หากใครเป็นแฟนเพลงสากลที่ติดตามมานานหลายปี ผมเชื่อว่าทุกคนจะสังเกตเห็นได้เลยครับว่าในทุกยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็น ยุค 60, ยุค 70, ยุค 80, ยุค 90 รวมไป ‘เพลงในปี 2021’ ล้วนแล้วแต่มีพัฒนาการทางด้านดนตรีและการร้องที่เปลี่ยนไปตามเทรนด์ แต่อย่างหนึ่งที่ในทุกยุคจะต้องมีเหมือนกันนั่นคือเพลงฮิตระดับตำนาน เพราะศิลปินแต่ละคนก็จะพยายามสร้างสรรค์ผลงานเพลงที่ตัวเองถนัด อย่าง Pop, Rock, Disco, R&B หรือ Hip-hop และถ่ายถอดอารมณ์รวมไปถึงประสบการณ์ของตัวเอง ให้แฟนเพลงได้เข้าไปสัมผัสความเป็นตัวตนของตัวเองมากขึ้น
ซึ่งในปี 2021 ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่มีศิลปินหลายคนได้แจ้งเกิดในวงการเพลงอย่างสวยหรู ในขณะเดียวกันก็มีศิลปินจำนวนหนึ่งที่ได้มีการ Comeback กลับมาทำเพลงเพื่อเอาใจแฟน ๆ อีกครั้ง เรียกได้ว่าชาร์ตเพลงในทุกเดือนมีเรื่องที่ทำให้เซอร์ไพร์สได้อยู่เสมอ ดังนั้นถึงแม้ว่าโควิด 19 ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างจะน่าเป็นห่วง แต่ในทางกลับกันเราก็ยังมีทางเลือกที่จะฮีลหัวใจและความเบื่อหน่ายได้ด้วยการฟังเพลงเพราะ ๆ จากศิลปินคุณภาพคับแก้ว ดังนั้นผมจึงถือโอกาสรวบรวม ‘เพลงสากลฮิต ปี 2021’ มาฝากกันครับ
1. Olivia Rodrigo – Drivers License

แนวเพลง | Bedroom pop, indie pop และ power pop |
---|---|
ค่ายเพลง | Geffen และ Interscope |
ผู้แต่งเพลง | Olivia Rodrigo และ Dan Nigro |
โปรดิวเซอร์ | Dan Nigro |
เพลงในปี | 2021 |
Olivia Rodrigo ถือเป็นศิลปินดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดของปี 2021 เลยก็ว่าได้ ซึ่งเพลง ‘Driver License’ นี่ละครับที่เปรียบเสมือนประตูให้เธอเดินเข้าวงการเพลงได้อย่างสวยหรู ด้วยยอดขายที่ในอเมริกากว่า 4 ล้านยูนิต รวมไปถึงตัวเพลงที่สามารถเข้าชิง Grammy Awards ได้ถึง 3 รางวัล โดยเสน่ห์ของเพลงนี้จะอยู่ที่ดนตรีที่ออกไปในแนว Indie pop และเติมความกลมกล่อมด้วย Folk ที่ฟังไปได้เรื่อย ๆ ชิล ๆ แต่ในทางกลับกันเนื้อหาของเพลงและเทคนิคการร้องของ Olivia ค่อนข้างจะเป็น Ballad ซึ่งเป็นอะไรที่ค่อนข้างเบลนกันไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ชนิดที่ Taylor Swift แม่ทูลหัวของ Olivia ยังต้องเอ่ยปากชม
2. BTS – Butter

