เป็นที่ทราบกันกันอยู่แล้วนะคะว่าโรคโควิด 19 ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกและประเทศไทยของเราก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากเช่นกันค่ะ โดยเริ่มพบผู้ติดเชื้อมาตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2563 แล้วก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากการแพร่ระบาดในสนามมวยเวทีลุมพินีซึ่งทำให้มีผู้ติดเชื้อหลากหลายกลุ่ม หลังจากที่มีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากทางรัฐบาลไทยก็ได้ทำการล็อคดาวน์และประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินภายในประเทศทันที ซึ่งแน่นอนว่าการล็อคดาวน์นี้ทำให้สถานที่ต่าง ๆ ต้องปิดตัวลงโดยเฉพาะสถานที่ที่มีคนชุมนุมจำนวนมาก เช่น โรงภาพยนตร์ สถานบันเทิง แหล่งท่องเที่ยว ตลาด และที่สำคัญที่สุดคือการต้องปิดสถานศึกษาทั้งในมหาวิทยาลัยและในโรงเรียนค่ะ เป็นระยะเวลาประมาณเกือบ 6 เดือนแล้วที่หลายคนต้องปรับตัวเพื่อเรียนรู้วิธีป้องกันโควิด 19 เรียนรู้วิธีการปรับตัวเมื่อต้องใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่เพื่อให้ทุกดำเนินต่อไปให้ได้ในช่วงสถานการณ์โรคระบาดนี้
มาถึงวันนี้สถานการณ์โควิด 19 ในประเทศไทยของเราก็ดีขึ้นมากแล้วค่ะ แทบจะไม่มีผู้ติดเชื้อแล้ว ส่วนผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ก็ได้ทำการรักษาและให้กักตัวอยู่ในโรงพยาบาล เพื่อรักษาให้หายดีแล้วใช้ชีวิตได้ตามปกตินั่นเอง แน่นอนค่ะว่าเมื่อสถานการณ์โควิด 19 ดีขึ้น ทางรัฐบาลก็ได้มีมาตรการณ์ผ่อนคลายการล็อคดาวน์เริ่มเปิดพื้นที่ต่าง ๆ ให้เราได้กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมแต่ก็ยังต้องปฏิบัติตามหลัก social distancing (การเว้นระยะห่างจากสังคม) อยู่เหมือนเดิม หรือที่หลาย ๆ คนเรียกเรียกว่าการปรับชีวิตแบบ New Normal เพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่นค่ะ การที่รัฐบาลประกาศคลายล็อคดาวน์ทำให้สถานศึกษาได้กำหนดการเรียนการสอนและการเปิดเทอมในภาคเรียนใหม่/2563 ในต้นเดือนกรกฎาคมนี้ หลังจากที่ต้องเรียนออนไลน์จากที่บ้านอยู่นานมากเลยทีเดียว

เรื่องการเรียนเป็นเรื่องที่สำคัญค่ะ แต่ผู้ปกครองหลายคนยังคงกังวล เพราะโรงเรียนนั้นมีเด็กไปเรียนเป็นจำนวนมาก ไม่อาจแน่ใจว่าสถานศึกษาและนักเรียนนั้นได้ปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องหรือไม่? หรือตัวนักเรียกจะมีวิธีปฏิบัติตัวในการป้องกันโควิดอย่างถูกต้องหรือเปล่า? แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลไปค่ะเพราะทางสถานศึกษาย่อมมีวิธีการป้องกันโควิด 19 ที่รัดกุมอยู่แล้วนั่นเองค่ะ และในวันนี้เรื่องโรคระบาดไม่ได้เป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทยเราอีกต่อไป