Nicki Minaj (นิกกี มินาจ) – ประวัติและผลงานเพลง

ที่ผ่านมาเว็บไซต์ของเราได้เขียนบทความเกี่ยวกับประวัติและผลงานศิลปินดังมาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นศิลปิลระดับตำนานอย่าง Mariah Carey และ Celine Dion รวมไปถึงศิลปินยุคใหม่เสียงดีอย่าง Ariana Grande, Taylor Swift, Bruno Mars, Dua lipa หรือ Miley Cyrus ซึ่งแต่ละคนก็จะมาในสายของ R&B และ Pop วันนี้มาถึงคิวของแรปเปอร์คนเก่งอย่าง Nicki Minaj (นิกกี้ มินาจ) ที่ถูกเรียกว่า Queen Of Rap และได้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่ปลุกกระแสแรปเปอร์หญิงให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เรามาดู ‘ประวัติและผลงานเพลงของ Nicki Minaj’ กันครับ

ประวัติ Nicki Minaj (นิกกี มินาจ)

Nicki Minaj หรือชื่อเต็มว่า ‘Onika Tanya Maraj’ เกิดในประเทศตรินิแดดและโตเบโก โดยคุณพ่อของเธอทำงานเป็นผู้ช่วยบริหารทางด้านการเงินและทำงานพาร์ทไทม์เป็นนักร้องกอสเปล ส่วนทางด้านของคุณแม่ก็เป็นนักร้องกอสเปลด้วยเช่นกัน ดังนั้นนิกกีจึงมีเชื้อชาติและสัญชาติตรินิแดดและโตเบโกโดยเนื้อแท้

ในช่วงวัยเด็กนิกกีและพี่ชายเติบโตกับคุณย่าในรัฐ Saint James โดยเธอต้องพักอาศัยอยู่ภายในบ้านกับลูกพี่ลูกน้องกว่า 11 คน ซึ่งเหตุผลที่เธอต้องอยู่กับคุณย่าก็เนื่องจากคุณพ่อและคุณแม่จำเป็นต้องทำงานเยอะมากเพื่อเลี้ยงดูลูก จึงไม่มีเวลาเพียงพอในการเลี้ยงดู แต่มาจนถึงวันหนึ่งคุณแม่ของนิกกีก็ได้กรีนการ์ดหรือการเป็นพลเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา คุณแม่จึงตัดสินใจเดินทางไปหาโอกาสในเมือง Bronx รัฐ New York

Nicki Minaj (นิกกี มินาจ)
Nicki Minaj (นิกกี มินาจ)

เมื่อผ่านไปในระยะเวลาหนึ่งคุณแม่ของเธอก็มีเงินเพียงพอในการมีบ้านหลังแรก จึงได้พานิกกีและพี่ชายเข้ามาอยู่ด้วย ซึ่งตอนนั้นเธออายุเพียงแค่ 5 ขวบเท่านั้น ทำให้นิกกีซึมซับความเป็นพลเมืองชาวสหรัฐและเข้าสู่เส้นทางศิลปินมาตลอด โดยในช่วงมัธยมเธอได้ไปออดิชันโรงเรียนสอนดนตรีและศิลปะที่ชื่อว่า ‘Fiorello H. LaGuardia’ ซึ่งสาขาที่เธอเลือกเรียนจะเน้นไปทัศนศิลป์การแสดง

ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้

หลังจากนิกกีได้จบหลักสูตรของโรงเรียนเธอก็มีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นนักแสดงมืออาชีพ นิกกี้จึงมุ่งตรงเข้าไปแคสติ้งละครเวทีอย่าง ‘In Case You Forget’ ในปี 2001 แต่เส้นทางการเป็นนักแสดงก็ไม่ได้เป็นตามหวังและทำให้เธอติดขัดทางด้านการเงิน จนเธอต้องทำงานเสริมด้วยการเป็นพนักงานเสิร์ฟร้านล็อบสเตอร์ นอกจากนี้นิกกี้ยังเคยทำงานเป็นผู้จัดการและงานอำนวยความสะดวกลูกค้า

