หลังจากที่เรานำเสนอประวัติและผลงานของศิลปินยุคใหม่อย่าง Beyoncé, Taylor Swift, Justin Bieber และ Ariana Grande กันไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงนักร้องดีว่าระดับตำนานอย่าง ‘Mariah Carey (มารายห์ แครี)’ กันบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเราพูดถึงมารายห์ เด็กวัยรุ่นยุคนี้อาจรู้จักและจดจำเธอได้จากเพลง ‘All I Want For Christmas is You’ เพราะเพลงนี้คือเพลงที่หวนกลับมาดังในทุกปลายปี ไม่ว่าใครอายุเท่าไหร่จะต้องผ่านการฟังเพลงนี้มาไม่มากก็น้อย แต่ถ้าย้อนกลับไปสำหรับผู้ใหญ่หรือวัยรุ่นในช่วงต้นยุค 90 หรือในช่วงที่มารายห์อยู่ในกราฟศิลปินซึ่งพุ่งทะยานทั้งทางด้านเสียงร้องและเพลงฮิตที่ปล่อยออกมายังไงก็เข้าชาร์ต หลายคนก็อาจจดจำเธอได้จากเพลง Vision of Love, Emotion หรือ Hero เพราะด้วยเทคนิคการร้องของมารายห์ที่มีจุดขายอย่างเสียงหวีด (Whistle Note) หรือคีย์การร้องที่กว้างมากถึงในระดับ 5 octave
ทั้งนี้หลายคนที่ติดตามมารายห์มาอาจจะมองว่าเส้นทางของเธอนั้นคงสวยงามมาตั้งแต่เด็ก แต่แท้จริงแล้วถ้าหากคุณได้ทราบประวัติของเธอในอดีต คุณอาจจะต้องตกใจกับสิ่งที่มารายห์พบเจอมาในช่วงวัยเด็ก และกว่าที่เธอจะเป็นมารายห์ แครีได้ในแบบทุกวันนี้ กราฟชีวิตของเธอเคยดิ่งจนยากจะจินตนาการ ทั้งเรื่องครอบครัวและการเช่าห้องเล็ก ๆ ในนิวยอร์กร่วมกับเพื่อนอีก 9 คน รวมไปถึงการทำงานเป็นนักร้องแบคอัพให้กับศิลปินคนอื่นมาก่อน เพื่อที่จะรอเซ็นสัญญากับค่ายเพลง ซึ่งรายละเอียดตรงนี้อาจมีคนจำนวนมากที่ไม่เคยรู้ ดังนั้นวันนี้ผมจึงได้เขียนบทความ ‘เปิดประวัติ และผลงานเพลง ของ Mariah Carey (มารายห์ แครี)’ มาฝากไว้ให้ทุกคนได้อ่านและรู้จักในตัวตนของเธอมากขึ้นครับ
ประวัติของ Mariah Carey (มารายห์ แครี)
มารายห์ แครี เกิดในเมืองฮันทิงตันในรัฐนิวยอร์ก โดยคุณแม่ของเธอชื่อว่า ‘Patricia’ ซึ่งเป็นนักร้องโอเปล่าและโค้ชสอนร้องเพลง (ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่ามารายห์ได้พรสวรรค์ในการร้องเพลงมาจากใคร) ในขณะที่ของคุณพ่อของเธอชื่อว่า ‘Alfred Roy Carey’ มีอาชีพเป็นวิศวกรรมการบินและอวกาศ ทั้งนี้ชีวิตของคุณพ่อและคุณแม่ของมารายห์นั้นไม่ได้ราบรื่นเท่าไหร่นัก เพราะคุณแม่นั้นเป็นคนผิวขาว ในขณะที่คุณพ่อของเธอเป็นผิวสี ซึ่งแน่นอนว่าในอดีตความเท่าเทียมกันในเรื่องนี้ยังคงเป็นอะไรที่หลายครอบครัวไม่สามารถยอมรับและเข้าใจได้ แต่มันก็ไม่เลวร้ายทำกับการที่เพื่อนบ้านวางยาสัตว์เลี้ยงในบ้านของครอบครัวและเผารถยนต์ของครอบครัวเธอ ความตึงเครียดเหล่านี้ทำให้ในที่สุดเส้นทางความรักของทั้งคู่ก็จบด้วยการหย่าร้าง
