เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนักในหลายประเทศทั่วโลก โดยในปัจจุบันมียอดผู้ติดเชื้อรวมกันถึง 7 ล้านคนแล้ว ซึ่งถือเป็นการระบาดที่ร้ายแรงและแพร่ในวงกว้าง ดังนั้นในแต่ละประเทศจึงได้วางมาตรการในการป้องกันโรคแบบขั้นสูงสุด เพื่อยับยั้งและควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปมากกว่านี้
ในประเทศไทยที่ผ่านมาได้มีการออกมาตรการที่ควบคุมโรคอย่างครอบคลุมและชัดเจน จึงทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ของโรคระบาดภายในประเทศได้ ดังนั้นเมื่อประชากรที่อาศัยในประเทศไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด 19 รัฐบาลจึงได้ทำการเปิดห้างสรรพสินค้า ร้านค้า เพื่อให้การตลาดและเศรษฐกิจดำเนินการได้อย่างปกติ นอกจากนั้นยังรวมไปถึงสถานบันศึกษาที่ได้ประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่าจะเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่จะเปิดสถานที่ต่าง ๆ รัฐบาลก็ยังคงต้องเฝ้าระวังและรับมือกับโรคโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเห็นได้จากการที่รัฐบาลมีการสร้างเว็บไซต์และแอปพลิเคชันอย่าง ไทยชนะ และ หมอชนะ เพื่อเป็นการตรวจเช็กผู้คนที่ใช้บริการในร้านค้าและห้างสรรพสินค้า หากมีผู้ติดเชื้อเกิดขึ้นทางรัฐก็จะสามารถเข้าไปควบคุมและทราบรายชื่อของผู้เสี่ยงติดเชื้อ เพื่อที่จะเข้าไปจัดการได้แบบตรงจุด
อีกหนึ่งสถานที่ซึ่งต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ไม่แพ้กันคือสถานศึกษา ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือสถานบันการศึกษาทุกประเภท เนื่องจากสถานที่เหล่านี้เป็นสถานที่ที่เด็กและอาจารย์จำนวนหลายร้อยหลายพันคนรวมตัวอยู่ด้วยกัน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของทุกคน สถานที่ศึกษาต่าง ๆ จึงต้องมีทราบถึง วิธี ป้องกัน โควิด 19 ในโรงเรียน สถานศึกษา และ ข้อปฏิบัติสำหรับโรงเรียน มหาวิทยาลัย ในสถาณการณ์โควิด 19
ข้อปฏิบัติสำหรับโรงเรียนและสถาบันศึกษา ในสถาณการณ์โควิด 19
1. แจ้งผู้ปกครองเมื่อบุตรหลานมีอาการเจ็บป่วย
เมื่อมีนักเรียนคนใดที่มีอาการไอ จาม มีน้ำมูก มีไข้ ให้รีบทำการแจ้งผู้ปกครองทันที เพื่อให้ปกครองรับทราบและนำบุตรหลานของตนเองไป กักตัว 14 วัน หรือ เข้ารับการตรวจสอบรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้ยังรวมไปถึงนักเรียนที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงตามที่กระทรวงสาธารสุขได้ประกาศไว้
2. คัดกรองนักเรียนบริเวณทางเข้าโรงเรียน
ก่อนเข้าโรงเรียนหรือสถานศึกษาให้มีการตรวจและคัดกรองนักเรียนในเบื้องต้น อย่างเช่นการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายด้วย เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้อินฟาเรด เมื่อทำการตรวจสอบแล้วให้ทำสัญลักษณ์ต่าง ๆ ไว้บนเสื้อหรือร่างกายของนักเรียน เช่น ตราปั๊ม สติ๊กเกอร์ หรืออื่น ๆ ตามความเหมาะสม เพื่อบ่งบอกว่านักเรียนคนดังกล่าวได้รับการคัดกรองแล้วในเบื้องต้น

นอกจากการตรวจวัดอุณหภูมิแล้ว ให้เตรียมการจัดอุปกรณ์ล้างมือไว้ตรงบริเวณหน้าประตูเข้า-ออกของโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็น แอลกอฮอล์เจลล้างมือ สเปรย์ฆ่าเชื้อ หรือ สบู่เหลวล้างมือ ไว้ตามอ่างล้างมือรอบโรงเรียน
ทั้งนี้หากพบเจอนักเรียนที่มีอาการป่วยภายในโรงเรียน ให้คุณครูนำนักเรียนคนดังกล่าวแยกออกไปอยู่ภายในห้องที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก จากนั้นจึงติดต่อผู้ปกครองให้มารับนักเรียนคนดังกล่าวไปตรวจรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
