Mariah Carey (มารายห์ แครี) – เปิดประวัติ และผลงานเพลง [อัพเดท ธ.ค. 63]

หลังจากที่เรานำเสนอประวัติและผลงานของศิลปินยุคใหม่อย่าง Beyoncé, Taylor Swift, Justin Bieber และ Ariana Grande กันไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงนักร้องดีว่าระดับตำนานอย่าง ‘Mariah Carey (มารายห์ แครี)’ กันบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเราพูดถึงมารายห์ เด็กวัยรุ่นยุคนี้อาจรู้จักและจดจำเธอได้จากเพลง ‘All I Want For Christmas is You’ เพราะเพลงนี้คือเพลงที่หวนกลับมาดังในทุกปลายปี ไม่ว่าใครอายุเท่าไหร่จะต้องผ่านการฟังเพลงนี้มาไม่มากก็น้อย แต่ถ้าย้อนกลับไปสำหรับผู้ใหญ่หรือวัยรุ่นในช่วงต้นยุค 90 หรือในช่วงที่มารายห์อยู่ในกราฟศิลปินซึ่งพุ่งทะยานทั้งทางด้านเสียงร้องและเพลงฮิตที่ปล่อยออกมายังไงก็เข้าชาร์ต หลายคนก็อาจจดจำเธอได้จากเพลง Vision of Love, Emotion หรือ Hero เพราะด้วยเทคนิคการร้องของมารายห์ที่มีจุดขายอย่างเสียงหวีด (Whistle Note) หรือคีย์การร้องที่กว้างมากถึงในระดับ 5 octave

ทั้งนี้หลายคนที่ติดตามมารายห์มาอาจจะมองว่าเส้นทางของเธอนั้นคงสวยงามมาตั้งแต่เด็ก แต่แท้จริงแล้วถ้าหากคุณได้ทราบประวัติของเธอในอดีต คุณอาจจะต้องตกใจกับสิ่งที่มารายห์พบเจอมาในช่วงวัยเด็ก และกว่าที่เธอจะเป็นมารายห์ แครีได้ในแบบทุกวันนี้ กราฟชีวิตของเธอเคยดิ่งจนยากจะจินตนาการ ทั้งเรื่องครอบครัวและการเช่าห้องเล็ก ๆ ในนิวยอร์กร่วมกับเพื่อนอีก 9 คน รวมไปถึงการทำงานเป็นนักร้องแบคอัพให้กับศิลปินคนอื่นมาก่อน เพื่อที่จะรอเซ็นสัญญากับค่ายเพลง ซึ่งรายละเอียดตรงนี้อาจมีคนจำนวนมากที่ไม่เคยรู้ ดังนั้นวันนี้ผมจึงได้เขียนบทความ ‘เปิดประวัติ และผลงานเพลง ของ Mariah Carey (มารายห์ แครี)’ มาฝากไว้ให้ทุกคนได้อ่านและรู้จักในตัวตนของเธอมากขึ้นครับ

ประวัติของ Mariah Carey (มารายห์ แครี)

มารายห์ แครี เกิดในเมืองฮันทิงตันในรัฐนิวยอร์ก โดยคุณแม่ของเธอชื่อว่า ‘Patricia’ ซึ่งเป็นนักร้องโอเปล่าและโค้ชสอนร้องเพลง (ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่ามารายห์ได้พรสวรรค์ในการร้องเพลงมาจากใคร) ในขณะที่ของคุณพ่อของเธอชื่อว่า ‘Alfred Roy Carey’ มีอาชีพเป็นวิศวกรรมการบินและอวกาศ ทั้งนี้ชีวิตของคุณพ่อและคุณแม่ของมารายห์นั้นไม่ได้ราบรื่นเท่าไหร่นัก เพราะคุณแม่นั้นเป็นคนผิวขาว ในขณะที่คุณพ่อของเธอเป็นผิวสี ซึ่งแน่นอนว่าในอดีตความเท่าเทียมกันในเรื่องนี้ยังคงเป็นอะไรที่หลายครอบครัวไม่สามารถยอมรับและเข้าใจได้ แต่มันก็ไม่เลวร้ายทำกับการที่เพื่อนบ้านวางยาสัตว์เลี้ยงในบ้านของครอบครัวและเผารถยนต์ของครอบครัวเธอ ความตึงเครียดเหล่านี้ทำให้ในที่สุดเส้นทางความรักของทั้งคู่ก็จบด้วยการหย่าร้าง