โดยทางมารายห์และพี่สาวได้แยกไปอยู่กับคุณแม่ ส่วนพี่ชายของเธอไปอยู่กับทางฝั่งคุณพ่อ ซึ่งในช่วงที่เธออายุ 3 ขวบ เธอจำเป็นจะต้องอยู่บ้านคนเดียว เนื่องจากคนแม่ต้องออกไปทำงานเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว และด้วยความเข้มข้นของเลือดศิลปินที่สูงมากในตัวเธอ ทำให้เธอใช้เวลาว่างไปกับการร้องเพลง อีกทั้งในช่วงที่เธอเรียนชั้นประถมศึกษา มารายห์ก็เรียกได้ว่าโดดเด่นในคลาสศิลปะและดนตรีมาก ทั้งนี้ด้วยความสามารถที่เปี่ยมล้น ทำให้คุณแม่ของเธอเห็นความสามารถในตัวมารายห์ เธอจึงเริ่มต้นสอนวิธีการร้องเพลงให้กับลูก เพื่อพัฒนาให้การร้องของมารายห์พัฒนามากขึ้นกว่าเดิม เมื่อโตขึ้นมารายห์ก็พยายามที่จะเดินตามความฝันของตัวเอง ด้วยการทำเพลงเดโม่ส่งไปตามค่ายต่าง ๆ และใช้เวลาในช่วงว่างด้วยการไปเป็นคอรัสให้กับศิลปินที่ชื่อว่า ‘Brenda K. Starr’ เพื่อจ่ายค่าเช่าบ้านในระหว่างการรอเซ็นสัญญากับค่ายยักษ์ จนในที่สุดหลังจากนั้นไม่นานความฝันของเธอกก็กลายเป็นจริงเมื่อ Columbia Records ได้ฟังเดโมและเซ็นสัญญาให้เธอได้เป็นศิลปินในค่าย ไม่นานนักเธอก็กลายเป็นศิลปินที่คนทั่วโลกรู้จักกันในฐานะนักร้องดีว่าเสียงทรงพลัง
ผลงานเพลงที่น่าสนใจของ Mariah Carey (มารายห์ แครี)
1. We Belong Together
คลิป We Belong Together โพสต์โดย คุณ Mariah Carey
แนวเพลง | R&B |
ค่ายเพลง | Island Def Jam |
ผู้แต่งเพลง | Mariah Carey, Jermaine Dupri, Manuel Seal, Johntá Austin, Kenneth Edmonds, Darnell Bristol, Bobby Womack, Patrick Moten และ Sandra Sully |
โปรดิวเซอร์ | Mariah Carey, Jermaine Dupri และ Manuel Seal |
เพลงในปี | 2005 |
การกลับมาสุดยิ่งใหญ่และการเปลี่ยนแปลงดนตรีให้เข้ายุคสมัย พร้อมกับการผนึกรวมความสามารถในน้ำเสียงและเทคนิคของมารายห์ ทำให้เพลง ‘We Belong Together’ คือหนึ่งในเพลงที่ควรตั้งไว้บนหิ้งของตำนานที่ไม่อาจลืมเลือนได้ตลอดกาล โดยแนวเพลง R&B นั้นถือเป็นอีกหนึ่งสาขาที่มารายห์ถนัดและสามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างละเมียดละไมในทุกรายละเอียด ทั้งนี้ด้วยความเข้มข้นของเลือดศิลปินในตัวที่ค่อนข้างสูง หากมองลึกเข้าไปในเพลงจะทำให้เราต้องทึ่งกว่าเดิม เพราะทั้งเนื้อร้องและการโปรดิวซ์เพลงนั้นล้วนแล้วแต่มีรายชื่อของมารายห์อยู่ในลิสต์ ซึ่งต้องบอกว่าไม่ใช่ศิลปินทุกคนที่จะมีความสามารถในด้านนี้เสมอไป อีกทั้งเสียงคอรัสและแบคกราวน์ทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่เป็นการดีไซน์ของเธอทั้งสิ้น หากใครอยากฟังผลงานคุณภาพและละเอียดในทุกมิติทั้งเนื้อเพลงและดนตรี เพลงนี้คือหนึ่งเพลงที่คุณควรจะฟังไว้เป็นบารมีประดับหู