แนวเพลง | Dance-pop, disco-pop และ EDM |
---|---|
ค่ายเพลง | Big Hit และ Sony Music |
ผู้แต่งเพลง | Jenna Andrews, Rob Grimaldi, Stephen Kirk, RM Alex Bilowitz, Sebastian Garcia และ Ron Perry |
โปรดิวเซอร์ | Grimaldi, Kirk และ Perry |
เพลงในปี | 2021 |
การเจริญเติบโตของศิลปินเอเชียในต่างแดนถือเป็นอะไรที่ค่อนข้างยาก ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานี้มีไม่กี่คนหรอกครับที่สามารถไต่ชาร์จและขึ้นโชว์เวทียักษ์ใหญ่ในอเมริกาได้ แต่วงที่สามารถเปิดประตูและทำลายกำแพงนี้ได้คงหนีไม่พ้น ‘BTS’ และเพลงที่เปิดศักราชอย่างแท้จริงนั่นคือ ‘Butter’ ซึ่งเปิดตัวด้วยการขึ้นอันดับ 1 บน Billboard Hot 100 และทำสถิติอยู่บนจุดสูงสุดได้นานกว่า 9 สัปดาห์ ทั้งนี้ถ้าหากวิเคราะห์เจาะลึกถึงความสำเร็จของเพลงนี้ก็คงต้องบอกว่า ดนตรีอย่าง Dance-pop ที่ให้กลิ่นอายของความเป็น K-pop (แม้ว่าเพลงจะเป็นภาษาอังกฤษก็ตาม) อีกทั้งบีทที่หนักเน้นสไตล์ Disco-pop และ EDM ก็ทำให้ชวนคนลุกขึ้นมาเต้นในช่วงซัมเมอร์ได้ดีมาก
3. The Kid Laroi & Justin Bieber – Stay

แนวเพลง | Synth-pop, hip pop และ pop rock |
---|---|
ค่ายเพลง | Grade A และ Columbia |
ผู้แต่งเพลง | Charlton Howard, Justin Bieber, Magnus Høiberg, Charlie Puth, Omer Fedi, Blake Slatkin, Michael Mule, Isaac De Boni และ Subhaan Rahmaan |
โปรดิวเซอร์ | Cashmere Cat, Puth, Fedi และ Slatkin |
เพลงในปี | 2021 |
‘Stay’ เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ทำดนตรีออกได้ค่อนข้างน่าสนใจ แต่เมื่อมองไปดูรายชื่อโปรดิวเซอร์แล้วก็ต้องบอกว่าไม่แปลกสักเท่าไหร่นัก เพราะทั้ง Cashmere Cat, Charlie Puth, Blake Slatkin และ Omer Fedi ล้วนแล้วแต่เป็นโปรดิวเซอร์มือทองทั้งสิ้น อีกทั้งการทำดนตรีให้ออกมาในแนวป๊อปสังเคราะห์และเพิ่มลูกเล่นด้วย Rock และ Hip-hop เข้าไป ทำให้ดนตรีออกมาค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่สำคัญคือดนตรีแมตช์เข้ากับเสียงของ The Kid Laroi และ Justin Bieber ได้อย่างลงตัว เหมือนเพลงนี้เกิดมาเพื่อให้สองคนนี้ร้องเลยก็ว่าได้ ถือเป็นเพลงฮิตที่มาพร้อมกับคุณภาพคับแก้วจริง ๆ
4. Adele – Easy on Me

แนวเพลง | Ballad |
---|---|
ค่ายเพลง | Columbia |
ผู้แต่งเพลง | Adele Adkins และ Greg Kurstin |
โปรดิวเซอร์ | Greg Kurstin |
เพลงในปี | 2021 |
แน่นอนว่ากระแสและความฮิตในปี 2021 คงจะไม่มีใครที่สามารถต้านทาน Adele ได้อย่างแน่นอน เพราะการ Comeback ในครั้งนี้ถือเป็นการกลับมาทำเพลงในรอบ 6 ปี ที่แฟนเพลงทั่วโลกต่างเฝ้าคอยกันอย่างใจจดใจจ่อ และแน่นอนว่าคุณภาพของเพลงและเทคนิคการร้องของ Adele ไม่เคยทำให้ผิดหวัง เพราะ ‘Easy on Me’ สามารถเรียกน้ำตาคนผู้ฟังได้ทุกโลก โดยถ้าหากพูดในแง่ของดนตรีก็ต้องบอกว่าเพลงนี้ใช้เครื่องเสียงน้อยมาก มีเพียงแค่เปียโนและเบสที่คลอตามไปช่วงหนึ่งเท่านั้น
แต่ไฮไลท์สำคัญของเพลงนี้จะอยู่ที่เนื้อหาและเทคนิคการร้องบัลลาดอันไพเราะ ซึ่งถ้าหากฟังกันอย่างจดจ่อและทราบถึงเบื้องหลังชีวิตของเธอ จะรู้กันว่าอเดลได้ผ่านการหย่าร้างกับสามี ที่ทำให้เธอเจ็บปวดมาก แต่ในขณะเดียวกันปัญหาในวัยผู้ใหญ่ก็คงเป็นอะไรที่ลูกเล็กของเธอคงจะไม่เข้าใจ และอาจทำให้เขาเกิดปมบางอย่างในหัวใจ ดังนั้นอเดลจึงแต่งเพลงนี้ร่วมกับทาง Greg Kurstin โปรดิวเซอร์ที่เคยร่วมงานกันตั้งแต่เพลง ‘Hello’ เพื่อจะถ่ายทอดความรู้สึกและความในใจให้กับลูกชายของเธอ ว่าตัวเธอทำเต็มที่กับความสัมพันธ์ในครั้งนี้ แต่ความผิดพลาดนั้นย่อมเกิดขึ้นได้กับทุกความสัมพันธ์ เพื่อหวังว่าเมื่อลูกของเธอเติบโตขึ้นแล้วได้มาฟังเพลงนี้ จะเข้าใจถึงความยากลำบากในการจบความสัมพันธ์ในครั้งนี้
5. Lil Nas X & Jack Harlow – Industry Baby