หลังจากที่นิกกีทำงานมาระยะเวลาหนึ่ง เธอก็ร่วมผันตัวเข้าสู่วงการเพลง ซึ่งเธอเองก็มีผลงานร่วมกับทางกรุ๊ป Full Force และมีผลงานเพลงที่ผ่านหูหลายคนด้วยการร้องเพลงประจำตัวให้กับนักมวยปล้ำ WWE อย่าง Victoria ในปี 2004 หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ตัดสินใจออกมาจาก Full Force และเริ่มอัพโหลดผลงานเพลงของตัวเองลงใน MySpace และส่งให้กับคนในวงการเพลงหลายคน

Nicki Minaj (นิกกี มินาจ)
เพลง Ice Spice & Nicki Minaj – Princess Diana

ต่อมาเธอก็ได้เซ็นสัญญาเข้าค่าย Dirty Money Entertainment แต่เป็นสัญญาระยะสั้นเพียง 180 วัน โดยในตอนนั้นค่ายก็เปิดโอกาสให้เธอได้ทำอัลบั้มมิกซ์เทปที่ชื่อว่า ‘Playtime Is Over’ และ ‘Sucka Free’ ซึ่งซิงเกิลภายในอัลบั้มถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดังเปรี้ยงระดับตำนาน แต่ก็ทำให้เธอเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ได้รับรางวัลในรายการ BET และร่วมงานกับศิลปินใหญ่ ๆ เช่น Lil Wayne รวมไปถึงเซ็นสัญญากับค่ายดังอย่าง Young Money Entertainment

เมื่อเข้าสู่ช่วงปี 2010 เธอก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับดีว่าดังระดับตำนานอย่าง Mariah Carey ทำให้เธอนำชื่อของตัวเองเข้าชาร์ตใหญ่อย่าง Billboard Hot 100 ได้เป็นครั้งแรก รวมไปถึงซิงเกิลที่ร่วมงานกับทาง Lil Wayne อย่าง ‘Knockout’ ก็เข้าชาร์ตเช่นกัน แต่ยุคที่รุ่งเรืองมากที่สุดของเธอคือในปี 2011 หลังจากการปล่อยอัลบั้ม Pink Friday เพราะซิงเกิลในอัลบั้ม ‘Super Bass’ ขึ้นไปแตะได้สูงสุดถึงอันดับ 3 ส่วนอัลบั้มในสัปดาห์แรกก็ทำยอด 375,000 ก็อปปี้ ซึ่งอัลบั้มนี้ทำให้เธอดังและต่อยอดผลงานเพลงออกมาประดับวงการเพลงตลอดจนถึงทุกวันนี้

ผลงานเพลงฮิตของ Nicki Minaj (นิกกี มินาจ)

1. Super Freaky Girl

แนวเพลง Pop rap
ค่ายเพลง Young Money และ Republic
ผู้แต่งเพลง Rick James, Alonzo Miller, Lukasz Gottwald, Aaron Joseph,Lauren Miller และ Vaughn Oliver
โปรดิวเซอร์ Dr. Luke, Malibu Babie, Vaughn Oliver และ Aaron Joseph
เพลงในปี 2022

‘Super Freaky Girl’ ได้รับแซมเปิ้ลดนตรีมาจากเพลงในยุค 80 ถ้าหากฟังดี ๆ เพลงจะมีความวินเทจอยู่ในตัว อย่างในช่วงอินโทรนิกกีได้นำเสียงของ Rick James มาใส่ให้เพลงมีความน่าสนใจมากขึ้น เป็นเหมือนกิมมิคของเพลงที่นำเอาเพลงเก่ามาผสมผสานกับ Pop Rap เพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้ซิงเกิล ทั้งนี้ด้วยจังหวะ Pop ที่สนุกและเต้นไปพร้อมกันได้ ทำให้เพลงนี้ไวรัลใน TikTok และแน่นอนว่าเปิดตัวอย่างสวยหรูด้วยการขึ้นอันดับ 1 ซึ่งเป็นเพลง Solo เดี่ยว ๆ (ไม่มีศิลปินอื่นร่วมงาน) เพลงแรกของนิกกีที่ขึ้นอันดับ 1 บน Billboard Hot 100 ได้


2. Trollz

แนวเพลง Hip hop
ค่ายเพลง Scumgang, Create และ 10K Projects
ผู้แต่งเพลง Daniel Hernandez, Onika Maraj, Jeremiah Raisen และ Aaron Clarke
โปรดิวเซอร์ SadPony และ Jahnei Clarke
เพลงในปี 2020

