หากคุณต้องการจะลดน้ำหนักเพื่อให้มีหุ่นสวยสมดั่งใจแล้วละก็ คุณอาจจะต้องเลือกหาวิธีการลดน้ำหนักให้เหมาะกับคุณ อย่างวิธีที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตอนนี้เลยก็คือการกินอาหารแบบ if 16/8 และการลดน้ำหนักด้วยการกินคีโต แล้วนอกจากนี้ก็ยังมีวิธีอื่น ๆ อีกหลายวิธี อาทิเช่น การลดน้ำหนักด้วยวิธีนับแคลอรี่, การเลือกรับประทานอาหารคลีน ซึ่งถ้าหากว่าใครที่กำลังลังเลหรือไม่แน่ใจว่าวิธีลดน้ำหนักแบบไหนจะเหมาะกับคุณมากที่สุดก็สามารถเข้ามาอ่านทำความเข้าใจถึงรายละเอียด รวมถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธีได้ที่บทความ ‘ลดน้ำหนักวิธีไหนดี คีโต IF นับแคลอรี่…แบบไหนเหมาะกับไลฟ์สไตล์เราที่สุด’ ได้เลยค่ะ

อย่างไรก็ตาม การเลือกวิธีการลดน้ำหนักวิธีใดวิธีหนึ่งนั้นอาจจะช่วยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้ก็จริง แต่สิ่งที่จะช่วยทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดนั่นก็คือการออกกำลังกายในระดับความเข้มข้นที่เหมาะกับวิธีการลดน้ำหนักนั้น ๆ ด้วยนั่นเองค่ะ รวมถึงใครก็ตามที่อาจจะไม่ได้ต้องการลดน้ำหนักแต่แค่ต้องการเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและต้องการจะมีสุขภาพที่ดี การออกกำลังกายก็ถือเป็นหัวใจสำคัญเลยทีเดียวค่ะ

แล้วถ้าเกิดว่าใครไม่มีเวลาไปเข้าฟิตเนส ไม่อยากเสียเงิน ไม่อยากซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายหรืออาจจะรู้สึกเขินอายกับการออกไปวิ่งหรือออกกำลังกายคนเดียว วันนี้เรามีตัวช่วยดี ๆ มาแนะนำซึ่งนั่นก็คือ “แอปออกกำลังกาย” ค่ะ
แอปออกกำลังกายนี้ก็ถือเป็นตัวช่วยที่ให้อิสระแก่ผู้ใช้งาน เพราะคุณสามารถที่จะออกกำลังกายได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ มาในราคาที่ประหยัด มีหลากหลายรูปแบบให้เลือก แล้วก็ยังสามารถติดตามผลการออกกำลังกายได้ทุกสเต็ปอีกด้วยนะคะ
แอปออกกำลังกาย แอปไหนดี?
- แอปเทรนนิ่งฟรี ไม่มีค่าบริการ สามารถเลือกเทรนได้หลายแบบ สอนโดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลก : Nike Training Club
- แอปวิ่งสำหรับมือใหม่และมือโปร ใช้งานง่าย สามารถร่วมและสร้าง Challenge ต่าง ๆ ได้ : Nike Run Club
- แอปติดตามการวิ่งและ กีฬาอื่น ๆ อีกกว่า 30 ประเภท วิเคราะห์ผลแม่นยำ สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันได้ : Strava
- แอปออกกำลังกายแบบ HIIT ใช้เวลาน้อยเพียง 7 นาที ดูง่าย ทำตามได้สะดวก : Seven
- แอปออกกำลังกายแบบ Freeletics เหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายจริงจัง : Freeletics
- แอปโยคะสำหรับลดน้ำหนักและเบิร์นไขมัน เหมาะสำหรับผู้ใช้งานในทุกระดับ : Daily Yoga
- แอปออกกำลังกายสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ รวมถึงยังเหมาะกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์และคุณแม่หลังคลอด : Sweat
1. Nike Training Club
![]() |
|
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Nike Training Club ผ่าน Android และ iOS