แนวเพลง | Pop rap |
---|---|
ค่ายเพลง | Columbia |
ผู้แต่งเพลง | Montero Hill, Jackman Harlow, Mark Williams, Raul Cubina, Roy Lenzo, Denzel Baptiste, David Biral, Kanye West, Nick Lee และ Hugo Bouche |
โปรดิวเซอร์ | Take a Daytrip และ Kanye West |
เพลงในปี | 2021 |
‘Industry Baby’ ถือว่าฉีกกฎและภาพจำของ Lil Nas X ในซิงเกิ้ลยอดฮิตอย่าง ‘Old Town Road’ ออกไปทั้งหมด เพราะ Lil Nas X เริ่มทำดนตรีในแนวทางใหม่และปล่อยความเป็นตัวเองมากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงนี้แหละคือสเน่ห์ของเขา โดยแนวเพลงของ Industry Baby จะมีความเป็น Rap แต่ผสมผสาน Pop ให้มีความโมเดิร์นและสนุกยิ่งขึ้น ส่วนเนื้อเพลงก็มีความแซ่บเร้าร้อนเหมือนใส่พริกไป 500 เม็ด ทั้งนี้ในตอนแรกเพลงนี้ได้ถูกเชิญให้ทาง Nicki Minaj เข้ามาร่วมทำเพลงด้วย แต่อาจด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ทำให้ทาง Nicki ไม่ได้ตอบรับกลับมา (แอบน่าเสียดายอยู่เหมือนกัน) อย่างไรก็ดีการได้ Jack Harlow เข้ามาเพิ่มสีสรรค์ในการแรปก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีและทำให้เพลงนี้น่าสนใจยิ่งขึ้น นอกจากนี้การปล่อยออกมาในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ที่ในช่วงนั้นหลายคนต้องกักตัวอยู่ภายในบ้าน
6. The Weeknd & Ariana Grande – Save Your Tears

แนวเพลง | Synth-pop และ synthwave |
---|---|
ค่ายเพลง | XO และ Republic |
ผู้แต่งเพลง | Abel Tesfaye, Ahmad Balshe, Jason Quenneville, Max Martin, Oscar Holter และ Ariana Grande |
โปรดิวเซอร์ | Max Martin, Oscar Holter และ The Weeknd |
เพลงในปี | 2021 |
จริง ๆ แล้ว ‘Save Your Tears’ เวอร์ชันออริจินอลที่ The Weeknd ร้องจะปล่อยออกมาในปี 2020 แต่สำหรับเวอร์ชัน Remix ที่ได้ Ariana Grande เข้าไปร่วมร้องจะอยู่ในปี 2021 ซึ่งการที่ The Weeknd ดึง Ariana เข้ามาถือว่าตอบโจทย์และเติมเต็มเพลงนี้ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะด้วยเสียงที่หวานเหมือนน้ำผึ้งของเธอ ทำให้เพลงมีความเฟรชและเบลนเข้ากับดนตรีไปได้แบบไม่มีสะดุด อีกทั้งด้วยโทนเสียงของทั้งคู่ที่ค่อนข้างสูงเหมือนกัน รวมไปถึงการร่วมงานกันมาหลายครั้ง ก็ยิ่งช่วยให้งานออกมาเพอร์เฟคยิ่งขึ้น หากใครอยากฟังดนตรีสังเคราะห์ที่มีจังหวะช้า ๆ และเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของทั้งสองคนนี้ แนะนำห้ามพลาดโดยเด็ดขาดเลย
7. Silk Sonic – Leave the Door Open

