วัคซีนโควิด 19 ในไทย เริ่มฉีดเมื่อไหร่ และใครได้ฉีดก่อน ?

หลังจากที่สถานการณ์โรคระบาด โควิด 19 ได้แพร่เชื้อไปในทั่วทุกมุมโลก และกินระยะเวลาการแพร่เชื้อมานานนับปี ทำให้ผู้คนในแต่ละประเทศเกิดความตึงเครียดและวิตกกังวลในหลายเรื่อง ทั้งในด้านเศรษฐกิจที่แย่ลงจนคนตกงาน และสภาพชีวิตที่เปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีข่าวดีมาให้ชื้นใจขึ้นบ้าง

โดยหลายคนคงทราบข่าวดีกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าประเทศไทยได้มีการสั่งซื้อ วัคซีนโควิด 19 ซึ่งคงมีหลายคนที่เริ่มสนใจและศึกษาข้อมูลกันแล้วว่า วัคซีนที่ประเทศของเราได้ซื้อมานั้นจะได้เริ่มฉีดกันจริง ๆ ในช่วงเดือนไหนและกลุ่มเสี่ยงโควิด 19 กลุ่มไหนจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีนเพื่อป้องกันโรคก่อน วันนี้เราจึงได้มาอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับวัคซีนโควิด 19 มาฝากกันครับ

วัคซีนโควิด 19 ในไทย เริ่มฉีดเมื่อไหร่ ?

หลังจากที่ทางการแพทย์ได้มีการตรวจสอบและมั่นใจถึงคุณภาพวัคซีนแล้วว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ดีและปลอดภัยต่อคนที่ฉีด ทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จึงได้มีการตั้งเป้าหมาย รวมถึงวางแผนแบ่งการฉีดวัคซีนออกเป็น 3 ระยะ และจะเริ่มให้เปิดลงทะเบียนในช่วงปลายเดือนมกราคมไปจนถึงกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้

ระยะที่ 1 (กุมภาพันธ์ – เมษายน 2564) : ฉีดจำนวน 2 ล้านโดส หรือประมาณ 1.32 ล้านคนในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 5 จังหวัด ซึ่งได้แก่ ระยอง, ชลบุรี, สมุทรสาคร, ตราด และจันทบุรี

• ชื่อวัคซีน : CoronaVac บริษัท SinoVac จากประเทศจีน
• การฉีด : ฉีดคนละ 2 โดส ห่างกันโดสละ 1 เดือน

ระยะที่ 2 (พฤษภาคม – มิถุนายน 2564) : ฉีดจำนวน 26 ล้านโดสหรือประมาณ 13 ล้านคนให้กับกลุ่มเสี่ยงทั่วประเทศไทย

• ชื่อวัคซีน : AZD1222 ได้เทคโนโลยีการผลิตมาจากบริษัท AstraZeneca โดยสยามไบโอไซเอนซ์ได้รับการถ่ายทอดมาเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นจะผลิตในประเทศไทย

ระยะที่ 3 (ปลายปี 2564 – 2565) : ฉีดให้ครอบคลุมมากที่สุดทั่วประเทศ โดยมีผู้กระจายยาคือองค์การเภสัชกรรม

• ชื่อวัคซีน : ยังไม่มีการระบุข้อมูลในส่วนนี้ รอการยืนยืนจากทางรัฐบาลอีกครั้ง

ทั้งนี้เป้าหมายในการฉีดให้คนไทยนั้นจะอยู่ที่ 70 ล้านโดส โดยเพื่อให้ได้วัคซีนจำนวนมากตามเป้าหมาย ทางประเทศไทยเลยได้มีการเจรจากับบริษัทหลายรายที่ผลิตวัคซีนโควิด 19 ไม่ว่าจะเป็น COVAX, Moderna, Pfizer และอื่น ๆ อีกมากมาย

วัคซีนโควิด 19 ในไทย ใครได้ฉีดก่อน ?

กลุ่มที่ได้ฉีดวัคซีนในล็อตแรกก็เพื่อที่จะป้องกันระบบสุขภาพ และลดอัตราการป่วย รวมไปถึงลดการเสียชีวิตในประเทศไทย ดังนั้นรายชื่อที่ได้รับการพิจารณาให้เป็นกลุ่มแรกมีดังนี้

1. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั้งรัฐและเอกชนที่อยู่ด่านหน้า
2. ผู้ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งอาจเกิดอาการรุนแรงเมื่อได้รับเชื้อ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง, โรคไตวายเรื้อรัง, โรคเบาหวาน, โรคมะเร็ง, โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือด
3. กลุ่มวัยชรา ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
4. เจ้าหน้าที่ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการควบคุมโควิด 19 อย่างเช่น ทหาร, อสม. และ ตำรวจ ที่ต้องอยู่ในพื้นที่ระบาดหรือคัดกรองผู้ที่มาจากต่างประเทศ

อย่างไรก็ดีในช่วงที่ทุกคนต่างรอวัคซีนกันอยู่ ก็อย่าลืมที่จะป้องกันตัวเองด้วยการใช้ชีวิตแบบ New Normal ซึ่งมีการเว้นระยะห่างทางสังคม อีกทั้งก่อนออกจากบ้านทุกครั้งคุณควรที่จะใส่หน้ากากอนามัยและพกเจลแอลกอฮอล์ติดตัวไปด้วย เพื่อใช้ในการล้างมือทั้งก่อนและหลังหยิบจับทุกอย่างนอกบ้าน