สำหรับแอปพลิเคชันออกกำลังกายแอปแรกนี้ก็คือ Nike Training Club ซึ่งก็ถือเป็นหนึ่งในแอปออกกำลังกายที่สายเฮลตี้จะต้องทำการดาวน์โหลดติดเครื่องไว้เลยค่ะ เพราะว่าเจ้าแอปตัวนี้นั้นเป็นแอปที่ให้บริการกันแบบฟรี ๆ ไม่เสียเงิน ฉะนั้นแล้วใครจะอ้างว่าช่วงนี้ไม่มีเงินไม่สามารถเข้ายิมได้ อันนี้คือต้องหาอุบายใหม่แล้วนะคะ อิอิ สำหรับ Nike Training Club ก็จะเป็นแอปที่จะแนะนำวิธีการออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ Start Up ซึ่งจะเป็นการออกกำลังกายเบา ๆ ง่าย ๆ สำหรับมือใหม่, Lean Fit สำหรับคนที่ต้องการให้หุ่นดูลีน เฟิร์ม และกระชับ, การออกกำลังกายแบบ Bodyweight ที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ยกน้ำหนัก ตลอดจน Gym Strong ซึ่งจะเป็นการออกกำลังแบบเวทเทรนนิ่งนั่นเองค่ะ
นอกจากนี้แล้วคุณเองก็ยังสามารถเลือกได้ด้วยว่าต้องการการออกกำลังแบบไหนเป็นหลัก ซึ่งในส่วนนี้ทางแอปเองเค้าก็มีให้เลือกกันถึง 190 แบบ โดยจะครอบคลุมทั้งด้านความแข็งแรง, ด้านความอดทน, โยคะ, ความคล่องตัว หรือถ้าใครต้องการจะเน้นเฉพาะส่วนอย่างหน้าท้อง แขน ไหล่ หรือก้นเองก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลยทีเดียว โดยการออกกำลังกายที่คุณจะเห็นในแอปนี้ทั้งหมดก็ล้วนแล้วนำเสนอโดย Nike Master Trainer ระดับโลกทั้งสิ้น ซึ่งทั้งหมดก็จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ จะมาให้ความรู้พร้อมทั้งสอนท่าการออกกำลังกายที่ถูกต้องเพื่อช่วยลดอาการบาดเจ็บและเพื่อให้ได้ผลตามจุดประสงค์ที่คุณต้องการ
2. Nike Run Club
![]() |
|
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Nike Run Club ผ่าน Android และ iOS
ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มวิ่งได้ไม่นานหรือเป็นนักวิ่งมาราธอนที่ผ่านมาหลายสนาม แอปวิ่งดี ๆ อย่าง Nike Run Club ถือว่าเป็นสิ่งที่คุณจำเป็นที่จะต้องมีเลยค่ะ เพราะว่าเจ้าแอปตัวนี้จะทำหน้าที่เป็นเหมือนกับโค้ชส่วนตัวและเพื่อนคู่หูของคุณในการบันทึกและติดตามความก้าวหน้าของคุณ โดยมีการเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ตำแหน่งที่ตั้ง, ค่า Pace หรือเวลาที่เราใช้ในการวิ่งต่อระยะทาง 1 กม., ระยะทางทั้งหมด, การวิ่งไต่ระดับ, อัตราการเต้นของหัวใจ และยังมีการแบ่งช่วงระยะทางด้วยเช่นกัน
ความไม่ธรรมดาอีกอย่างสำหรับแอป Nike Run Club นั่นก็คือคุณเองยังสามารถติดแฮชแท็กระยะทางที่คุณทำได้กับเป้าหมายหรือว่าจะติดแฮชแท็กกับ challenge เพื่อเป็นการเช็กว่าคุณอยู่ลำดับไหนในแฮชแท็กนั้น ๆ นั่นเอง โดยขณะที่วิ่งนั้นคุณก็ยังสามารถที่จะเล่นเพลงโปรดที่คุณต้องการได้ ควบคุมการวิ่งได้ และยังสามารถล็อกหน้าจอได้ด้วยเช่นกัน สำหรับมือใหม่ก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะว่าคุณนั้นสามารถที่จะเลือกการวิ่งให้เหมาะสมกับตัวคุณเองได้ เหมือนอย่างในช่วงแรกก็อาจจะเลือกกำหนดเป้าหมายตามเวลา ระยะทาง หรือความเร็วเองก่อนได้ค่ะ จากนั้นก็ค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงขั้นที่คุณเก่งขึ้นแล้ว อันนี้ก็สามารถเพิ่มความท้าทายให้มากขึ้นด้วยการเข้าร่วม challenge ต่าง ๆ หรือจะสร้าง challenge เองก็สามารถทำได้เช่นกันค่ะ
3. Strava
![]() |
|