‘Trollz’ เป็นการร่วมงานระหว่าง Nicki และ 6ix9ine โดยจุดเด่นของเพลงนี้คือบีทเร็วและมันส์มาก แต่การคอนทราสด้วยการแรปเสียงนุ่ม ๆ ของ 6ix9ine และ Nicki ทำให้เพลงมีเสน่ห์ ฟังได้เรื่อย ๆ แต่ยังคงความสนุกอยู่ในตัว ถือเป็นเพลง Hip Hop ที่ค่อนข้างยูนีคไม่เหมือนใคร ซึ่งความแปลกใหม่และเทคนิคการแรปเจ๋ง ๆ ดันให้เพลงนี้ประสบความสำเร็จ มีคนขอเพลงทั้งในวิทยุรวมไปถึงสตรีมเพลงนี้เยอะมากในแพลตฟอร์มต่าง ๆ


3. Say So

แนวเพลง Pop, disco และ pop-rap
ค่ายเพลง Kemosabe และ RCA
ผู้แต่งเพลง Amala Dlamini, Lukasz Gottwald และ Lydia Asrat
โปรดิวเซอร์ Tyson Trax
เพลงในปี 2020

เพลงนี้เป็นอีกเพลงหนึ่งที่ทางนิกกีได้ไป Collabration กับศิลปินท่านอื่น โดยในตอนแรกเพลง ‘Say So’ ของทางโดจาค้างอยู่ในอันดับ 2 ไม่สามารถขึ้นไปบนยอดสูงสุดของชาร์ตได้ ดังนั้นโดจาจึงเชิญนิกกี้เข้ามาทำ Remix เพื่อเพิ่มความแซ่บนัวให้กับเพลง ทั้งนี้ตัวเพลงจะมีเสน่ห์ตรงที่มีการดึงเอา Disco เข้ามาผสมกับดนตรียุคสมัยใหม่อย่าง Pop และ Rap ซึ่งต้องบอกว่าโปรดิวเซอร์ทำออกมาดีมาก และการใส่เสียงของนิกกีเข้าไปก็เพิ่มสีสันให้กับเพลงได้ดี ฟังกี่ครั้งก็ไม่รู้สึกเบื่อ


4. Anaconda

แนวเพลง Hip house, dirty rap และ miami bass
ค่ายเพลง Young Money, Cash Money และ Republic
ผู้แต่งเพลง Anthony Ray, Onika Maraj, Jamal Jones, Jonathan Solone-Myvett,Ernest Clark และ Marcos Palacios
โปรดิวเซอร์ Polow da Don, AnonXmous และ Da Internz
เพลงในปี 2014

หนึ่งในเพลงที่คนพูดถึงมากที่สุดในปี 2014 คงต้องยกให้กับ ‘Anaconda’ แน่นอนละครับว่าทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าเนื้อเพลงมีความ Sexual มาก เรียกว่าพูดกันแบบโจ๋งครึ่ม แต่จริง ๆ แล้วที่เพลงนี้ดังได้ไม่ได้มีเพียงแค่เนื้อเพลงเท่านั้น แต่ดนตรีสไตล์ Miami Bass และ Dirty Rap ก็เร้าใจและสนุกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นอกจากนี้ดนตรีเองก็บีท Jungle ให้ฟิลลิ่งเหมือนกับอยู่ในป่า เหมาะกับ Summer ซึ่งในช่วงนั้นก็ตรงกับซีซันหรือฤดูกาลนั้นพอดี


5. Do We Have A Problem ?

แนวเพลง Hip hop และ trap
ค่ายเพลง Young Money และ Republic
ผู้แต่งเพลง Onika Maraj, Dominique Jones และ Joshua Goods
โปรดิวเซอร์ Papi Yerr
เพลงในปี 2022