โดยทางมารายห์และพี่สาวได้แยกไปอยู่กับคุณแม่ ส่วนพี่ชายของเธอไปอยู่กับทางฝั่งคุณพ่อ ซึ่งในช่วงที่เธออายุ 3 ขวบ เธอจำเป็นจะต้องอยู่บ้านคนเดียว เนื่องจากคนแม่ต้องออกไปทำงานเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว และด้วยความเข้มข้นของเลือดศิลปินที่สูงมากในตัวเธอ ทำให้เธอใช้เวลาว่างไปกับการร้องเพลง อีกทั้งในช่วงที่เธอเรียนชั้นประถมศึกษา มารายห์ก็เรียกได้ว่าโดดเด่นในคลาสศิลปะและดนตรีมาก ทั้งนี้ด้วยความสามารถที่เปี่ยมล้น ทำให้คุณแม่ของเธอเห็นความสามารถในตัวมารายห์ เธอจึงเริ่มต้นสอนวิธีการร้องเพลงให้กับลูก เพื่อพัฒนาให้การร้องของมารายห์พัฒนามากขึ้นกว่าเดิม เมื่อโตขึ้นมารายห์ก็พยายามที่จะเดินตามความฝันของตัวเอง ด้วยการทำเพลงเดโม่ส่งไปตามค่ายต่าง ๆ และใช้เวลาในช่วงว่างด้วยการไปเป็นคอรัสให้กับศิลปินที่ชื่อว่า ‘Brenda K. Starr’ เพื่อจ่ายค่าเช่าบ้านในระหว่างการรอเซ็นสัญญากับค่ายยักษ์ จนในที่สุดหลังจากนั้นไม่นานความฝันของเธอกก็กลายเป็นจริงเมื่อ Columbia Records ได้ฟังเดโมและเซ็นสัญญาให้เธอได้เป็นศิลปินในค่าย ไม่นานนักเธอก็กลายเป็นศิลปินที่คนทั่วโลกรู้จักกันในฐานะนักร้องดีว่าเสียงทรงพลัง

ผลงานเพลงที่น่าสนใจของ Mariah Carey (มารายห์ แครี)

1. We Belong Together


คลิป We Belong Together โพสต์โดย คุณ Mariah Carey

แนวเพลง R&B
ค่ายเพลง Island Def Jam
ผู้แต่งเพลง Mariah Carey, Jermaine Dupri, Manuel Seal, Johntá Austin, Kenneth Edmonds, Darnell Bristol, Bobby Womack, Patrick Moten และ Sandra Sully
โปรดิวเซอร์ Mariah Carey, Jermaine Dupri และ Manuel Seal
เพลงในปี 2005

การกลับมาสุดยิ่งใหญ่และการเปลี่ยนแปลงดนตรีให้เข้ายุคสมัย พร้อมกับการผนึกรวมความสามารถในน้ำเสียงและเทคนิคของมารายห์ ทำให้เพลง ‘We Belong Together’ คือหนึ่งในเพลงที่ควรตั้งไว้บนหิ้งของตำนานที่ไม่อาจลืมเลือนได้ตลอดกาล โดยแนวเพลง R&B นั้นถือเป็นอีกหนึ่งสาขาที่มารายห์ถนัดและสามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างละเมียดละไมในทุกรายละเอียด ทั้งนี้ด้วยความเข้มข้นของเลือดศิลปินในตัวที่ค่อนข้างสูง หากมองลึกเข้าไปในเพลงจะทำให้เราต้องทึ่งกว่าเดิม เพราะทั้งเนื้อร้องและการโปรดิวซ์เพลงนั้นล้วนแล้วแต่มีรายชื่อของมารายห์อยู่ในลิสต์ ซึ่งต้องบอกว่าไม่ใช่ศิลปินทุกคนที่จะมีความสามารถในด้านนี้เสมอไป อีกทั้งเสียงคอรัสและแบคกราวน์ทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่เป็นการดีไซน์ของเธอทั้งสิ้น หากใครอยากฟังผลงานคุณภาพและละเอียดในทุกมิติทั้งเนื้อเพลงและดนตรี เพลงนี้คือหนึ่งเพลงที่คุณควรจะฟังไว้เป็นบารมีประดับหู