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Strava ผ่าน Android และ iOS
ต่อมาก็คือแอปออกกำลังกายอีกหนึ่งแอปที่ได้ความนิยมเป็นอย่างมากเช่นกันนั่นก็คือ Strava นั่นเองค่ะ และถึงแม้ว่า Nike Run Club และ Strava จะสามารถติดตามการผลการวิ่งได้เหมือนกันก็จริง แต่ส่วนที่ Strava ทำได้ดีกว่าก็คือมันยังสามารถใช้งานเพื่อติดตามการปั่นจักรยาน ปีนเขา โยคะ และกีฬาอื่น ๆ ได้อีกมากมาย โดยรายละเอียดในการติดตามนั้นก็ได้แก่ การคำนวณระยะทาง, เวลา, แคลอรี่, อัตราการเต้นของหัวใจ และองค์ประกอบอื่น ๆ ของการออกกำลังกายของคุณได้อย่างละเอียดและแม่นยำ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับนาฬิกาหรืออุปกรณ์อื่น ๆ แค่เพียงมือถือเครื่องเดียวก็เกินพอแล้วค่ะ แต่สำหรับใครที่มีอุปกรณ์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทวอทช์หรือสมาร์ทแบนด์เองก็สามารถเชื่อมต่อเข้ากับ Strava ได้อย่างง่ายดาย
นอกจากจะใช้งานเพื่อติดตามการออกกำลังกายของคุณแล้วนั้น Strava เองก็ยังเป็นแอปที่เปรียบเสมือนเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เปิดโอกาสให้คนที่รักในการออกกำลังกายอย่างคุณได้สามารถบันทึกผลการทำกิจกรรมและแชร์ไปยังฟีดบน Strava ของคุณ ซึ่งนี่ก็จะทำให้ทั้งเพื่อนและผู้ติดตามของคุณนั้นสามารถแบ่งปันผลการออกกำลังกาย และยังสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ได้ด้วยค่ะ ส่วนในเรื่องของความปลอดภัยก็ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะเพราะว่าคุณสามารถเปิดใช้ Strava Beacon เพื่อช่วยแชร์ตำแหน่งของคุณไปให้กับคนรัก เพื่อน หรือคนในครอบครัวเพื่อให้สามารถติดตามตำแหน่งของคุณได้แบบเรียลไทม์ด้วยเช่นกัน
4. adidas Training
![]() |
|
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน adidas Training ผ่าน Android และ iOS
หลังจากที่ได้รีวิวแอปออกกำลังกายจากทางฝั่งของ Nike กันไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงทางฝั่งของ adidas กันบ้างค่ะกับ adidas Training ซึ่งก็จะเป็นแอปเทรนนิ่งที่มีการสอนออกกำลังกายอย่างละเอียดและสามารถที่จะทำตามได้ง่าย ๆ เลยค่ะ และไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งหันมาเริ่มออกกำลังกายได้ไม่นาน ต้องการลดน้ำหนัก เพิ่มกล้ามเนื้อ และอื่น ๆ ก็เหมาะมาก ๆ เลยทีเดียวเพราะว่าในแอปนี้มีแผนการออกกำลังกายที่หลากหลาย ๆ อีกทั้งยังมีการออกกำลังกายทั้งที่ใช้และไม่ใช่อุปกรณ์ ตลอดจนยังมีการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูงหรือที่เรามักจะเรียกว่า HIIT แบบฟูลบอดี้มาให้เราได้เบิร์นไขมันกันอย่างเต็มเหนี่ยวอีกด้วยค่ะ
วิดีโอออกกำลังกายนั้นจะมาพร้อมดีเทลและการสอนโดยเทรนเนอร์โดยตรง ล็อกท่าเป๊ะ รับรองได้ว่าโดนทุกจุดอย่างแน่นอน แล้วอีกอย่างท่าออกกำลังกายเองก็มีมากกว่า 180 ท่า ตั้งแต่ท่าพื้นฐานเบสิก ๆ ไปจนถึง ท่าขั้นสูง ท่าวิดพื้น, ดึงข้อ, ซิทอัพ, สควอท และอื่นๆ อีกมากมาย คือไม่ว่าคุณจะอยู่เลเวลไหนก็สามารถออกกำลังกายตามได้ง่าย ๆ เลยละค่ะ ส่วนใครที่เป็นสมาชิกพรีเมียมอันนี้ก็จะพิเศษขึ้นมาหน่อย เพราะนอกจากคุณจะเลือกแผนการออกกำลังกายได้ค่อนข้างหลากหลาย ก็ยังทราบถึงข้อมูลด้านสุขภาพและข้อมูลทางโภชนาการต่าง ๆ ได้ รวมถึงยังสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้อย่างครบครันจัดเต็มเลยด้วย