2. Vision of Love
คลิป Vision of Love โพสต์โดย คุณ Mariah Carey
แนวเพลง | Pop และ R&B |
ค่ายเพลง | Columbia |
ผู้แต่งเพลง | Mariah Carey และ Ben Margulies |
โปรดิวเซอร์ | Rhett Lawrence และ Narada Michael Walden |
เพลงในปี | 1990 |
Vision of Love คืออีกหนึ่งเพลงระดับตำนานที่คนในยุค 90 ร้องกันได้จนติดปาก ความพิเศษของเพลงนี้เพลงแรกที่เปิดประตูและปูพรหมแดงให้มารายห์เดินเข้าสู่วงการแผ่นเสียงอย่างสง่างาม เพราะเพลงสามารถขึ้นได้อันดับ 1 ได้ในชาร์ต Billboard Hot 100 อีกทั้งตัวเพลงยังได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง Grammy Awards ครั้งที่ 33 ได้ถึง 3 สาขา ไม่ว่าจะเป็น Record of the Year, Song of the Year รวมไปถึง Best Pop Vocal Performance ซึ่งเธอหยิบมาได้ 1 รางวัลอย่างสมเกียรติ ทั้งนี้เนื้อหาของเพลงนั้นคือความอัดอั้นตันใจในชีวิตของเธอ ถึงแม้ในช่วงนั้นเธอยังคงเป็นวัยรุ่น แต่ต้องบอกว่าเส้นทางชีวิตของเธอยากลำบากมากทั้งชีวิตครอบครัวที่พ่อแม่หย่าร้าง รวมไปถึงอุปสรรคต่าง ๆ ที่เธอต้องฝ่าฟัน ดังนั้นเธอจึงร้องอ้อนวอนต่อพระเจ้าให้ปราณีและเมตตาต่อเธอ ซึ่งแน่นอนว่าพระเจ้ามองเห็นในความตั้งใจ จนทำให้เธอประสบความสำเร็จและยืนเป็นตัวแม่ของวงการจนถึงวันนี้
3. All I Want For Christmas is You
คลิป All I Want For Christmas is You โพสต์โดย คุณ Mariah Carey
แนวเพลง | Christmas, dance-pop และ R&B |
ค่ายเพลง | Columbia |
ผู้แต่งเพลง | Mariah Carey และ Walter Afanasieff |
โปรดิวเซอร์ | Carey และ Afanasieff |
เพลงในปี | 1994 |
หากถามว่าเพลงคริสต์มาส ของศิลปินคนไหนที่เป็นโลโก้และเป็นตำนานชนิดที่ต้องหวนกลับมาเปิดในทุกปี แน่นอนว่าทางฟากเกาะประเทศผู้ดีอย่างอังกฤษคงจะต้องเป็น Michael Bublé แต่ถ้าเป็นในสหรัฐอเมริกาคงจะหนีไม่พ้นคุณนายมารายห์ แครี เพราะทุกเทศกาลคริสต์มาสจะต้องมีเพลง All I Want For Christmas is You เปิดในทุกสถานีวิทยุ ทุกห้างสรรพสินค้า หรือแม้กระทั่งโรงเรียนในประเทศไทย เพราะเนื้อหาของเพลงและจังหวะดนตรีที่เป็นการผสมผสานระหว่าง Dane-pop, R&B และ Christmas ทำให้เพลงออกมามีความสนุกสนาน เหมาะแก่การเปิดฉลองกับเพื่อน ๆ และครอบครัว หากใครไม่มีเพลงนี้อยู่ในลิสต์คริสต์มาสถือว่าคุณยังไม่ได้ร่วมฉลองเทศกาลนี้อย่างแท้จริงเลยก็ว่าได้ครับ
4. Touch My Body
