่ เพื่อที่จะลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค เชื่อไวรัส แต่เนื่องจากบ้านเรานั้น ผู้ที่ป่วยมักจะไม่ระวังตัวเอง ไม่รู้จักป้องกันตัวเอง จึงต้องเป็นหน้าที่ของคนปกติที่ต้องสวมหน้ากากเพื่อป้องกันตัวเองแทน แต่อย่างไรก็ตาม เราขอแนะนำให้สวมเฉพาะสถานการณ์ที่จำเป็น อาทิเช่น สถานที่ผู้คนแอดอัด และไม่มีอากาศถ่ายเท เป็นต้น ไม่จำเป็นไม่ต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา และไม่จำเป็นต้องใช้เป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หรือหน้ากาก N95 เสมอไป (สำหรับผู้ที่ไม่ป่วย) คุณสามารถสวมเพียงหน้ากากผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายมัสลินหรือผ้าสาลูก็พอเพียงต่อการป้องกันแล้วค่ะ สำหรับที่หาซื้อหน้ากากไม่ได้ เรามีวิธีทำหน้ากากผ้าแบบ DIY ใช้เองให้คุณได้อ่านเพิ่มเติมด้วยนะคะ

อาการของโรค COVID-19 มีอะไรบ้าง
ไวรัสโคโรน่านั้นเป็นโรคที่เกี่ยวกับการติดเชื้อในปอด อาแรกเริ่มนั้นมักจะมีอาการไอแห้ง เจ็บคอ มีเสมหะ และนำไปสู่การปัญหาการหายใจติดขัด หายใจไม่สะดวก เริ่มมีไข้สูง ปวดเมื่อย เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ปวดข้อ ตัวเย็น ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการที่พบบ่อย ซึ่งอาการแต่ละคนก็แสดงออกมาไม่เหมือนกัน
อาการของโรค COVID-19 ที่พบบ่อย ผลการสำรวจจากองค์กรอนามัยโลก WHO
อาการที่พบบ่อย | อาการที่พบได้น้อย | อาการที่ไม่พบ |
|
|
น้ำมูกไหล |
โดยเฉลี่ยระยะฝันตัวจะอยู่ที่ 2 – 14 วันแต่บางรายก็อาจจะมีระยะฟักตัวนานกว่านั้นโดยไม่สามารถตรวจหาเชื้อเจอในระยะแรก ผ่านไป 24 วัน ถึงจะเจอเชื้อ แต่ ส่วนมาก 98% จะแสดงอาการและตรวจพบเชื้อได้ในภายใน 14 วัน
ตารางแสดงอาการแตกต่างระหว่าง COVID-19 และโรคอื่น ๆ
อาการ | ภูมิแพ้ | ไข้หวัด | COVID-19 |
ไอมีเสมหะ | ![]() |
![]() |
![]() |
ไอไม่มีเสมหะ | ![]() |
![]() |
![]() |
ปวดศีรษะ | ![]() |
![]() |
![]() |
มีน้ำมูก | ![]() |
![]() |
![]() |
ตาแดง / คัน | ![]() |
![]() |
น้อย |
จาม | ![]() |
![]() |
![]() |
ไข้สูงเฉียบพลัน | ![]() |
![]() |
![]() |
มีไข้ (ไม่สูง ไม่เฉียบพลัน) | ![]() |
![]() |
![]() |
หายใจติดขัด ลำบาก | ![]() |
![]() |
![]() |
เจ็บคอ | ![]() |
![]() |
![]() |
ปวดเมื่อยตามตัว | ![]() |
![]() |
![]() |
โรค COVID-19 เป็นอันตรายถึงตายได้อย่างไร?
เนื่องจากเป็นโรคระบาดสายพันธ์ุใหม่ที่ยังไม่เคยมีการวิจัย จึงทำให้อัตราการเสียชีวิตนั้นอยู่ที่ประมาณ 1% ถึง 2% และส่วนใหญ่มักเป็นเกิดจากผู้ที่ร่างกายอ่อนแอ ไม่มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง อย่างกลุ่มผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว ก็นับว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงสำหรับโรคนี้
ผลสำรวจจากองค์การอนามัยโลกจากผู้ป่วย 56,000 ราย
- 6% เป็นผู้ป่วยหนัก ปอดล้มเหลว, ภาวะช็อกติดเชื้อ, อวัยวะล้มเหลวและเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
- 14% อาการรุนแรง หายใจลำบากและหายใจถี่ มีความเสี่ยงสูง
- 80% มีอาการไม่รุนแรง มีไข้ ไอ และบางรายอาจมีอาการปอดอักเสบ
ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่นโรคหอบหืด เบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง มีแนวโน้มที่จะป่วยหนัก ข้อมูลจากจีนยังชี้ให้เห็นว่าผู้ชายมีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตจากไวรัสโคโรน่ามากกว่าผู้หญิง
การรักษาขึ้นอยู่กับร่างกายของผู้ป่วย เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันของพวกเขา จะสามารถต่อสู้กับไวรัสได้มากน้อยเพียงใด และตอนนี้ก็กำลังอยู่ในระหว่างพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโคโรน่าอยู่
กรณีเข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิค 19 หรือคิดว่าตัวเองเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า
ในกรณีนี้หากคุณแค่คิดว่ามีความเสี่ยงติดเชื้อไม่ว่าจะจากกรณีใดก็ตาม แต่ยังไม่แสดงอาการ โปรดรอดูอาการโดยกักตัวเองที่บ้านอย่างน้อย 7-14 วัน โดยบทความนี้จะบอกถึงรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติตัวสำหรับการกักตัวอยู่บ้าน 14 วัน ให้คุณได้ใช้เป็นแนวทาง ในกรณีที่คุณต้องกักตัวพร้อมเด็ก ๆ ในบ้านนี่จะเป็นบทความที่ช่วยให้คุณมีกิจกรรมที่ทำร่วมกับเด็ก ๆ ในขณะที่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน

ที่สำคัญคุณไม่ควรไปตรวจหาเชื้อก่อนหากยังไม่มีอาการใด ๆ เพราะอาจจะยังอยู่ในระยะฟักตัว ที่ตรวจเชื้อไปก็ไม่พบเชื้ออยู่ที่ ซึ่งคุณอาจจะต้องเสียเงินค่าตรวจฟรี ๆ ดังนั้นคุณควรรอให้มีอาการป่วยก่อนจึงค่อยไปตรวจหาเชื้อ อาทิเช่น มีอาการไอต่อเนื่อง ไอตลอดมาหลายวัน ปวดเมื่อยตามตัว หรืออุณหภูมิสูงกว่า 37.8C คุณสามารถใช้ปรอทวัดไข้ส่วนตัวขนาดพกพา สำหรับใช้ตรวจด้วยตนเองใน ขณะที่กักตัวอยู่บ้าน หากคุณมีอาการดังที่กล่าวมาข้างต้น ให้คุณไปติดต่อยังกรมควบคุมโรค โทรสายตรง 1422 โดยคุณสามารถใช้สิทธิ์ที่คุณมีในการขอตรวจได้ โปรดอ่านรายละเอียดเงื่อไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ค่าตรวจ และสิทธิการตรวจโคโรนาไวรัส COVID-19