5. Seven
![]() |
|
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Seven ผ่าน Android และ iOS
ไหน ๆ ก็ได้มีการพูดถึง HIIT หรือ High Intensity Interval Training กันไปบ้างแล้ว สำหรับแอปนี้เองก็ถือว่าเลือกมาเพื่อเอาใจสาย HIIT โดยเฉพาะเลยทีเดียว เรียกได้ว่าใครที่ชื่นชอบหรืออยากจะท้าท้ายตัวเองด้วยการเลือกออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูงก็แนะนำให้ดาวน์โหลด Seven ไว้ใช้งานได้เลยค่ะ เพราะว่าแอปแอปนี้ช่วยให้คุณเข้าถึงการออกกำลังแบบ HIIT แบบฟูลบอดี้ขั้นพื้นฐานได้ตั้งแต่เวอร์ชันฟรีไม่เสียเงินเลยทีเดียวค่ะ โดยแผนการออกกำลังกายนั้นจะมีความเฉพาะตัวโดยจะอ้างอิงผลการวิเคราะห์มาจากเป้าหมายและข้อมูลของตัวคุณเอง
แล้วความพิเศษอีกอย่างของรูปแบบการออกกำลังกายของ Seven นั่นก็คือจะใช้เวลาในแต่ละวิดีโอเพียง 7 นาทีเท่านั้น แต่ก็ถือเป็น 7 นาทีที่เรียกเหงื่อและเบิร์นไขมันออกไปไม่ใช่น้อย ๆ เลยทีเดียว ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วถึงแม้ว่าทุก ๆ การออกกำลังกายเองจะสั้นและใช้เวลาไม่นานแต่มันก็ใช้ได้ผลค่ะเพราะว่าเป็นการออกแบบที่อิงมาจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ซึ่งก็มีมากกว่า 200 ท่าออกกำลังกายและอีกหลากหลายแบบฝึกหัดให้คุณได้เสียเหงื่อกันแบบไม่จำเจเลยทีเดียว และที่ชอบมาก ๆ อีกอย่างเลยก็คือตัวแอปตัวนี้จะมีหน้าตาที่ค่อนข้างเฟรนลี่ ดูเข้าถึงง่าย ไม่ได้ดูซีเรียสหรือจริงจังจนเกินไป แถมยังดูง่ายและทำตามได้ไม่ยากอีกด้วยค่ะ
6. Freeletics
![]() |
|
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Freeletics ผ่าน Android และ iOS
มาต่อกันที่อีกหนึ่งแอปที่เรียกได้ว่าโหดไม่เบาเลยละค่ะกับ Freeletics แอปออกกำลังระดับพรีเมียมที่ได้รับความนิยมค่อนข้างสูงจากทางฝั่งยุโรปนั่นเองค่ะ โดยในแอปแอปนี้นอกจากการออกกำลังกายแบบ Bodyweight , Weight รวมไปถึงการวิ่งด้วยเช่นกัน จริง ๆ แล้วนอกจาก Freeletics จะเป็นชื่อของแอปแล้วมันก็ยังเป็นชื่อที่ใช้เรียกการออกกำลังกายที่จะต้องใช้การฝึกโดยการใช้น้ำหนักตัวของคุณเองด้วยเช่นกันค่ะ โดยการออกกำลังกายที่ว่านี้ก็จะเป็นการผสมผสานระหว่าง HIT และ HIIT เข้าด้วยกัน โดยแต่ละแผนการออกกำลังกายก็จะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีและมีรูปแบบการออกกำลังกายที่หลากหลายกว่า 1,000 รูปแบบให้เลือกเลยทีเดียว รับรองเลยค่ะว่าทุก ๆ รูปแบบนั้นเข้มข้นสุด ๆ และโดนทุกดอกเลยจริง ๆ
โดยในช่วงเริ่มต้นทาง Freeletics จะสร้างแผนการออกกำลังกายส่วนบุคคลขึ้นมาจาก AI อัจฉริยะ ซึ่งความเข้มข้นของการออกกำลังกายนั้นจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละผู้ใช้งานค่ะ ซึ่งก็มีตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับนักกีฬามือโปรเลยทีเดียว รูปแบบการออกกำลังกายก็จะค่อนข้างที่จะง่ายและสะดวกค่ะเพราะส่วนใหญ่แล้วจะไม่ใช่อุปกรณ์หรือถ้าหากจะใช้ก็ใช้เพียงแค่เสื้อโยคะหรือบาร์ก็เพียงเท่านั้นค่ะ แล้วนอกจากนี้คุณก็ยังสามารถที่จะติดตามผลลัพธ์ของการออกำลังกายได้ตลอดเวลาอีกด้วย