แนวเพลง | Philadelphia soul, R&B และ pop |
---|---|
ค่ายเพลง | Aftermath และ Atlantic |
ผู้แต่งเพลง | Bruno Mars, Brandon Anderson, Dernst Emile II และ Christopher Brody Brown |
โปรดิวเซอร์ | Bruno Mars และ D’Mile |
เพลงในปี | 2021 |
Silk Sonic เป็นวงดูโอ้ของศิลปินสาย R&B ชื่อดังอย่าง Bruno Mars และ Anderson .Paak. ซึ่งทั้งสองคนถือว่าเป็นที่รู้จักกันดีในวงการเพลงและเป็นศิลปินคุณภาพที่ได้รางวัล Grammy Awards มาแล้วทั้งคู่ ทั้งนี้ด้วยสายเลือดของความเป็น R&B ที่เข้มข้น ดังนั้นเพลงซิงเกิ้ลแรกอย่าง ‘Leave the Door Open’ ที่ทั้งคู่ปล่อยออกมาจึงมีดนตรีและการร้องที่ R&B จ๋า ๆ แบบไม่ปรุงแต่ง ซึ่งดนตรีจะมีความสมูธเป็นพิเศษ ส่วนเสียงของทั้งคู่ก็ไหลไปตามกับดนตรีได้เหมือนกับสายน้ำในลำธาร หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คงเป็นไก่ทอดกรอบ ที่จะต้องใส่ซอสมะเขือเทศลงไปเพิ่มความหวาน ทำให้กลมกล่อมและไม่เลี่ยนจนเกินไป ถึงแม้ว่าจะเปิดไป 20 ครั้งก็แทบจะไม่เบื่อเลยละครับ
8. 24kGoldn – Mood ft. Iann Dior

แนวเพลง | Pop rap และ rap rock |
---|---|
ค่ายเพลง | Records และ Columbia |
ผู้แต่งเพลง | Golden Von Jones, Michael Olmo, Keegan Bach, Omer Fedi และ Blake Slatkin |
โปรดิวเซอร์ | KBeaZy, Fedi และ Slatkin |
เพลงในปี | 2020 |
คำว่า “Feel Good” คงเป็นคำที่อธิบายเพลงนี้ได้อย่างชัดเจน เพราะถึงแม้ว่าการร้องของทาง 24kGoldn และ Iann Dior จะมาในสายแรป แต่ก็ต้องบอกว่าดนตรีที่เป็นการผสมผสานระหว่าง Pop rap และ Rap rock ช่วยให้ฟีลลิ่งและทำนองของเพลงออกมามีความโมเดิร์นหรือในศัพท์ของวงการเพลงจะเรียกว่า ‘Pop Twists’ ยิ่งถ้าได้เปิดในยามเช้าจะเป็นอะไรที่เพิ่มเอเนอร์จี้และความสดใสได้ดีมากเลยถือเดียวครับ (ถึงแม้ว่าความหมายของเพลงจะแซ่บสวนทางกับดนตรีก็เถอะ) นอกจากเพลงนี้จะเป็นหนึ่งในเพลงที่ฮิตแล้ว ผมขอยกให้ ‘Mood’ เป็นอีกหนึ่งเพลงคุณภาพระดับ Masterpiece ของปีนี้ ที่ไม่ว่าใครฟังก็สัมผัสได้ถึงความสดใสและเติมเต็มความสุข คลายความเศร้าหมองออกไปได้ดีมาก ๆ
9. Taylor Swift – All Too Well (Taylor’s Version)