2. Vision of Love

คลิป Vision of Love โพสต์โดย คุณ Mariah Carey

แนวเพลง Pop และ R&B
ค่ายเพลง Columbia
ผู้แต่งเพลง Mariah Carey และ Ben Margulies
โปรดิวเซอร์ Rhett Lawrence และ Narada Michael Walden
เพลงในปี 1990

Vision of Love คืออีกหนึ่งเพลงระดับตำนานที่คนในยุค 90 ร้องกันได้จนติดปาก ความพิเศษของเพลงนี้เพลงแรกที่เปิดประตูและปูพรหมแดงให้มารายห์เดินเข้าสู่วงการแผ่นเสียงอย่างสง่างาม เพราะเพลงสามารถขึ้นได้อันดับ 1 ได้ในชาร์ต Billboard Hot 100 อีกทั้งตัวเพลงยังได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง Grammy Awards ครั้งที่ 33 ได้ถึง 3 สาขา ไม่ว่าจะเป็น Record of the Year, Song of the Year รวมไปถึง Best Pop Vocal Performance ซึ่งเธอหยิบมาได้ 1 รางวัลอย่างสมเกียรติ ทั้งนี้เนื้อหาของเพลงนั้นคือความอัดอั้นตันใจในชีวิตของเธอ ถึงแม้ในช่วงนั้นเธอยังคงเป็นวัยรุ่น แต่ต้องบอกว่าเส้นทางชีวิตของเธอยากลำบากมากทั้งชีวิตครอบครัวที่พ่อแม่หย่าร้าง รวมไปถึงอุปสรรคต่าง ๆ ที่เธอต้องฝ่าฟัน ดังนั้นเธอจึงร้องอ้อนวอนต่อพระเจ้าให้ปราณีและเมตตาต่อเธอ ซึ่งแน่นอนว่าพระเจ้ามองเห็นในความตั้งใจ จนทำให้เธอประสบความสำเร็จและยืนเป็นตัวแม่ของวงการจนถึงวันนี้


3. All I Want For Christmas is You

คลิป All I Want For Christmas is You โพสต์โดย คุณ Mariah Carey

แนวเพลง Christmas, dance-pop และ R&B
ค่ายเพลง Columbia
ผู้แต่งเพลง Mariah Carey และ Walter Afanasieff
โปรดิวเซอร์ Carey และ Afanasieff
เพลงในปี 1994

หากถามว่าเพลงคริสต์มาส ของศิลปินคนไหนที่เป็นโลโก้และเป็นตำนานชนิดที่ต้องหวนกลับมาเปิดในทุกปี แน่นอนว่าทางฟากเกาะประเทศผู้ดีอย่างอังกฤษคงจะต้องเป็น Michael Bublé แต่ถ้าเป็นในสหรัฐอเมริกาคงจะหนีไม่พ้นคุณนายมารายห์ แครี เพราะทุกเทศกาลคริสต์มาสจะต้องมีเพลง All I Want For Christmas is You เปิดในทุกสถานีวิทยุ ทุกห้างสรรพสินค้า หรือแม้กระทั่งโรงเรียนในประเทศไทย เพราะเนื้อหาของเพลงและจังหวะดนตรีที่เป็นการผสมผสานระหว่าง Dane-pop, R&B และ Christmas ทำให้เพลงออกมามีความสนุกสนาน เหมาะแก่การเปิดฉลองกับเพื่อน ๆ และครอบครัว หากใครไม่มีเพลงนี้อยู่ในลิสต์คริสต์มาสถือว่าคุณยังไม่ได้ร่วมฉลองเทศกาลนี้อย่างแท้จริงเลยก็ว่าได้ครับ