7. Daily Yoga
![]() |
|
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Daily Yoga ผ่าน Android และ iOS
สำหรับสาว ๆ คนไหนที่ต้องการจะฝึกร่างกายและจิตใจให้สมบูรณ์แข็งแรงด้วยการเล่นโยคะแล้วละก็ เราขอแนะนำให้รู้จักกับ Daily Yoga แอปนี้เลยค่ะ ซึ่งสำหรับใครที่เพิ่งเล่นโยคะได้ไม่นานหรือมีความสนใจอยากที่จะเล่นโยคะ แอปนี้ก็ถือว่ายิ่งเหมาะมาก ๆ เลยทีเดียว เพราะว่าเค้าจะมีการสอนตั้งแต่ขั้นพื้นฐานเริ่มต้นไปจนถึงเลเวลสูงด้วยคลาสโยคะและคลาสเรียนทำสมาธิที่มีให้เลือกกว่า 100 คลาส แล้วก็ยังจะมีการอัปเดตเพิ่มเติมเข้ามาเรื่อย ๆ เพื่อให้คุณได้เลือกฝึกกันแบบไม่จำเจด้วยค่ะ
ซึ่งนอกจากนี้โยคะจะช่วยพัฒนาเรื่องของความแข็งแรง สร้างเสริมความยืดหยุ่นในร่างกาย ช่วยรักษาท่วงท่าต่าง ๆ และช่วยให้ร่างกายฟิตแข็งแรงแล้วนั้น สำหรับใครที่ต้องการจะใช้โยคะในการช่วยเรื่องลดน้ำหนักและเบิร์นไขมันเองก็แนะนำเลยค่ะ เพราะว่าทาง Daily Yoga นั้นเค้าจะมีคอร์สพิเศษที่ออกมาเพื่อช่วยเรื่องการลดน้ำหนักโดยเฉพาะ สามารถทำได้ทุก ๆ ส่วนทั่วร่างกาย แล้วก็ยังมีมาให้เลือกตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงขั้นแอดวานซ์เลยละค่ะ นอกจากนี้คุณเองก็ยังสามารถที่จะพูดคุยเพื่อแชร์หรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนที่เล่นโยคะได้ทั่วโลกอีกด้วย
8. Home Workout – No Equipments
![]() |
|
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Home Workout – No Equipments ผ่าน Android และ iOS
สำหรับ Home Workout – No Equipments นี้ก็จะเป็นแอปที่นำเสนอการออกกำลังกายที่สามารถนำไปทำตามกันได้จริงในชีวิตประจำวันค่ะ โดยรูปแบบของการออกกำลังกายก็จะโฟกัสไปที่กลุ่มกล้ามเนื้อหลัก ๆ อย่างกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว, แขน, ไหล่และหลัง, ขา, ฟูลบอดี้ และอีกหลาย ๆ ส่วน ซึ่งแต่ละคลิปวิดีโอเองก็ดูง่าย สามารถทำได้ไม่ยาก รวมถึงการนำเสนอเองก็ได้นำแอนิเมชันมาใช้ช่วยให้มันดูเข้าใจง่ายมากขึ้น แล้วอีกอย่างคือระยะเวลาในการออกกำลังกายแต่ละคลิปเองก็ใช้เวลาไม่นานมากอีกด้วย
อยากจะบอกว่าแอปตัวนี้นั้นถือว่าออกมาเพื่อตอบโจทย์คนที่ไม่อยากไปออกกำลังกายที่ยิมได้มาก ๆ เลยละค่ะ เพราะว่าคุณสามารถที่จะออกกำลังกายได้ทุกที่และทุกเวลาที่ต้องการ โดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งอุปกรณ์เลยสักชิ้น เพียงแค่ใช้น้ำหนักตัวเองร่วมกับแรงต้านภายนอกก็สามารถออกกำลังกายได้แล้วค่ะทุกคน และอย่างที่บอกไปค่ะว่าแอปนี้เหมาะสำหรับการใช้งานที่บ้านโดยเฉพาะ ดังนั้นพวกรายละเอียดอะไรต่าง ๆ ก็จะค่อนข้างที่จะชัดเจน และที่น่าสนใจมาก ๆ เลยก็คือเค้ายังมีการวอร์มอัพและยืดเหยียดมาให้เราได้ตามเพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อนเริ่มออกกำลังกายและเพื่อเป็นการคูลดาวน์หลังออกกำลังกายเพื่อช่วยลดอาการบาดเจ็บและบรรเทาอาการเมื่อยล้าด้วยนั่นเองค่ะ
9. Sweat
![]() |
|
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Sweat ผ่าน Android และ iOS