หลังจากที่นิกกีหายจากวงการเพลงไปประมาณ 2 ปี เนื่องจากตั้งท้องและคลอดลูก เธอก็คัมแบคกลับมาอีกครั้งด้วยซิงเกิล ‘Do We Have A Problem?’ ถ้าหากพูดถึงความเร้าใจของดนตรี บอกเลยว่าเพลงนี้เสิร์ฟให้กับคนฟังได้แบบ 100% เพราะดนตรี Trap มีบีทที่เป็นจังหวะและสร้างความตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา ส่วนการแรปของ Nicki และ Lil Baby ก็เรียกว่าจัดเต็มใส่หมดแม็ก ให้ฟิลลิ่งเหมือนกับดูหนังแอ็คชันเลยละครับ แต่ก็ไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ เพราะนิกกีได้แรงบันดาลใจในการทำเพลงนี้มาจากภาพยนตร์ Salt ครับ


6. Princess Diana

แนวเพลง Drill
ค่ายเพลง 10K, Capitol และ Heavy on It
ผู้แต่งเพลง Isis Gaston, Ephrem Lopez และ Onika Maraj
โปรดิวเซอร์ RiotUSA
เพลงในปี 2023

‘Princess Diana’ เป็นซิงเกิลล่าสุดในปี 2023 ที่ Nicki และ Ice Spice ปล่อยออกมา โดยไฮไลท์ของเพลงคงหนีไม่พ้นในเรื่องของบีท เพราะดนตรีแนว Drill จะเป็นบีทที่หนักและมีการกระแทก เมื่อผสมเข้ากับการ Rap สไตล์ดุเดือดก็จะดันให้เพลงนี้ทวีคูณความสนุกไปอีก 50 เท่า ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยครับว่าทำไมเพลงนี้ประสบความสำเร็จ เปิดตัวได้สูงสุดถึงอันดับ 4 เพราะไม่ว่าจะกี่ครั้งก็สนุกแบบไม่มีเบื่อ

อ่านเพิ่มเติม แปลเพลง Princess Diana


7. Super Bass

แนวเพลง Bubblegum pop และ pop rap
ค่ายเพลง Young Money, Cash Money และ Universal Motown
ผู้แต่งเพลง Onika Maraj, Daniel Johnson และ Esther Dean
โปรดิวเซอร์ Kane Beatz
เพลงในปี 2011

‘Super Bass’ เรียกว่าเป็นเพลงคู่บุญของนิกกีเลยละครับ เพราะเพลงนี้ทำให้เธอสามารถยืนอยู่ในวงการเพลงได้อย่างมั่นคง เรียกว่ากระแสดีแบบไม่มีตก ไม่เพียงเท่านั้นมันยังทำให้เธอได้รับฉายา ‘Queen Of Rap’ อีกด้วย โดยเพลงไม่ได้มีจุดเด่นเพียงแค่การแรปสกิลระดับเทพของนิกกีเท่านั้น แต่การใช้ดนตรี Pop สไตล์ Bubblegum ก็ทำให้ฟังง่ายเข้าถึงคนได้ทุกกลุ่ม พูดง่าย ๆ ว่าฟังแล้วเพราะโดยไม่ต้องคิดอะไรครับ เพลงนี้คุณภาพคับแก้วมากถึงขั้นที่ Taylor Swift โพสแนะนำลงใน Twitter เลยละครับ


8. Starships

แนวเพลง Dance-pop และ techno-pop
ค่ายเพลง Young Money, Cash Money และ Universal
ผู้แต่งเพลง Onika Maraj-Petty, Nadir Khayat, Carl Falk, Rami Yacoub, Wayne Hector และ Bilal Hajji
โปรดิวเซอร์ RedOne, Rami Yacoub และ Carl Falk
เพลงในปี 2012

‘Starships’ เป็นการผันจากการทำเพลง Hip-hop เปลี่ยนมาเป็น Pop จ๋า ๆ ครั้งแรกของนิกกีแบบ 100% ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างชาเลนท์พอสมควร แต่นิกกีก็ทำออกมาได้อย่างเพอร์เฟค ทั้งเสียงหวานใสของนิกกีซึ่งแมตช์และกลมกลืนเข้ากับดนตรีแบบลงตัว อีกทั้งต้องให้เครดิตกับทางโปรดิวเซอร์คนเก่งอย่าง RadOne ที่ทำดนตรีและใส่เสียง Nicki เข้าไปอย่างประณีต จนเพลงนี้ดังและอยู่ในใจของใครหลายคน แม้แต่ทุกวันนี้ยังมีคนเปิดกันอยู่เลยละครับ

Lolipop

Lolipop

Create article about music and news with heart

Next Post