![]() | ที่วัดไข้ วัดอุณหภูมิร่างกาย Medical Infrared Thermometer LC-166 | |
![]() | เครื่องวัดไข้ดิจิตอล แบบอินฟราเรด รุ่น FT80 | |
![]() | เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดไข้ แบบอินฟราเรด ดิจิตอล รุ่น Bioland E122 | |
![]() | เครื่องวัดอุณหภูมิ อินฟาเรด ที่วัดไข้ - Infrared Thermometer 2 (DN-998) | |
![]() | เครื่องวัดไข้อัจฉริยะ แบบพกพา - Infrared Thermometer 3 (TZ-131) |
3. ทำความสะอาดอุปกรณ์และสถานที่ต่าง ๆ เมื่อมีผู้กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงเข้าไปในสถานที่ดังกล่าว
หากมีบุคลากรในโรงเรียนไม่ว่าจะเป็นครู ผู้ดูแลนักเรียน นักเรียน หรือบุคคลภายนอกอย่าง ผู้ปกครอง ที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงในระยะเวลาไม่เกิน 14 วัน เข้ามาในสถานที่นั้น ๆ ของโรงเรียน ให้ทางโรงเรียนรีบดำเนินการทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องใช้ทั้งหมด รวมถึงสถานที่ดังกล่าวทั้งภายในและภายนอกของอาคาร ทั้งนี้เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด 19 โรงเรียนอาจพิจารณาในการปิดโรงเรียน ตามที่เห็นสมควร โดยควรใช้น้ำยาฆ่าเชื้อและเครื่องพ่นละอองฝอยที่ได้มาตรฐาน
4. พิจารณาการจัดกิจกรรมในโรงเรียน
หากมีกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันเกิน 300 คน ไม่ว่าจะเป็น การปฐมนิเทศ, รับน้อง, กีฬาสี, ปัจฉิมนิเทศ, กิจกรรมวันเด็ก, กิจกรรมเข้าค่าย และ ทัศนศึกษา ควรที่จะงดจัดและทำกิจกรรรมข้างต้นไปก่อน เพื่อความปลอดภัยของบุคลากรและนักเรียน

นอกจากนั้นแล้วห้องเรียนและโรงอาหารก็ควรที่จะมี การรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) โดยให้มีระยะห่างต่อบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร ทั้งนี้เพื่อยกระดับความปลอดภัยก็ควรที่จะต้องมีฉากกั้นระหว่างโต๊ะหรือระหว่างบุคคล
5. จัดให้มีการดูแลอาคารและยานพาหนะ
จัดการทำความสะอาดห้องและสถานที่ที่ใช้ร่วมกันหลายคน ด้วยน้ำยาทำความสะอาด หรือ ผงซักฟอก เช่น ห้องสมุด, โรงอาหาร, ห้องเรียน, โรงยิม, ห้องคอมพิวเตอร์, ห้องดนตรี เป็นต้น
จัดการทำความสะอาดรถรับ-ส่งนักเรียน ด้วยผงซักฟอก หรือ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของไฮโปคลอไรท์ (น้ำยาฟอกขาว) ในส่วนที่มีการสัมผัสบ่อยครั้ง เช่น ที่เปิดประตู ที่นั่ง ที่วางแขน เป็นต้น ทั้งนี้ก่อนไปรับและหลังส่งนักเรียนให้เปิดหน้าต่างรถทุกครั้งเพื่อให้รถได้ถ่ายเทอากาศ
เปิดประตู หน้าต่าง ในห้องที่มีการใช้ร่วมกัน เช่น ห้องเรียน, โรงอาหาร, ห้องประชุม, ห้องสมุด เป็นต้น ทั้งนี้หากในสถานที่นั้น ๆ มีเครื่องปรับอากาศ ให้ทางโรงเรียนดำเนินการทำความสะอาดเครื่องอย่างสม่ำเสมอ
6. จัดให้มีการดูแลร้านอาหาร การจำหน่ายอาหาร โรงอาหาร
- หากผู้ขายหรือผู้สัมผัสอาหารมีไข้ รวมถึงอาการไอ จาม มีน้ำมูก หายใจเหนื่อย ให้หยุดดำเนินการและรีบพบแพทย์ทันที
- ขณะปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสอาหาร ให้ทำการสวมหมวกคลุมผม หน้ากากอนามัย ผ้ากันเปื้อน ถุงมืออนามัย ทั้งนี้ต้องปฏิบัติงานให้ถูกต้องตามสุขลักษณะส่วนบุคคลด้วย
- ห้ามไอและจามใส่อาหาร ควรล้างมือก่อนและหลังประกอบอาหารอย่างสม่ำเสมอ
- ปกปิดอาหารและใช้อุปกรณ์ที่มีความสะอาดในการคีบหรือจับอาหาร ห้ามใช้มือหยิบจับอาหารโดยตรง