แอปออกกำลังกาย Sweat เป็นแอปที่มีทั้งรูปแบบการใช้งานและการออกกำลังกายที่ออกแบบมาเพื่อผู้หญิงเราโดยเฉพาะ ซึ่งหนึ่งในผู้ก่อตั้งนั่นก็คือ Kayla Itsines ซี่งก็เป็นหนึ่งในเทรนเนอร์ผู้หญิงที่ทั้งเก่งและมีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับร่างกายและการออกกำลังของผู้หญิงโดยเฉพาะนั่นเองค่ะ โดย Sweat นั้นจะเป็นแอปที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นเทรนเนอร์ที่จะคอยไกด์แพลนการออกกำลังกายให้กับคุณสาว ๆ นั่นเองค่ะ โปรแกรมการออกกำลังกายเองก็มีให้คุณได้เลือกกันอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น HIIT, โยคะ, โปรแกรมฝึกความแข็งแรง และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งต้องย้ำอีกครั้งว่าทั้งหมดออกแบบมาเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะเลยละค่ะ
ใน Sweat คุณเองก็ยังสามารถที่จะเลือกแพลนการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตัวเองได้ อีกทั้งยังสามารถติดตามผลในการออกกำลังกายได้ เลือกรับการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ได้ และยังสามารถย้อนกลับไปดูประวัติการออกกำลังกายในวันที่ผ่าน ๆ มาได้อีกด้วย แต่สำหรับใครที่เป็นมือใหม่จริง ๆ ก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะเพราะว่าเทรนเนอร์แต่ละคนก็จะมีคำแนะนำเกี่ยวกับแพลนการออกกำลังกายมาให้แล้วค่ะ ทั้งแพลนในการฝึกการออกกำลังกายแบบแรงต้าน, การทำคาร์ดิโอ ตลอดจนการฟื้นฟูร่างกายด้วยเช่นกัน ซึ่งในหน้าแพลนการออกกำลังกายนี้ก็จะค่อนข้างที่จะให้ความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง โดยคุณสามารถที่จะตั้งเวลาหรือเปลี่ยนวันที่ที่ออกกำลังกายได้ด้วยเช่นกันค่ะ
10. Jillian Michaels
![]() |
|
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Jillian Michaels ผ่าน Android และ iOS
และสำหรับแอปออกกำลังกายแอปสุดท้ายก็คือแอปที่มีชื่อว่า Jillian Michaels โดยชื่อนี้นอกจากจะเป็นชื่อแอปเองแล้วก็ยังเป็นชื่อผู้ก่อตั้งรวมถึงโค้ชคนสวยของเราด้วยเช่นกันค่ะ โดยในแอปนี้แอปเดียวก็จะครอบคลุมทั้งการออกกำลังกาย การกินอาหาร และตลอดจนถึงการฝึกฝนทางด้านจิตใจเลยทีเดียว สำหรับในด้านการออกกำลังกายนั้นก็จะเหมาะตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับแอดวานซ์ ซึ่งก็จะมีการออกกำลังให้เลือกมากกว่า 1,000 รูปแบบ ครบครันทั้งการออกกำลังกายแบบ HIIT, โปรแกรมการเดินและการวิ่ง, การสร้างซิกแพ็ก, โปรแกรมการออกกำลังกายเพื่อสร้างก้นที่เด้งกลมสวย, การออกกำลังกายเฉพาะส่วน และอีกมากมาย
ส่วนในมุมของการกินเองในแอปนี้ก็จะช่วยไกด์ให้คุณได้เลือกทานอาหารที่ถูกต้องเหมาะสมและให้ประโยชน์ที่สูงสุด ซึ่งในส่วนของอาหารนี้ก็จะใช้ข้อมูลด้านโภชนาการที่มีพื้นฐานมาจากทางวิทยาศาสตร์เป็น ฉะนั้นแล้วในส่วนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเลยค่ะ และอย่างสุดท้ายก็คือส่วนของการดูแลและฝึกพัฒนาจิตใจนั่นเองค่ะ โดยในแอปนี้ก็จะช่วยให้คุณได้ฝึกนั่งสมาธิ ฝึกการมีสติ และก็ยังช่วยในเรื่องของการนอนหลับให้ลึกมากขึ้น คือเรียกได้ว่าแอปนี้แอปเดียวก็มีครบครันจัดเต็มมาก ๆ ตั้งแต่การออกกำลังกายในตอนเช้าไปจนถึงการนอนหลับในตอนค่ำเลยทีเดียว เห็นแบบนี้แล้วใครที่อยากจะลดน้ำหนักไปพร้อม ๆ กับการมีสุขภาพจิตและสุขภาพการที่ดีก็ต้องรีบดาวน์โหลดกันแล้วนะคะ