4. Touch My Body

คลิป Touch My Body โพสต์โดย คุณ Mariah Carey

สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้
แนวเพลง Pop และ R&B
ค่ายเพลง Island
ผู้แต่งเพลง Mariah Carey, Crystal Johnson, Terius Nash และ Christopher Stewart
โปรดิวเซอร์ Mariah Carey และ Stewart
เพลงในปี 2008

Touch My Body เพลงเซ็กซี่จังหวะสนุกสนานที่ลงตัวบวกกับเทคนิคเสียงลมที่เป็นซิกเนเจอร์ของตัวมารายห์ ทำให้เพลงนี้เพอร์เฟคจนหาข้อติแทบไม่ได้ ถึงแม้ว่าในตัวเพลงจะมีช่องว่างให้มารายห์โชว์พรสวรรค์ในเรนจ์เสียงได้ไม่เยอะมาก แต่มองในอีกด้านมันก็เป็นเสน่ห์ของเธอในอีกมิติหนึ่ง เพราะทำให้รู้ว่าเสียงของเธอมีเอกลักษณ์และมีมนต์เสน่ห์บางอย่างที่ไม่ต้องขึ้นร้องแตะคีย์ปลาโลมาก็สามารถทำให้แฟนเพลงเคลิ้ม พร้อมโยกไปตามจังหวะดนตรีในทุกโน้ตและเมโลดี้ นอกจากนี้ก็ต้องความดีความชอบให้กับทีมงานของเธอ ที่ช่วยกันรังสรรค์ทำให้เพลงออกมาดีขนาดนี้ หากใครติดภาพมารายห์ในช่วงอัลบั้ม Mariah Carey หรือ Emotion ที่โชว์เทคนิคหรือร้องคีย์ทะลุดาวอังคาร แล้วได้ลองมาฟังเพลงนี้ รับรองว่าคุณจะหลงรักเธอและชื่นชอบในพรสวรรค์ของเธอมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน


5. Always Be My Baby

คลิป Always Be My Baby โพสต์โดย คุณ Mariah Carey

แนวเพลง Pop และ R&B
ค่ายเพลง Columbia
ผู้แต่งเพลง Mariah Carey, Jermaine Dupri และ Manuel Seal
โปรดิวเซอร์ Mariah Carey, Jermaine Dupri และ Manuel Seal
เพลงในปี 1996

เพลงโรแมนซ์สุดละมุนที่เพียงแค่ขึ้นอินโทรก็รู้ว่าเพราะแน่นอนคือ ‘Always Be My Baby’ โดยเพลงนี้แน่นอนว่าแนวเพลงคงจะหนีไม่พ้น R&B เพราะเป็นดนตรีและการร้องที่มารายห์ถนัดมากที่สุด นอกจากนี้การแซมดนตรีป็อปเข้าไปก็ช่วยทำให้เพลงฟังง่ายและสามารถติดหูคนฟังมากขึ้น โดยนักวิจารณ์จากสื่อสำนักใหญ่ได้แสดงความคิดเห็นไปในทางบวกทั้งหมด บางก็บอกว่าเพลงนี้สามารถดึงอัลบั้ม Daydream ให้เพิ่มระดับคุณภาพไปอีกขั้น หรือบางสื่อก็บอกว่าเพลงนี้คือเพลง Top5 ที่ดีที่สุดในอาชีพนักร้องของเธอ อีกทั้งการที่เพลงนี้ได้เข้าชิง Grammy ในสาขา Best Female R&B Vocal Performance ก็เป็นการตอกย้ำว่าเพลงนี้คือเพลงคุณภาพอีกเพลงหนึ่งของมารายห์ หากใครอยากฟังเพลงช้าเพิ่มความรีแลกซ์ในวันหยุด เพลงนี้สามารถเพิ่มมู้ดให้กับคุณได้ดีมากครับ


6. Hero

คลิป Hero โพสต์โดย คุณ Mariah Carey

แนวเพลง Pop และ R&B
ค่ายเพลง Columbia
ผู้แต่งเพลง Mariah Carey และ Walter Afanasieff
โปรดิวเซอร์ Mariah Carey และ Walter Afanasieff
เพลงในปี 1993