- ทำความสะอาดโรงอาหาร ร้านจำหน่ายอาหาร รวมถึงจุดเสี่ยงต่าง ๆ ด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่สามารถฆ่าเชื้อได้ อีกทั้งภาชนะใส่อาหารก็ควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน
- ควรแจกจ่ายอาหารให้นักเรียนภายใน 2 ชั่วโมงหลังจากประกอบอาหาร หากเกิน 2 ชั่วโมงให้ทำการอุ่นอาหารให้เดือดและจึงค่อยแจกจ่ายใหม่
- ทางโรงเรียนควรควบคุมอาหารที่ทำให้นักเรียนได้รับโภชนาการครบ 5 หมู่ มีความสะอาด ปลอดภัย เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่นักเรียน นอกจากนั้นนักเรียนยังต้องได้รับประทานผักผลไม้ปลอดสารพิษตามฤดูกาล ตามมาตรฐานอาหารกลางวันโรงเรียนไทย (Thai School Luch) อย่างน้อย 70 – 100 กรัม
ภาพตารางมาตรฐานอาหารกลางวันโรงเรียนไทย
7. ทำความสะอาดและดูแลห้องน้ำ
ทำความสะอาดในจุดที่สัมผัสบ่อย ด้วยผงซักฟอก หรือ น้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของไฮโปคลอไรท์ (น้ำยาฟองขาว) *ควรทำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง*
ซักผ้าและไม้ถูกพื้นที่ใช้เช็ดทำความสะอาด ด้วยผงซักฟอก หรือ น้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของไฮโปคลอไรท์ (น้ำยาฟองขาว) จากนั้นนำไปพึ่งแดดให้แห้งเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและฆ่าเชื้อโรคให้หมด
8. ควบคุมครูและบุคลากรในโรงเรียน
กรณีมีอาการเจ็บป่วย เช่น อาการไอ จาม มีน้ำมูก มีไข้ ให้บุคคลดังกล่าวทำการแจ้งหัวหน้างานและดำเนินการหยุดงานทันที หลังจากนั้นจึงพบแพทย์เพื่อตรวจสอบและรักษาอาการข้างต้น นอกจากนี้แล้วถ้าหากบุคลากรคนใดที่เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขหรืออยู่ในช่วงกักตัว ให้บุคคลดังกล่าวทำตามข้อแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
ผู้ปฏิบัติงานทำความสะอาด ควรใส่ถุงมือทำความสะอาด, หน้ากากผ้า, ผ้ายางกันเปื้อน, รองเท้าผ้ายางหุ้มแข้ง หรือ รองเท้าบูทกันเชื้อโรค นอกจากนี้การหยิบขยะในแต่ละครั้งจำเป็นที่จะต้องใช้ไม้คีบอยู่เสมอ และการเก็บขยะที่ถูกต้องควรจะนำเอาขยะไปใส่ถุงขยะและปิดให้มิดชิด จากนั้นจึงนำไปกองรวมในที่พักขยะ หลังจากที่ปฏิบัติงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ควรทำคืออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
ผู้ปฏิบัติงานควรป้องกันตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อหรือการล้างมือด้วยสบู่ รวมไปการหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสบริเวณ หน้า ตา ปาก จมูก
![]() | หน้ากากผ้า ผ้ามัสลิน-โพลี-ผ้าสปันบอนด์กันน้ำ 3 ชั้น | |
![]() | CRAYONBRAND - MASK หน้ากากผ้า รุ่น 3D (ลายจุด) | |
![]() | Double Goose หน้ากากผ้า ห่านคู่ | |
![]() | Essence หน้ากากผ้า 3 ชั้น บี.ดั๊ก #01 | |
![]() | หน้ากากผ้าสาลู ลายเดซี่ เขียว | |
![]() | หน้ากากผ้า สำหรับเด็ก 3-12 ปี กรอง 5 ชั้น (มี 3 ชิ้นคละลาย) | |
![]() | Cherilon หน้ากากผ้า Cotton 100% มีช่องใส่แผ่นกรอง NSB-2DM01 | |
![]() | Welcare Set Filtered Waterproof Mask หน้ากากผ้ากันน้ำ | |
![]() | หน้ากาผ้าสำหรับเด็ก อายุ 3-11 ปี มีวาล์ว | |
![]() | หน้ากากผ้าลายผ้าขาวม้า + Face Shield 1 เซ็ต |
9. ให้ความรู้ผู้ปกครองและนักเรียนเกี่ยวกับโรคโควิด 19