เคล็ดลับในการเลือกแอปออกกำลังกาย
1. ระดับของผู้ใช้งาน
ระดับของผู้ใช้งานเองก็ถือว่ามีผลต่อการเลือกใช้งานแอปพลิเคชันด้วยเช่นกันค่ะ ดังนั้นแล้วคุณอาจจะต้องลองถามตัวเองก่อนว่าคุณอยู่ในระดับไหนระหว่าง Beginner, Intermediate หรือ Advanced เพราะอย่างในระดับเริ่มต้นหรือ Beginner พวกท่าต่าง ๆ เองก็ไม่ได้ยากมากแถมความเข้มข้นในการออกกำลังกายก็ไม่ได้สูง ทำให้ผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนสามารถที่จะทำตามได้ง่าย ซึ่งจะแตกต่างไปจากระดับสูงที่จะมีท่าที่ค่อนข้างยากและระดับความเข้มข้นนั้นจะค่อนข้างสูงถึงขั้นสูงมากเลยทีเดียว ซึ่งการทราบถึงระดับการออกกำลังกายของตัวคุณเองก็ถือเป็นข้อดีที่จะช่วยให้คุณตามหาแอปที่เหมาะสมได้และก็เพื่อที่จะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั่นเองค่ะ

2. โปรแกรมการออกกำลังกาย
โปรแกรมการออกกำลังกายจำเป็นที่จะต้องมีความหลากหลายและตอบโจทย์ทุกการออกกำลังกายของคุณได้เป็นอย่างดีค่ะ ยกตัวอย่างเช่นถ้าหากว่าคุณอยากจะมีหน้าท้องที่แบนราบหรืออยากจะมีร่อง 11 อย่างที่สาว ๆ หลาย ๆ คนใฝ่ฝัน นอกจากการออกกำลังทั่วไปแล้วก็อาจจะต้องมีการเน้นแค่เฉพาะส่วนของหน้าท้องด้วยนั่นเอง ดังนั้นแล้วโปรแกรมการออกกำลังกายที่หลากหลายจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรนำมาพิจารณาด้วยค่ะ

นอกจากนี้แล้วโปรแกรมการออกกำลังกายเองก็ควรที่จะง่ายและสามารถทำตามได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่เยอะและถ้าหากไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อะไรเลยก็จะดีมาก ๆ ค่ะ อย่างการออกกำลังกายแบบ body weight ที่ใช้น้ำหนักตัวเป็นแรงต้านนั้นก็เป็นหนึ่งในรูปแบบการออกกำลังกายที่ง่ายดายสุด ๆ เลยละค่ะ
3. ฟีเจอร์
ฟีเจอร์ในแอปออกกำลังเองก็ถือเป็นหัวใจหลักอีกหนึ่งอย่างของแอปเลยทีเดียวค่ะ โดยฟีเจอร์หลัก ๆ ที่ควรจะต้องมีก็คือการวิเคราะห์ข้อมูลที่มาจากข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานเฉพาะบุคคล ไม่ว่าจะเป็นช่วงอายุ, น้ำหนักตัว, ส่วนสูง, เพศ และอื่น ๆ เพราะมันจะทำให้แพลนการออกกำลังกายนั้นเหมาะสมกับผู้ใช้งานมากที่สุดและก็ยังช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้ง่ายมากขึ้นค่ะ ฟีเจอร์การสรุปภาพรวมในการออกกำลังกายซึ่งฟีเจอร์ตัวนี้ก็จะช่วยให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นเองค่ะ

การตั้งเป้าหมายเองก็ถือเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจเพราะการมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะเป็นเหมือนแรงที่ช่วยผลักให้ผู้ใช้งานอย่างเราอยากที่จะไปให้ถึงเส้นชัย นอกจากนี้ก็อาจจะมีฟีเจอร์ที่ช่วยในการสร้างแพลนการกินอาหาร ฟีเจอร์แจ้งเตือนต่าง ๆ และอีกมากมาย ซึ่งฟีเจอร์ที่มากก็ย่อมช่วยให้ผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ นั้นใช้งานได้สะดวกมากขึ้น แต่อย่างไรดีอย่าลืมนะคะว่านอกจากฟีเจอร์ที่มากแล้วแอปนั้นจะต้องใช้งานได้ง่ายและไม่ซับซ้อนด้วยเช่นกัน
4. ราคา