เพลงที่ประสบความสำเร็จไปทั่วโลกและมีเนื้อหาที่ทัชใจคนฟังมากที่สุด คงจะต้องยกให้กับเพลง ‘Hero’ เพราะด้วยความหมายที่ให้กำลังใจผู้คนและอดทนไว้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี อีกทั้งดนตรีที่ช่วยทำให้สร้างอารมณ์ก็ยิ่งทำให้เพลงสามารถเข้าไปในใจและสร้างแรงบันดาลใจได้เป็นอย่างดี โดยความหมายที่ดีภายในตัวเพลงทำให้ Hero สามารถขึ้นอันดับ 1 ในประเทศอเมริกา นอกจากนี้ยังขึ้นชาร์ตในประเทศยุโรปอีกหลายประเทศด้วย หากใครที่ต้องการกำลังใจและกำลังสิ้นหวัง เพลงนี้อาจเป็นเพลงหนึ่งซึ่งช่วยทำให้คุณมีแรงฮึดขึ้นมาสู้กับอุปสรรคในชีวิตอีกครั้ง


7. Without You

คลิป Without You โพสต์โดย คุณ Mariah Carey

แนวเพลง Pop
ค่ายเพลง Columbia
ผู้แต่งเพลง Pete Ham และ Tom Evans
โปรดิวเซอร์ Mariah Carey และ Walter Afanasieff
เพลงในปี 1994

Without You คือเพลงในระดับตำนานที่มีศิลปินกว่า 180 ชีวิตโคฟเวอร์มาแล้วนักต่อนัก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ มารายห์ แครี ทั้งนี้เบื้องหลังก่อนการอัดเพลงนี้คือมารายห์ได้ไปนั่งในร้านอาหารแห่งหนึ่ง จากนั้นเพลงนี้ก็ดังขึ้นมาในระหว่างรับประทานอาหารและสิ่งที่เธอคิดอยู่ในหัวคือเพลงนี้จะกลายเป็นเพลงดังระดับชาติ เธอจึงได้นำเพลงนี้มาโคฟเวอร์และบรรจุลงในอัลบั้มเกรดพรีเมี่ยมอย่าง Music Box ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่มารายห์คิดนั้นเกิดขึ้นจริง เพราะเธอสามารถพาเพลงนี้ขึ้นชาร์ตอันดับ 2 ได้ถึง 6 สัปดาห์และเพลงนี้ก็ได้กลายเป็นเพลงที่นักร้องส่วนใหญ่ในไปแข่งขันมากที่สุดเพลงหนึ่ง เพราะความจับใจของเนื้อร้องและเทคนิคที่มารายห์ใช้ในการร้องนั้นถือว่าปราณีตละเอียดทุกระเบียบนิ้ว


8. My All

คลิป My All โพสต์โดย คุณ Mariah Carey

แนวเพลง Latin pop และ R&B
ค่ายเพลง Columbia
ผู้แต่งเพลง Mariah Carey และ Walter Afanasieff
โปรดิวเซอร์ Mariah Carey และ Walter Afanasieff
เพลงในปี 1998

หากใครอยากฟังเทคนิคอันแพรวพราวหรือเพลงที่ร้องยากที่สุดของมารายห์ ในขณะเดียวกันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่ถ่ายทอดผ่านเนื้อเพลง ‘My All’ คือคุณสมบัติของเพลงที่กล่าวมา โดยเบื้องหลังของเพลงนี้เกิดขึ้นเมื่อตัวเธอได้ไปเปอร์โตริโกและมารายห์เองก็ได้ฟังเพลงแนวละติน จนเธอได้แรงบันดาลใจ เมื่อเธอกลับมาเมโลดี้ที่เธอคิดไว้ในหัวนั้นโลดแล่นอยู่ตลอด อีกทั้งชีวิตของเธอในช่วงนั้นก็ทำให้เธอต้องหยิบปากกามาเขียนเพลง จนเมื่อเธอได้มาร่วมงานของ Walter เพลงนี้ก็ได้ปรับปรุงและพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดมันออกมาสมบูรณ์แบบ ทั้งเนื้อหาและดนตรี ซึ่งแน่นอนว่าจิตวิญญาณและอารมณ์ที่เธอใส่ไปในเพลงนั้นส่งผ่านไปถึงคนฟัง จนทำให้เพลงนี้ประสบความสำเร็จ จนสามารถขึ้นไปอยู่ในอันดับ 1 ของชาร์ตได้ในที่สุด