ให้มอบหมายคุณครูได้จัดการเตรียมสื่อประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ เพื่อให้ความรู้และแนะนำนักเรียน เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อโควิด 19 ไม่ว่าจะเป็นการสอนวิธีล้างมือที่ถูกต้อง การใช้หน้ากากอนามัยที่ถูกวิธี หรือการปฏิบัติตัวในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค เพื่อให้นักเรียนรู้ว่า การกลับไปโรงเรียนในช่วงโควิด 19 ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร

ขอบคุณที่มาจาก: คู่มือการจัดการโรงเรียน รับมือโควิด 19, เพจ Facebook ศธ.360 องศา และเพจ Facebook กระทรวงศึกษาธิการ
การเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน
แนวทางของการจัดการเรียนการสอนของ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)
1. การเรียนผ่านหนังสือ
การเรียนการสอนแบบนี้เป็นการสอนขั้นพื้นฐานที่เหมือนกับการเรียนในช่วงสถานการณ์ปกติ โดยคุณครูมีการจัดเตรียมชีท เอกสาร หรือหนังสือมาให้นักเรียนได้อ่านและทำความเข้าใจ เพียงแต่ในภาคการเรียนที่จะถึงนี้อาจต้องมีการแบ่งกลุ่มเรียนให้จำนวนคนในแต่ละกลุ่มมีน้อยลง เพื่อที่จะสามารถรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ได้ หรืออีกวิธีหนึ่งคือการสื่อสารผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ ซึ่งคุณครูอาจจะมีการเข้าไปตรวจสอบและเยี่ยมนักเรียนที่บ้านบ้างตามความเหมาะสม
2. การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV)
ช่องทางโทรทัศน์ถือเป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงนักเรียนได้เกือบทั้งหมด ทั้งนี้การเรียนการสอนแบบนี้ยังเป็นสากลที่หลาย ๆ ที่ใช้กัน อีกทั้งทาง สอศ. จะมีการทำลิ้งก์เชื่อมโยงไปบนแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่าง ยูทูป (Youtube) และ เฟซบุ๊ก (Facebook) เพื่อให้ครอบคลุมและเข้าถึงนักเรียนได้มากขึ้นกว่าเดิม
3. การสอนผ่านออนไลน์
ด้วยเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้า จึงทำให้มีโปรแกรมฟรีที่สามารถใช้เป็นสื่อการสอนได้อย่าง Zoom และ Microsoft Team มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ในช่วงสถานการณ์โควิด 19 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สอศ. ก็พยายามที่จะผลักดันการสอนออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้การเรียนการสอนมีการพัฒนาให้เท่าทันเทคโนโลยี ถึงแม้ว่าในอนาคตสถานการณ์ของโรคระบาดจะคลี่คลายแล้วก็ตาม
4. การสอนสด (Live)
การเรียนการสอนแบบนี้จะมีประโยชน์กับในวิชาที่คุณครูกำลังคลาดแคลนอย่างเช่น สาขาช่างอากาศยาน โดยที่ผ่านมาสาขาวิชาดังกล่าวจำเป็นต้องจ้างบุคลากรภายนอกเข้ามาสอน แต่หากทางอาชีวะสามารถปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนมาเป็นลักษณะการสอนสด (Live) ได้ จะทำให้นักเรียนในวิทยาลัยทุกแห่งสามารถเรียนเนื้อหาวิชาดังกล่าวได้แบบพร้อม ๆ กัน
แนวทางของการจัดการเรียนการสอนของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)
1. เรียนปกติภายในโรงเรียน
หากโรงเรียนใดมีความพร้อมที่จะเปิดการเรียนการสอนก็ให้ดำเนินการเปิดได้ตามปกติ แต่ขอเพียงแค่ให้ดำเนินการสอนตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)
2. เรียนผ่านระบบทางไกล On Air
สามารถเรียนผ่านทาง DLTV สำหรับการเรียนการสอนของระดับอนุบาล – มัธยมศึกษาปีที่ 3 รวมถึงทีวีดิจิตอล 17 ช่อง ซึ่ง สพฐ. ทำการผลิตคลิปการสอนไว้สำหรับทุกระดับชั้น
3. เรียนผ่านระบบออนไลน์
นักเรียนสามารถเข้าไปในเว็บไซต์ สช. (www.opec.go.th) จากนั้นให้ทำการเลือกโรงเรียนต้นทางและกรอกข้อมูลทั้งหมด เพียงเท่านี้ก็สามารถเรียนผ่านระบบออนไลน์ได้แล้ว
แนวทางของการจัดการเรียนการสอนของ สำนักงาน กศน.
1. ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา (ETV)
หลักการสอนนี้เป็นการดำเนินการผลิตรายการโทรทัศน์และวิทยุ ให้กับคนทุกวัยได้เข้ามาศึกษาและเรียนรู้ตามอัธยาศัย ทั้งนี้ได้มีการเตรียมครูที่มีประสบการณ์และสามารถถ่ายทอดความรู้ได้เป็นอย่างดี มาสลับสับเปลี่ยนกันสอนผ่านทางโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) และช่องทางออนไลน์ของ ETV
2. การศึกษาทางไกล
การสอนแบบนี้จะเป็นการสอนผ่านทางแอปพลิเคชัน และช่องทางอื่น ๆ ที่ผู้เรียนสามารถศึกษาทางไกลได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเรียนรู้และให้การศึกษานั้นเข้าถึงผู้คนจำนวนมาก
กำหนดรูปแบบการจัดการเรียนการสอน ภาคเรียนที่ 1/2563 ตามประเภทของโรงเรียน
ประเภทโรงเรียน | โรงเรียนที่มี นร. ต่ำกว่า 120 คน |
โรงเรียนที่มี นร. ไม่เกิน 20/25 คน/ห้อง |
โรงเรียนที่มี นร. มากกว่า 20/25 คน/ห้อง |
โรงเรียนการศึกษาพิเศษ | โรงเรียน วัตถุประสงค์พิเศษ |
แบ่งออกเป็น | ✔ ไม่มี นร. และยกเลิกไม่ได้ ✔ ไม่มี นร. แต่ยังประกาศยกเลิกได้ |
✔ ไม่เกิน 20 คน/ห้อง (อนุบาล, ประถมศึกษา) ✔ ไม่เกิน 25 คน/ห้อง(มัธยมศึกษา) |
✔ รร. ขนาดกลาง ✔ รร. ขนาดใหญ่ ✔ รร. ขนาดใหญ่พิเศษ |
✔ รร. ศึกษาสงเคราะห์ ✔ รร. เฉพาะความพิเศษ ✔ ศูยน์การศึกษาพิเศษ |
✔ กลุ่ม รร. วิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ✔ กลุ่ม รร. กาญจนาภิเษกวิทยาลัย ✔ กลุ่ม รร. เฉลิมพระเกียรติ ✔ รร. กีฬา หรือ รร. ปกติที่มีห้องเรียนกีฬา ✔ ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัย ฯลฯ |
ลักษณะโรงเรียน | ✔ ใช้ DLTV 11,145 รร. ✔ ไม่ใช่ DLTV 3,438 รร. |
✔ นร. ประจำ ✔ นร. ไปกลับ ✔ นร. ประจำและไปกลับ |
✔ นร. ประจำ ✔ นร. ไปกลับ ✔ นร. ประจำและไปกลับ |
||
มาตรการป้องกัน ทางด้านสาธารณสุข |
✔ | ✔ | ✔ | ✔ | ✔ |
การจัดการเรียนการสอน | สอนปกติ (Onsite) ในรูปแบบการศึกษาทางไกล DLTV | สอนปกติ (Onsite) ร่วมกับ On-Air และแบบผสมผสาน (Blended) | สอนปกติ (Onsite) และแบบผสมผสาน (Blended)* | สอนปกติ (Onsite) และแบบผสมผสาน (Blended)* | สอนปกติ (Onsite) และแบบผสมผสาน (Blended)* |
1 สลับวันมาเรียน (จ./พ./ศ.) และ (อ./พฤ.) 2 สลับวันมาเรียน คู่/คี่ 3 สลับชั้นมาเรียน เรียน 5 วัน หยุด 9 วัน 4 สลับเวลามาเรียน สำหรับมาเรียนทุกวัน (เช้า/บ่าย) 5 แบ่งกลุ่ม นร. 2 กลุ่ม และสลับมาเรียนกัน โดยเป็นไปตามความเหมาะสมและบริบทของโรงเรียน |
* นักเรียนที่มาเรียนที่โรงเรียน และนักเรียนมาจากที่บ้าน ต้องได้รับการเรียนรู้ที่ไม่ต่างกัน โดยสามารถเชื่อมโยงการเรียนการสอนและแบบประเมินผลได้
ขอบคุณที่มาจาก: ศธ.360 องศา พัฒนาการศึกษาไทยไปด้วยกัน