คลิป Touch My Body โพสต์โดย คุณ Mariah Carey
แนวเพลง | Pop และ R&B |
ค่ายเพลง | Island |
ผู้แต่งเพลง | Mariah Carey, Crystal Johnson, Terius Nash และ Christopher Stewart |
โปรดิวเซอร์ | Mariah Carey และ Stewart |
เพลงในปี | 2008 |
Touch My Body เพลงเซ็กซี่จังหวะสนุกสนานที่ลงตัวบวกกับเทคนิคเสียงลมที่เป็นซิกเนเจอร์ของตัวมารายห์ ทำให้เพลงนี้เพอร์เฟคจนหาข้อติแทบไม่ได้ ถึงแม้ว่าในตัวเพลงจะมีช่องว่างให้มารายห์โชว์พรสวรรค์ในเรนจ์เสียงได้ไม่เยอะมาก แต่มองในอีกด้านมันก็เป็นเสน่ห์ของเธอในอีกมิติหนึ่ง เพราะทำให้รู้ว่าเสียงของเธอมีเอกลักษณ์และมีมนต์เสน่ห์บางอย่างที่ไม่ต้องขึ้นร้องแตะคีย์ปลาโลมาก็สามารถทำให้แฟนเพลงเคลิ้ม พร้อมโยกไปตามจังหวะดนตรีในทุกโน้ตและเมโลดี้ นอกจากนี้ก็ต้องความดีความชอบให้กับทีมงานของเธอ ที่ช่วยกันรังสรรค์ทำให้เพลงออกมาดีขนาดนี้ หากใครติดภาพมารายห์ในช่วงอัลบั้ม Mariah Carey หรือ Emotion ที่โชว์เทคนิคหรือร้องคีย์ทะลุดาวอังคาร แล้วได้ลองมาฟังเพลงนี้ รับรองว่าคุณจะหลงรักเธอและชื่นชอบในพรสวรรค์ของเธอมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
5. Always Be My Baby
คลิป Always Be My Baby โพสต์โดย คุณ Mariah Carey
แนวเพลง | Pop และ R&B |
ค่ายเพลง | Columbia |
ผู้แต่งเพลง | Mariah Carey, Jermaine Dupri และ Manuel Seal |
โปรดิวเซอร์ | Mariah Carey, Jermaine Dupri และ Manuel Seal |
เพลงในปี | 1996 |
เพลงโรแมนซ์สุดละมุนที่เพียงแค่ขึ้นอินโทรก็รู้ว่าเพราะแน่นอนคือ ‘Always Be My Baby’ โดยเพลงนี้แน่นอนว่าแนวเพลงคงจะหนีไม่พ้น R&B เพราะเป็นดนตรีและการร้องที่มารายห์ถนัดมากที่สุด นอกจากนี้การแซมดนตรีป็อปเข้าไปก็ช่วยทำให้เพลงฟังง่ายและสามารถติดหูคนฟังมากขึ้น โดยนักวิจารณ์จากสื่อสำนักใหญ่ได้แสดงความคิดเห็นไปในทางบวกทั้งหมด บางก็บอกว่าเพลงนี้สามารถดึงอัลบั้ม Daydream ให้เพิ่มระดับคุณภาพไปอีกขั้น หรือบางสื่อก็บอกว่าเพลงนี้คือเพลง Top5 ที่ดีที่สุดในอาชีพนักร้องของเธอ อีกทั้งการที่เพลงนี้ได้เข้าชิง Grammy ในสาขา Best Female R&B Vocal Performance ก็เป็นการตอกย้ำว่าเพลงนี้คือเพลงคุณภาพอีกเพลงหนึ่งของมารายห์ หากใครอยากฟังเพลงช้าเพิ่มความรีแลกซ์ในวันหยุด เพลงนี้สามารถเพิ่มมู้ดให้กับคุณได้ดีมากครับ
6. Hero
คลิป Hero โพสต์โดย คุณ Mariah Carey
แนวเพลง | Pop และ R&B |
ค่ายเพลง | Columbia |
ผู้แต่งเพลง | Mariah Carey และ Walter Afanasieff |
โปรดิวเซอร์ | Mariah Carey และ Walter Afanasieff |
เพลงในปี | 1993 |