9. Dream Lover

คลิป Dream Lover โพสต์โดย คุณ Mariah Carey

แนวเพลง Pop และ R&B
ค่ายเพลง Columbia
ผู้แต่งเพลง Mariah Carey และ Dave Hall
โปรดิวเซอร์ Mariah Carey, Walter Afanasieff และ Dave Hall
เพลงในปี 1993

Dream Lover เป็นเพลงในอัลบั้ม Music Box ที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ เพราะเพลงนี้สามารถไต่ขึ้นไปบนอันดับ 1 ของชาร์ต Billboard Hot 100 ได้นานถึง 8 สัปดาห์ โดยเพลงนี้ได้นำเอาแซมเปิ้ลของเพลง Blind Alley จากศิลปินกลุ่มในตำนานอย่าง The Emotions ในท่อนฮุค ซึ่งต้องบอกว่าเป็นไอเดียที่ดีมากเลยทีเดียว เพราะการนำเอาดนตรีในยุค 60s / 70s มาเบลนเข้ากับดนตรีและการร้องของมารายห์ในยุค 90s นั้นทำได้สมบูรณ์แบบและไม่ขัดหูแต่อย่างใด ทั้งยังเพิ่มความคลาสสิกในตัวเพลงได้เป็นอย่างดี โดยเพลงจะเหมาะกับการเปิดในวันสบาย ๆ ยิ่งถ้าหากได้จิบชากาแฟพร้อมไปกับบรรยากาศรอบบ้านในช่วงเช้าพร้อมไปกับการฟังเพลงนี้ รับรองว่าคุณจะสดใสและสดชื่นได้ตลอดทั้งวัน


10. When You Believe ft. Mariah Carey

คลิป When You Believe ft. Mariah Carey โพสต์โดย คุณ Whitney Houston

แนวเพลง Gospel, soul และ R&B
ค่ายเพลง Dream Works, Arista และ Columbia
ผู้แต่งเพลง Stephen Schwartz
โปรดิวเซอร์ Kenneth Edmonds
เพลงในปี 1998

ถึงแม้ว่าเพลงนี้จะไม่ใช่เพลงอันดับ 1 ในลิสต์ของมารายห์ แต่ต้องบอกว่าปรากฎการณ์ของนักร้องระดับดีว่าเบอร์ต้น ๆ ของวงการมาร่วมงานกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเหมือนการปอกกล้วยเข้าปาก แล้วยิ่งโดยเฉาพะในระดับ Whitney กับ Mariah แล้วก็แทบจะไม่มีใครคาดคิดว่าทั้งคู่จะมาร่วมงานกันได้ แต่แล้วความฝันของใครหลายคนก็เป็นจริง เมื่อทั้งคู่ได้มีโอกาสร้องร่วมกันในผลงานเพลง When You Believe ประกอบอนิเมชันเรื่อง The Prince of Egypt โดยความพิเศษของเพลงนี้แน่นอนว่าคงนี้ไม่พ้นเทคนิคในการร้องของทั้งคู่ ที่ทำเอาไว้ดีจนแทบจะไม่มีใครสามารถโคฟเวอร์ได้ดีเท่า ทั้งอารมณ์และการร้องอันทรงพลัง อีกท้ังนักร้องในยุคนี้หลายคนก็ได้แรงบันดาลใจในการศิลปินมาจากเพลงนี้อีกด้วย ดังนั้นเพลงนี้จึงกลายเป็นตำนานที่ไม่อาจเลือนหายและอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน

Lolipop

Lolipop

Create article about music and news with heart

Next Post