แนวเพลง | Country rock, folk, soft rock, power pop และ arena rock |
---|---|
ค่ายเพลง | Republic |
ผู้แต่งเพลง | Taylor Swift และ Liz Rose |
โปรดิวเซอร์ | Taylor Swift, Jack Antonoff และ Christopher Rowe |
เพลงในปี | 2021 |
All Too Well เป็นอีกเพลงหนึ่งที่ทำเวอร์ชันใหม่ออกมา หรือที่เรียกว่า ‘Taylor’s Version’ เนื่องจากลิขสิทธิ์เพลงของเธอได้ถูกค่ายเพลงเก่าขายไปให้คนใหม่ และถึงแม้ว่าเธอพยายามซื้อคืนมาแต่ก็ไม่เป็นผล ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจ Record เพลงในอัลบั้มเก่าทั้งหมด เพื่อที่จะนำไปใช้ในการแสดงคอนเสิร์ตหรือทำมาหากินได้โดยไม่ติดลิขสิทธิ์ และการตัดสินใจครั้งนี้ถือว่าดีและทำให้แฟนเพลงได้หวนกลับไปในยุคที่เธอร้อง Country อีกครั้ง จนทำให้ยอดขายอัลบั้มและเพลงที่ทำออกมาใหม่ขายดีแบบเป็นน้ำเป็นท่า
ทั้งนี้หนึ่งในเพลงที่กลับมาเปรี้ยงได้อย่างไม่น่าเชื่อคือ ‘All Too Well’ เวอร์ชัน 10 นาทีพร้อมกับหนังสั้นสุดพิเศษที่ทำเอาใจกินไปตาม ๆ กัน (แต่เวอร์ชันที่ไม่ได้ปล่อยออกมานานถึง 20 นาที!) ทำให้เพลงนี้พุ่งทะยานขึ้นอันดับ 1 แบบฉุดไม่อยู่ อย่างไรก็ดีถึงแม้ว่าเพลงจะนานมากชนิดที่กินข้าวได้หมดจาน แต่บอกได้เลยว่าเป็น 10 นาทีที่มีดนตรี acoustic และเสียงหวานใสของเทย์เลอร์ซึ่งมีกลิ่นอายของความเป็น Country คลอตามจังหวะดนตรีไปได้โดยไม่น่าเบื่อ ทั้งยังเป็นอะไรที่เข้มข้นไปด้วยอารมณ์และปลุกเร้าความอินด้วยดนตรีแบบบาดลึกถึงหัวใจ ถ้ามีเวลาสัก 10 นาที บอกได้เลยครับว่าการสละเวลานั้นเพื่อมาฟังเพลงนี้จะไม่ทำให้คุณรู้สึกผิดหวังอย่างแน่นอน
10. Cardi B – Up

แนวเพลง | Hip hop และ trap |
---|---|
ค่ายเพลง | Atlantic |
ผู้แต่งเพลง | Belcalis Almanzar, Joshua Baker, Jorden Thorpe, Edis Selmani, James Steed และ Matthew Allen |
โปรดิวเซอร์ | Yung Dza, DJ SwanQo, Sean Island และ DJ Prince |
เพลงในปี | 2021 |
‘Up’ เป็นอีกหนึ่งผลงานเพลงที่พิสูจน์ให้เห็นว่า Cardi B เป็นแรปเปอร์หญิงที่มีคุณภาพ ทั้งยังตอกย้ำความสำเร็จได้ว่าเธอคือหนึ่งในแรปเปอร์หญิงไม่กี่คนที่ยืนอยู่ในวงการเพลงได้อย่างมั่นคงและสมศักดิ์ศรี เพราะเพลงนี้สามารถขึ้นอันดับ 1 บน Billboard Hot 100 ได้ ทั้งยังได้เข้าชิง Grammy Awards ในสาขา Best Rap Performance อีกด้วย โดยความพิเศษของเพลงนี้จะอยู่ที่สไตล์การแรปของเธอ ที่บอกได้เลยว่าดุเด็ดเผ็ดมันส์เลือดพล่านเลยก็ว่าได้ เพราะในทุก ๆ ท่อนและทำนองเพลงกว่า 3 นาที แทบจะไม่มีช่วงที่ให้หยุดหายใจ ส่วนเนื้อหาของเพลงก็ตามสไตล์ของ Cardi B ที่พกเอาความมั่นใจและพูดถึงการประสบความสำเร็จในชื่อเสียงของเธอในช่วงเวลาที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งเพลงที่ชวนลุกขึ้นเต้นได้ดีเลยทีเดียว
11. Olivia Rodrigo – Good 4 U