เพลงที่ประสบความสำเร็จไปทั่วโลกและมีเนื้อหาที่ทัชใจคนฟังมากที่สุด คงจะต้องยกให้กับเพลง ‘Hero’ เพราะด้วยความหมายที่ให้กำลังใจผู้คนและอดทนไว้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี อีกทั้งดนตรีที่ช่วยทำให้สร้างอารมณ์ก็ยิ่งทำให้เพลงสามารถเข้าไปในใจและสร้างแรงบันดาลใจได้เป็นอย่างดี โดยความหมายที่ดีภายในตัวเพลงทำให้ Hero สามารถขึ้นอันดับ 1 ในประเทศอเมริกา นอกจากนี้ยังขึ้นชาร์ตในประเทศยุโรปอีกหลายประเทศด้วย หากใครที่ต้องการกำลังใจและกำลังสิ้นหวัง เพลงนี้อาจเป็นเพลงหนึ่งซึ่งช่วยทำให้คุณมีแรงฮึดขึ้นมาสู้กับอุปสรรคในชีวิตอีกครั้ง
7. Without You
คลิป Without You โพสต์โดย คุณ Mariah Carey
แนวเพลง | Pop |
ค่ายเพลง | Columbia |
ผู้แต่งเพลง | Pete Ham และ Tom Evans |
โปรดิวเซอร์ | Mariah Carey และ Walter Afanasieff |
เพลงในปี | 1994 |
Without You คือเพลงในระดับตำนานที่มีศิลปินกว่า 180 ชีวิตโคฟเวอร์มาแล้วนักต่อนัก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ มารายห์ แครี ทั้งนี้เบื้องหลังก่อนการอัดเพลงนี้คือมารายห์ได้ไปนั่งในร้านอาหารแห่งหนึ่ง จากนั้นเพลงนี้ก็ดังขึ้นมาในระหว่างรับประทานอาหารและสิ่งที่เธอคิดอยู่ในหัวคือเพลงนี้จะกลายเป็นเพลงดังระดับชาติ เธอจึงได้นำเพลงนี้มาโคฟเวอร์และบรรจุลงในอัลบั้มเกรดพรีเมี่ยมอย่าง Music Box ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่มารายห์คิดนั้นเกิดขึ้นจริง เพราะเธอสามารถพาเพลงนี้ขึ้นชาร์ตอันดับ 2 ได้ถึง 6 สัปดาห์และเพลงนี้ก็ได้กลายเป็นเพลงที่นักร้องส่วนใหญ่ในไปแข่งขันมากที่สุดเพลงหนึ่ง เพราะความจับใจของเนื้อร้องและเทคนิคที่มารายห์ใช้ในการร้องนั้นถือว่าปราณีตละเอียดทุกระเบียบนิ้ว
8. My All
คลิป My All โพสต์โดย คุณ Mariah Carey
แนวเพลง | Latin pop และ R&B |
ค่ายเพลง | Columbia |
ผู้แต่งเพลง | Mariah Carey และ Walter Afanasieff |
โปรดิวเซอร์ | Mariah Carey และ Walter Afanasieff |
เพลงในปี | 1998 |
หากใครอยากฟังเทคนิคอันแพรวพราวหรือเพลงที่ร้องยากที่สุดของมารายห์ ในขณะเดียวกันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่ถ่ายทอดผ่านเนื้อเพลง ‘My All’ คือคุณสมบัติของเพลงที่กล่าวมา โดยเบื้องหลังของเพลงนี้เกิดขึ้นเมื่อตัวเธอได้ไปเปอร์โตริโกและมารายห์เองก็ได้ฟังเพลงแนวละติน จนเธอได้แรงบันดาลใจ เมื่อเธอกลับมาเมโลดี้ที่เธอคิดไว้ในหัวนั้นโลดแล่นอยู่ตลอด อีกทั้งชีวิตของเธอในช่วงนั้นก็ทำให้เธอต้องหยิบปากกามาเขียนเพลง จนเมื่อเธอได้มาร่วมงานของ Walter เพลงนี้ก็ได้ปรับปรุงและพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดมันออกมาสมบูรณ์แบบ ทั้งเนื้อหาและดนตรี ซึ่งแน่นอนว่าจิตวิญญาณและอารมณ์ที่เธอใส่ไปในเพลงนั้นส่งผ่านไปถึงคนฟัง จนทำให้เพลงนี้ประสบความสำเร็จ จนสามารถขึ้นไปอยู่ในอันดับ 1 ของชาร์ตได้ในที่สุด