แอปพลิเคชันส่วนใหญ่ผู้ใช้งานจำเป็นที่จะต้องเสียเงินเพื่อเข้าฟีเจอร์ที่ครอบคลุมมากขึ้นค่ะ แต่ก่อนที่จะไปถึงขั้นนั้นหลาย ๆ แอปพลิเคชันเองก็ได้เปิดให้ได้ทดลองใช้งานฟรี ๆ กันด้วย โดยอาจจะให้ทดลองใช้งาน 7 วันหรือ 1 เดือน หรือจะต้องสมัครสมาชิกพรีเมียมในภายหลัง ดังนั้นคุณจึงสามารถทดลองใช้งานจริงได้ก่อนที่จะสมัครเป็นสมาชิกแบบรายเดือนหรือรายปีนั่นเองค่ะ และโปรดจำไว้เสมอว่าการลงทุนในเรื่องของสุขภาพถือเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ราคาเองก็ยังต้องเป็นปัจจัยสำคัญที่จะต้องพิจารณาควบคู่กันไปด้วยนะคะ
เคล็ดลับในการออกกำลังกายที่บ้าน
1. เลือกพื้นที่ในการออกกำลังกายที่เหมาะสม
การออกกำลังกายที่บ้านไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่เยอะค่ะเพราะว่ามันไม่ได้ใช้อุปกรณ์อะไรมากมาย แต่ก็แนะนำให้เลือกจุดที่ไม่ใช่ที่ที่คุณนั่งดูทีวีหรือทานอาหาร และต้องไม่ใช่บริเวณที่คุณมักจะมานั่งพักผ่อนชิล ๆ ด้วยเช่นกันค่ะ เพราะมันอาจจะเป็นที่ที่ทำให้คุณเสียสมาธิได้ โดยเราขอแนะนำให้เลือกจุดที่ห่างออกไปจากพื้นที่เหล่านี้ก็จะดีที่สุดค่ะ

2. ใส่ชุดออกกำลังกายให้เหมือนกับเข้าฟิตเนส
ใส่ชุดออกกำลังกายรวมถึงรองเท้าให้เหมือนกับตอนที่คุณไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสอย่างไรอย่างนั้นเลยค่ะ เพราะว่าการที่ทำเช่นนี้จะช่วยให้เรารู้สึกอยากออกกำลังกายมากขึ้นนั่นเองค่ะ
3. ตั้งเป้าหมายที่สามารถทำได้จริง
สำหรับคนที่เพิ่งจะเริ่มต้นออกกำลังกายด้วยตัวเองที่บ้านได้ไม่นานและเป็นมือใหม่ด้วยแล้ว สิ่งสำคัญเลยคือคุณต้องตั้งเป้าหมายให้เหมาะสม โดยเราไม่แนะนำให้ตั้งเป้าหมายที่มันดูสูงหรือเกินจริงมากเกินไปเพราะนั่นอาจจะทำให้คุณรู้สึกกดดันตัวเอง ท้อแท้ และอาจจะล้มเลิกภารกิจนี้ไปเสียดื้อ ๆ ดังนั้นแล้วขอให้เริ่มต้นอย่างช้า ๆ ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ก่อนจากนั้นก็ค่อย ๆ ฝึกไปทีละนิดและครั้นที่คุณเก่งขึ้นแล้วอันนี้ก็ค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นขึ้นและเริ่มตั้งเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นได้ค่ะ

4. ไม่ต้องกังวลเรื่องอุปกรณ์ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายที่บ้านด้วยตัวเองนั้นมีเพียงแค่เสื่อโยคะ 1 ผืนก็เป็นอันเพียงพอแล้วละค่ะ แล้วรูปแบบการออกกำลังกายส่วนใหญ่เองก็ไม่ได้มีการใช้อุปกรณ์อะไรมากมายอีกด้วยหรือถ้าหากต้องการอุปกรณ์ที่นำมาใช้งานแทนดัมเบลจริง ๆ อันนั้นก็อาจจะเลือกใช้ขวดน้ำดื่มแทนก็ได้ค่ะ เห็นไหมละค่ะว่าเรื่องอุปกรณ์นั้นสามารถที่จะหยิบจับนำของรอบ ๆ ตัวมาใช้งานได้ ฉะนั้นแล้วในเรื่องนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย
5. สร้างตารางการออกกำลังกายที่ชัดเจน
การที่เราได้สร้างตารางการออกกำลังกายเป็นของตัวเอง มีการระบุถึงรูปแบบการออกกำลังกายในแต่ละวันและมีช่วงเวลาที่กำหนดชัดเจน เหล่านี้ก็จะช่วยให้คุณสามารถออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอและเมื่อครั้นที่คุณเริ่มออกกำลังกายจนชินและกลายเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรของคุณไปแล้ว คุณก็จะหยุดไม่ได้เลยทีเดียว