แนวเพลง | Rock, pop rock, pop-punk, teen pop, grunge และ emo |
---|---|
ค่ายเพลง | Geffen และ Interscope |
ผู้แต่งเพลง | Olivia Rodrigo, Dan Nigro Hayley Williams และ Josh Farro |
โปรดิวเซอร์ | Dan Nigro |
เพลงในปี | 2021 |
หลังจากที่ Olivia ได้ปล่อยซิงเกิ้ลอย่าง ‘Driver License’ ออกมาจนมีกระแสที่เปรี้ยงปร้าง แต่หลายคนก็อาจจะแครงใจว่าเธอจะเป็น One-Hit Wonder หรือถ้าพูดให้ง่าย ๆ คือ “จะดังแค่เพลงเดียวหรือเปล่า?” แต่เธอพิสูจน์และให้คำตอบได้ดีด้วยเพลง ‘Good 4 U’ ที่ดนตรีจะออกไปในแนว Pop ยุค 2000 และมีความเป็น Teen ผสมกับ Electro อยู่เล็กน้อย (มีกลิ่นอายที่ทำให้นึกถึง Avril Lavigne) ทั้งนี้ด้วยเพลงที่พูดเกี่ยวกับการจบความสัมพันธ์ได้ไม่นาน แต่อีกฝ่ายกลับมีแฟนใหม่ภายในเวลาอันรวดเร็ว ชนิดที่เธอยังไม่ทันได้ Move On
ดังนั้นเพลงนี้ก็เหมือนจะทำออกมาเพื่อประชด เพราะถึงแม้ว่าจะเนื้อหาจะเหมือนกับการแสดงความยินดี แต่ในใจจริง ๆ ก็ยังคงความขุ่นเคืองอยู่ในใจ ซึ่งความเรียลและประสบการณ์ตรงนี้ก็คงไปตรงกับชีวิตของแฟนเพลงหลายคน จนทำให้เพลงนี้สามารถไต่ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตเพลงของอเมริกาได้ในที่สุด
12. Lil Nas X – Montero (Call Me by Your Name)

แนวเพลง | Hip hop และ electropop |
---|---|
ค่ายเพลง | Columbia |
ผู้แต่งเพลง | Montero Hill, Denzel Baptiste, David Biral, Omer Fedi และ Rosario Lenzo |
โปรดิวเซอร์ | Take a Daytrip, Omer Fedi และ Roy Lenzo |
เพลงในปี | 2021 |
Montero เป็นอีกหนึ่งเพลงของทาง Lil Nas X ที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ ในปีนี้ และบอกได้เลยว่าเป็นเพลงที่เผยตัวตนของเขาให้แฟนเพลงทั่วโลกได้เข้าไปสัมผัสกันอย่างจริงใจ เพราะการที่นักร้อง Hip-hop เผยว่าตัวเองเป็น LGBTQ+ อาจเป็นเรื่องยากและเกิดความอันตรายในชีวิตได้เลยทีเดียว แต่ความเข้มข้นของการเป็นศิลปินรวมไปถึงความมั่นใจในตัวตนของตัวเองทำให้เขาทำเพลงออกมาได้แซ่บถึงพริกถึงขิง
โดยในแง่ของดนตรีเพลงนี้จะเป็นการผสมผสานกันระหว่าง Hip Hop และ Electro Pop ซึ่งเครื่องเสียงอย่างกีตาร์และจังหวะปรบมือที่ใส่ลงไปจะโดดเด่นลงตัวมาก ๆ ส่วนเสียงร้องของ Lil Nas X เองก็แมตช์เข้ากับดนตรีไปได้ดี เพราะถึงแม้ว่าเขาจะรู้จักในฐานะแรปเปอร์ แต่จริง ๆ แล้วพื้นฐานการร้องของเขาก็ค่อนข้างดี ที่สำคัญคือเนื้อเสียงโทนต่ำอันเป็นเอกลักษณ์ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดขายอย่างหนึ่งที่ทำให้เพลงของเขาน่าสนใจ ทั้งนี้การเข้าชิง Grammy ในสาขาใหญ่ไม่ว่าจะเป็น Record of the Year และ Song of the Year ก็เป็นการการันตีถึงคุณภาพของเพลงได้ดี โดยไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับ ‘เพลงสากลฮิต ปี 2021’ ที่ผมได้แนะนำว่าไป ผมหวังว่าทุกคนจะถูกใจกับเพลงใดเพลงหนึ่ง และมีเพลงโปรดเพิ่มลงไปในลิสต์ของตัวเองนะครับ ทั้งนี้เว็บไซต์ของเรายังมีเพลย์ลิสต์ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เพลงคริสมาสต์ (เหมาะสำหรับเทศกาลคริสมาสต์ที่กำลังมาถึง), เพลงรักสากล, เพลงสากลอกหัก, เพลงรักวาเลนไทน์, เพลงสากลสำหรับคนโสด, เพลงสากลแนวแอบชอบ และ เพลงสากลคลาสสิก