9. Dream Lover
คลิป Dream Lover โพสต์โดย คุณ Mariah Carey
แนวเพลง | Pop และ R&B |
ค่ายเพลง | Columbia |
ผู้แต่งเพลง | Mariah Carey และ Dave Hall |
โปรดิวเซอร์ | Mariah Carey, Walter Afanasieff และ Dave Hall |
เพลงในปี | 1993 |
Dream Lover เป็นเพลงในอัลบั้ม Music Box ที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ เพราะเพลงนี้สามารถไต่ขึ้นไปบนอันดับ 1 ของชาร์ต Billboard Hot 100 ได้นานถึง 8 สัปดาห์ โดยเพลงนี้ได้นำเอาแซมเปิ้ลของเพลง Blind Alley จากศิลปินกลุ่มในตำนานอย่าง The Emotions ในท่อนฮุค ซึ่งต้องบอกว่าเป็นไอเดียที่ดีมากเลยทีเดียว เพราะการนำเอาดนตรีในยุค 60s / 70s มาเบลนเข้ากับดนตรีและการร้องของมารายห์ในยุค 90s นั้นทำได้สมบูรณ์แบบและไม่ขัดหูแต่อย่างใด ทั้งยังเพิ่มความคลาสสิกในตัวเพลงได้เป็นอย่างดี โดยเพลงจะเหมาะกับการเปิดในวันสบาย ๆ ยิ่งถ้าหากได้จิบชากาแฟพร้อมไปกับบรรยากาศรอบบ้านในช่วงเช้าพร้อมไปกับการฟังเพลงนี้ รับรองว่าคุณจะสดใสและสดชื่นได้ตลอดทั้งวัน
10. When You Believe ft. Mariah Carey
คลิป When You Believe ft. Mariah Carey โพสต์โดย คุณ Whitney Houston
แนวเพลง | Gospel, soul และ R&B |
ค่ายเพลง | Dream Works, Arista และ Columbia |
ผู้แต่งเพลง | Stephen Schwartz |
โปรดิวเซอร์ | Kenneth Edmonds |
เพลงในปี | 1998 |
ถึงแม้ว่าเพลงนี้จะไม่ใช่เพลงอันดับ 1 ในลิสต์ของมารายห์ แต่ต้องบอกว่าปรากฎการณ์ของนักร้องระดับดีว่าเบอร์ต้น ๆ ของวงการมาร่วมงานกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเหมือนการปอกกล้วยเข้าปาก แล้วยิ่งโดยเฉาพะในระดับ Whitney กับ Mariah แล้วก็แทบจะไม่มีใครคาดคิดว่าทั้งคู่จะมาร่วมงานกันได้ แต่แล้วความฝันของใครหลายคนก็เป็นจริง เมื่อทั้งคู่ได้มีโอกาสร้องร่วมกันในผลงานเพลง When You Believe ประกอบอนิเมชันเรื่อง The Prince of Egypt โดยความพิเศษของเพลงนี้แน่นอนว่าคงนี้ไม่พ้นเทคนิคในการร้องของทั้งคู่ ที่ทำเอาไว้ดีจนแทบจะไม่มีใครสามารถโคฟเวอร์ได้ดีเท่า ทั้งอารมณ์และการร้องอันทรงพลัง อีกท้ังนักร้องในยุคนี้หลายคนก็ได้แรงบันดาลใจในการศิลปินมาจากเพลงนี้อีกด้วย ดังนั้นเพลงนี้จึงกลายเป็นตำนานที่ไม่อาจเลือนหายและอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน