การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะต้องทำกันอย่างเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อให้ร่างกายของเราแข็งแรงและมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน แต่ในบางครั้งก็ต้องยอมรับว่าการออกกำลังกายบนอุปกรณ์อย่าง ลู่วิ่งไฟฟ้า, จักรยานออกกำลังกาย หรือวิ่งตามสวนสาธารณะอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายนาทีหรือหลายชั่วโมงอาจทำให้เรารู้สึกเบื่อและไม่มีแรงจูงใจวิ่ง
แต่ใช่ว่าความเบื่อในการออกกำลังจะไม่สามารถแก้ได้ เพราะถ้าหากคุณสังเกตให้ดีจะเห็นว่าหลายคนที่ออกกำลังกายหรือนักวิ่งมากมายมีการใส่หูฟังบลูทูธสำหรับออกกำลังกาย, หูฟัง True Wireless หรือ Airpod เพื่อใช้สำหรับการฟังเพลงโปรดในระหว่างออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็น Pop, Rock, R&B หรือ Hip-Hop
เนื่องจากการฟังเพลงถือเป็นการกระตุ้นสมองให้มีความรู้สึกตื่นตัว อีกทั้งการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ยังพบอีกว่า การฟังเพลงในระหว่างออกกำลังกายช่วยลดความเหนื่อยล้า, ปรับอารมณ์ของเราให้ดีขึ้น และเพิ่มระยะเวลาในการออกกำลังกายโดยที่เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ตัวซะด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจครับว่าทำไมนักกีฬามืออาชีพหลายคนถึงฟังเพลงในขณะเข้าฟิตเนสหรือวอร์มร่างกายก่อนทำการลงแข่งขัน
5 ข้อดีของการฟังเพลงในระหว่างออกกำลังกาย

1. เพิ่มแรงจูงใจในการออกกำลังกาย (1)
มีการวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าการเปิดเพลงก่อนหรือระหว่างการออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการออกกำลังกาย ทำให้เรารู้สึกเกิดความกระปี้กระเป่า รวมไปถึงยังสามารถช่วยให้เราออกกำลังกายได้นานมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
2. ออกกำลังกายได้หนักขึ้น (2)
การฟังเพลงในระหว่างการออกกำลังกายจะทำให้เราไม่โฟกัสความเหนื่อย แต่จะไปโฟกัสกับเพลงมากกว่า ดังนั้นเมื่อเราเพ่งความสนใจไปที่เพลงมากกว่า เราจะมองข้ามในเรื่องของความเหนื่อยไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ซึ่งมันจะทำให้เราสามารถออกกำลังได้หนักขึ้นและนานขึ้น ทั้งนี้ถึงแม้ว่าผลวิจัยจะยังไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนถึงสาเหตุนี้ แต่หลังจากทดสอบเสร็จแล้วพบว่าการเลือกเพลงที่มี BPM หรือบีทเพลงซึ่งเหมาะกับการออกกำลังกาย จะช่วยให้เรารู้สึกว่าเหนื่อยน้อยลงในระหว่างออกกำลังกาย
3. ปรับอารมณ์ในระหว่างออกกำลังกาย (2)
ความเร็วและความดังของเสียงเพลงจะมีผลต่อการออกกำลังกายครับ ยิ่งถ้าหากใครเคยมีประสบการณ์กับเพลงใดเพลงหนึ่ง ภาพความทรงจำในอดีตเกี่ยวกับเพลงหรือเนื้อเพลงนั้น ๆ จะผุดขึ้นมาในหัว ทำให้เราอินและปรับอารมณ์ไปตามเพลง เปรียบเสมือนกับการบูสอารมณ์ให้กับได้เตรียมพร้อมในการออกกำลังมากยิ่งขึ้น
4. ทำให้คุณรู้สึกใจเย็นขึ้น (3)
เพลงช้าหรือเพลงที่มี BPM ในช่วง 80 ไปจนถึง 115 ช่วยลดความตึงเครียดและทำให้การเต้นของหัวใจช้าลงก่อนที่จะออกกำลังกายหรือแข่งขันกีฬา ซึ่งถ้าหากใครสังเกตให้ดีจะเห็นว่านักกีฬาหลายคน โดยเฉพาะนักกีฬาเทนนิส อย่างเช่น Victoria Azarenka หรือ Serena Williams จะมีการใส่หูฟังเพื่อฟังเพลงก่อนจะลงแข่งขันในหลาย ๆ ทัวร์นาเมนต์
5. ปรับอัตราการก้าวและป้องกันอาการบาดเจ็บ
เพลงจะช่วยปรับให้อัตราการก้าวตรงและลงจังหวะพอดี ซึ่งตรงนี้จะป้องกันอาการบาดเจ็บในระหว่างวิ่งหรือออกกำลังได้ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยรองรับอีกด้วยว่าเพลงที่มีบีทความเร็วต่อนาที (BPM) ในช่วง 130 – 200 ช่วยให้วิ่งได้ตรงตามเป้าหมาย ดังนั้นผมอยากแนะนำให้ทุกคนเลือกเพลงที่มี BPM ช่วง 160 – 180 จะพัฒนาฝีเท้าและอัตราการก้าวให้กับเรา
BPM หรือจังหวะบีทเท่าไหร่เหมาะกับการวิ่งออกกำลังกายมากที่สุด ?

BPM ที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับความฟิต, เป้าหมายในการออกกำลังกาย และความสามารถในการวิ่ง โดยถ้าหากคุณเป็นคนที่เพิ่งเข้าวงการวิ่งใหม่ ๆ หรือต้องการเริ่มต้นด้วยการวิ่งช้า ๆ แบบจ็อกกิ้ง ผมแนะนำให้เริ่มต้นด้วยเพลงที่มีบีทความเร็วในช่วง 120 BPM อย่างเช่น Call Me Maybe ของ Carly Rae Jepsen หรือ Tik Tok ของ Ke$ha
ส่วนความเร็วในระดับ 165 BPM จะเหมาะสำหรับนักมาราธอนมือใหม่หรือคนมีเป้าหมายในการออกกำลังกาย (ต้องอัตราฝีเท้าที่สม้ำเสมอ) โดยตัวอย่างเพลงที่ตอบโจทย์ก็จะมี Love the Way You Lie ของ Rihanna หรือเพลงฮิตของ Avril Lavigne อย่าง Girlfriend
ในขณะที่บีทช่วง 180 BPM สามารถช่วยให้นักกีฬาวิ่งมืออาชีพหรือคนที่ต้องการทำความเร็ว อีกทั้งมันยังเป็นความเร็วมาตรฐาน ซึ่งมีการวิจัยและนักเชี่ยวชาญหลายคนได้แนะนำกันเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้จะมีเพลงอะไรบ้างผมจะแนะนำเพลย์ลิสต์ไว้ในบทความนี้ครับ
การคำนวณ BPM ให้เหมาะสมกับตัวเอง
การคำนวณหรือหาค่า BPM ให้เหมาะสมกับเรามากที่สุด สามารถทำได้ง่าย ๆ ภายในไม่กี่ขั้นตอนครับ
- ตั้งเวลาไว้ 1 นาที
- วิ่งบนลู่วิ่งในอัตราการก้าวหรือความเร็วที่วิ่งอยู่เป็นประจำ
- ให้นับจำนวนที่เท้าขวาเหยียบลงไปบนลู่วิ่งในช่วงเวลา 1 นาที
- นำจำนวนที่ได้ไปคูณ 2 และคุณจะได้ค่า BPM ที่เหมาะสมกับตัวเอง
ยกตัวอย่างเช่น จำนวนเท้าขวาที่เหยียบลงไปบนลู่วิ่ง สามารถนับได้ทั้งหมด 60 ครั้ง ดังนั้นคุณจะต้องนำ 60 x 2 จะได้ค่า 120 BPM ซึ่งเพลงที่มีบีทในช่วงนี้จะเหมาะสมกับคุณครับ
ทริคการหาเพลงด้วยค่า BPM ง่าย ๆ
จริง ๆ แล้วทุกวันนี้ในแอปพลิเคชันมีฟังก์ชันในการหาเพลงมากมายครับ อย่าง SoundHound สามารถจะฮัมเพลงและค้นหาเพลงที่เราฮัมลงไปได้ หรือจะเป็น MusicID ซึ่งสามารถพิมพ์เนื้อเพลงเพื่อค้นหาเพลง รวมไปถึง Shazam ที่เมื่อเรากำลังฟังเพลงอะไรก็ตาม แต่ยังไม่ทราบชื่อเพลง คุณก็สามารถเปิดแอปเพื่อให้มันค้นหาได้แบบอัตโนมัติ
ในขณะเดียวกันฟังก์ชันคนที่กำลังหาเพลงด้วยค่า BPM หรือบีทต่อนาที ก็สามารถค้นหาผ่านทาง Spotify ได้ แต่เพื่อไม่ให้เสียเวลาวันนี้ผมได้รวบรวมและแบ่งแยกหมวดเพลงฮิตเพลงดังเอาไว้เอาทุกคนได้ไปเพิ่มเพลย์ลิสต์เพื่อออกกำลังกายไว้ในบทความนี้แล้วครับ
1. เพลง Pop สำหรับออกกำลังกาย

Pop ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสายเพลงที่น่าสนใจมาก เพราะด้วยความฮิตของเพลงซึ่งมีให้เลือกค่อนข้างเยอะ ทำให้เราอินไปกับตัวเพลงได้ง่าย อีกทั้งดนตรียังมีความสนุกอยู่ในตัว ทั้งนี้ป๊อปสมัยใหม่และป๊อปคลาสสิกยังมีทั้งเพลงช้าเพลงเร็วให้คุณได้เลือกมากมาย
เพลย์ลิสต์เพลง Pop 115 – 125 BPM
- ‘Bad Romance’ โดย Lady Gaga
- ‘Teenage Dream’ โดย Katy Perry
- ‘Don’t Start Now’ โดย Dua Lipa
- ‘Let Me Love You’ โดย DJ Snake
- ‘Me Against the Music’ โดย Britney Spears ft.Madonna
- ‘Give Your Heart a Break’ โดย Demi Lovato
- ‘Sign of the Times’ โดย Harry Style
- ‘Girls Like You’ โดย Maroon 5 feat. Cardi B
- ‘everything i wanted’ โดย Billie Eilish
- ‘Wrecking Ball’ โดย Miley Cyrus
- ‘Formation’ โดย Beyonce
- ‘no tears left to cry’ โดย Ariana Grande
- Señorita โดย Shawn Mendes และ Camila Cabello
- Earned It โดย The Weeknd
เพลย์ลิสต์เพลง Pop 150 – 165 BPM
- ‘good 4 u’ โดย Olivia Rodrigo
- ‘Side to Side’ โดย Ariana Grande feat. Nicki Minaj
- ‘Hello’ โดย Adele
- ‘Shake It Off’ โดย Taylor Swift
- ‘Happy’ โดย Pharrell Williams
- ‘Wide Awake’ โดย Katy Perry
- ‘Impossible’ โดย Kelly Clarkson
- ‘Always Be My Baby’ โดย Mariah Carey
- ‘London Boy’ โดย Taylor Swif
- ‘…Ready For It?’ โดย Taylor Swif
เพลย์ลิสต์เพลง Pop 180 BPM
- ‘deja vu’ โดย Olivia Rodrigo
- ‘Despacito’ โดย Luis Fonsi และ Daddy Yankee
- ‘Underneath your Clothes’ โดย Shakira
- ‘Livin’ La Vida Loca’ โดย Ricky Martin
- ‘Kiss You’ โดย One Direction
- ‘Monster’ โดย Imagine Dragons
- ‘Complicated’ โดย Avril Lavigne
- ‘ME!’ โดย Taylor Swift
- ‘I Love Rock ‘N’ Roll’ โดย Britney Spears
- ‘MONTERO (Call Me By Your Name)’ โดย Lil Nas X
2. เพลง Rock สำหรับออกกำลังกาย

Rock น่าจะเป็นดนตรีที่หลายคนคุ้นหู โดยความสนุกของตัวเพลงคือดนตรีจากกลองและกีตาร์เบส ซึ่งมีความดังรวมไปถึงจังหวะที่รวดเร็ว ซึ่งตรงนี้ละครับจะทำให้เพลิดเพลินไปกับดนตรี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่ง รวมไปถึงความอึดทนที่มากขึ้นกว่าเดิม
เพลย์ลิสต์เพลง Rock 115 – 125 BPM
- ‘Polly’ โดย Nirvana
- ‘The Miracle’ โดย Queen
- ‘I Wanna Be Your Dog’ โดย The Stooges
- ‘Throw Away Your Television’ โดย Red Hot Chili Peppers
- ‘I Hate to See You Baby Doing That’ โดย Lloyd Cole
- ‘Warning’ โดย Green Day
- ‘1952 Vincent Black Lightning’ โดย Richard Thompson
- ‘Dancing on a Highwire’ โดย The Alan Parsons Project
- ‘Wild, Sweet and Cool’ โดย The Crystal Method
- ‘Sweet Like a Champion’ โดย The Bees
เพลย์ลิสต์เพลง Rock 150 – 165 BPM
- ‘We Will Rock You’ โดย Queen
- ‘Bed of Roses’ โดย Bon Jovi
- ‘Deep’ โดย Pearl Jam
- ‘Hello Old Friend’ โดย Eric Clapton
- ‘Looking for a Stranger’ โดย Pat Benatar
- ‘Young Lonely’ โดย Emarosa
- ‘I Wanna Be Sedated’ โดย Ramones
- ‘Driven to Tears’ โดย The Police
- ‘Duchess’ โดย Genesis
- ‘Authority Song’ โดย John Mellencamp
เพลย์ลิสต์เพลง Rock 180 BPM
- ‘If I Could Turn Back Time’ โดย Cher
- ‘Taking Over Me’ โดย Evanescence
- ‘Modern Love’ โดย David Bowie
- ‘Pink’ โดย Aerosmith
- ‘Alone Again Or’ โดย The Damned
- ‘Runnin’ Down a Dream’ โดย Tom Petty
- ‘I Only Want You’ โดย Eagles of Death Metal
- ‘The Boys are Back in Town’ โดย Thin Lizzy
- ‘Neat Neat Neat’ โดย The Damned
- ‘Monkey Wrench’ โดย Foo Fighters
3. เพลง Hip-Hop สำหรับออกกำลังกาย

Hip-hop หรือ Rap เป็นเพลงที่สร้างความตื่นตัวให้กับร่างกายของเราได้ดีเลยละครับ เพราะด้วยบีทที่มีความเร็วและสไตล์การแรปที่เมามันส์ มีจังหวะเร็วช้าสลับกันไป สร้างจังหวะการวิ่งของเราได้เป็นอย่างดี
เพลย์ลิสต์เพลง Hip-Hop 115 – 125 BPM
- ‘Fly’ โดย Nicki Minaj feat. Rihanna
- ‘In My Feelings’ โดย Drake
- ‘Old Town Road’ โดย Lil Nas X
- ‘Black Beatles’ โดย Rae Sremmurd และ Gucci Mane
- ‘Congratulations’ โดย Post Malone และ Quavo
- ‘Gucci Gang’ โดย Lil Pump
- ‘WTF’ โดย Missy Elliott
- ‘One and Only’ โดย Timbaland feat. Fall Out Boy
- ‘Juice’ โดย Lizzo
- ‘Diamonds from Sierra Leone’ โดย Kanye West และ Jay-Z
เพลย์ลิสต์เพลง Hip-Hop 150 – 165 BPM
- ‘Beautiful Pain’ โดย Eminem feat. Sia
- ‘Black Widow’ โดย Iggy Azalea feat. Rita Ora
- ‘Black and Yellow’ โดย Wiz Khalifa
- ‘Backin’ It Up’ โดย Pardison Fontaine ft. Cardi B
- ‘Donald Trump’ โดย Mac Miller
- ‘Blame It On Da Bay’ โดย Lil Wyte
- ‘Champion’ โดย Nicki Minaj feat. Nas, Drake และ Young Jeezy
- ‘Ass Like That’ โดย Eminem
- ‘Air Force Ones’ โดย Nelly
- ‘I’m the Best’ โดย Nicki Minaj
เพลย์ลิสต์เพลง Hip-Hop 180 BPM
- ‘Irreplaceable’ โดย Beyoncé
- ‘Dead Presidents II’ โดย Jay Z
- ‘Lose Yourself’ โดย Eminem
- ‘In da Club’ โดย 50 Cent
- ‘Jesus Walks’ โดย Kanye West
- Swagga Like Us โดย T.I. and Jay-Z feat. Kanye West และ Lil’ Wayne
- ‘Karma’ โดย Alicia Keys
- ‘The World Is Yours’ โดย Nas
- ‘In the Summertime’ โดย Shaggy
- ‘I Ain’t Mad At Cha’ โดย 2pac และ Danny Boy
4. เพลง R&B สำหรับออกกำลังกาย

ถึงแม้ว่า R&B จะเป็นเพลงที่เน้นไปในเรื่องทักษะการร้องของนักร้องและดนตรีสบาย ๆ แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นเพลงอีกสายหนึ่งซึ่งเหมาะมากกับการออกกำลังกาย เพราะเมื่อฟังแล้วเราจะเกิดความผ่อนคลาย ทำให้เราไปโฟกัสกับเพลงมากกว่าความเหนื่อยนั่นเองครับ
เพลย์ลิสต์เพลง R&B 115 – 125 BPM
- ‘Who’s That Boy’ โดย Demi Lovato
- ‘If I Ain’t Got You’ โดย Alicia Keys
- ‘Hero’ โดย Mariah Carey
- ‘Save Your Tears’ โดย The Weeknd
- ‘Rise Up’ โดย Andra Day
- ‘Body Count’ โดย Justin Timberlake
- ‘No Filter’ โดย Chris Brown
- ‘Can U Help Me’ โดย Usher
- ‘Save Me’ โดย Aretha Franklin
- ‘Blow’ โดย Beyonce
เพลย์ลิสต์เพลง R&B 150 – 165 BPM
- ‘You Make Me Wanna…’ โดย Usher
- ‘I Can Transform Ya’ โดย Chris Brown feat. Lil Wayne และ Swizz Beatz
- ‘I Got You (I Feel Good)’ โดย James Brown
- ‘Save the Last Dance for Me’ โดย The Drifters
- ‘Don’t Leave Me’ โดย Blackstreet
- ‘Love Is a Losing Game’ โดย Amy Winehouse
- ‘Who’s Loving You’ โดย Jackson 5
- ‘Thug Style’ โดย Ciara
- ‘Please Stay (Once You Go Away)’ โดย Marvin Gaye
- ‘Man Down’ โดย Rihanna
เพลย์ลิสต์เพลง R&B 180 BPM
- ‘Good Enough’ โดย Bobby Brown
- ‘Wreckless Love’ โดย Alicia Keys
- ‘Superwoman (Where Were You When I Needed You)’ โดย Stevie Wonder
- ‘Melt’ โดย Jamie Isaac
- ‘Adorn’ โดย Miguel
- ‘Love and War’ โดย Tamar Braxton
- ‘I Wish it Would Rain’ โดย The Temptations
- ‘Alles leuchtet’ โดย Joy Denalane
- ‘The Goose’ โดย Parliament
- ‘Hold On (Remix Extended Version)’ โดย Dwele
References :