ทุกอย่างต้องเริ่มต้นที่ตัวเราก่อนถ้าเราป้องกันตัวเองดีมากก็ถือว่าเราได้ทำเพื่อส่วนรวมแล้วค่ะ วันนี้เราก็มีคำแนะนำมาฝากผู้ปกครองกันเกี่ยวกับเรื่อง “ข้อปฎิบัติสำหรับผู้ปกครอง ในสถานการณ์โควิด 19” มาฝากกันค่ะว่าผู้ปกครองแบบเราจะต้องทำอย่างไรบ้างเมื่อลูกเริ่มไปโรงเรียน เราจะต้องอธิบายให้ลูกเข้าใจอย่างไร การใช้สื่อการสอน เช่น อีบุ๊ค (Ebook) ใบกิจกกรม หรือเพลง เป็นตัวช่วยในการอธิบายก็ถือว่าเป็นไอเดียที่ดีเช่นกันนนะคะ เราไปดูกันเลยค่ะ 🙂
ข้อปฎิบัติสำหรับผู้ปกครอง ในสถานการณ์โควิด 19
1. อธิบายให้ลูกเข้าใจเกี่ยวกับโรคโควิด 19
ข้อแรกนี้เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่ยังมีลูกเล็ก ๆ ค่ะ เพราะเด็กเล็กอาจจะมีพัฒนาการไม่เต็มที่ มีความกลัวและวิตกกังวลสูง เด็ก ๆ ในวัยนี้อาจมีคำถามสำหรับผู้ปกครองเกี่ยวกับโรคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเปลี่ยนกิจวัตรตามปกติ เด็ก ๆ อาจแสดงอาการกังวลเกี่ยวกับตัวเอง ครอบครัวและเพื่อน ๆ โดยคุณสามารถบอกลูกเกี่ยวกับรายละเอียดของโรคนี้ได้ หากลูกไม่ยอมรับฟังให้เล่าเป็นนิทานแทนค่ะ
2. หากลูกมีไข้ไม่ควรให้ไปโรงเรียน
หากลูกมีไข้หรือมีอาการคล้ายโควิด 19 การใช้ปรอทวัดไข้และอุปกรณ์วัดไข้กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกบ้านต้องมีค่ะ หากเราสังเกตว่าลูกเริ่มมีไข้ ตัวร้อน มีอาการไอ ห้ามให้ลูกไปโรงเรียนเด็ดขาด หากลูกอาการไม่ดีขึ้นควรไปพบหมอในทันที และรักษาอาการไข้ให้หายก่อนไปโรงเรียน อาจจะตรวจวัดอุณหภูมิของลูกตอนเช้าก่อนไปโรงเรียนเป็นประจำ เพื่อการป้องกันที่รัดกุมมากขึ้น หากเพิ่งกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงโควิดต้องให้ลูกหลานหยุดเรียน 14 วัน เพื่อกักตัวและดูอาการและอย่าลืมที่จะให้ลุกปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

3. สอนลูกเรื่องสุขอนามัย
เรื่องสุขอนามัยเป็นเรื่องที่จำเป็นมากถึงแม้ว่าจะไม่มีโรคระบาดแต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาตลอด หากเด็กในวัยที่โตพอที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเองได้แล้ว ผู้ปกครองควรกำชับให้เด็กล้างมือเป็นประจำ โดยอาจจะใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ สบู่เหลวล้างมือ ล้างทุกครั้งก่อนที่จะสัมผัสกับใบหน้า จมูกหรือปาก ส่วนในเด็กเล็กผู้ปกครองควรหัดให้เป็นนิสัยพูดถึงข้อดีในการล้างมือ อาจจะหาหรือคิดนิทานที่เดี่ยวกับเชื้อโรคเพื่อให้ลูกได้รู้ว่าเชื้อโรคตัวเล็ก ๆ นั้นอันตรายเพียงใด
4. อย่าลืมจัดเตรียมข้าวของให้ลูก
ในช่วงนี้เรื่องความปลอดภัยเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ในทางทีดีคุณพ่อคุณแม่ควรเตรียม ช้อนส้อม,แก้วน้ำ หรือขวดน้ำส่วนตัวไว้ให้ลูก เพื่อที่จะได้ไม่ปะปนกับคนอื่น หากพ่อแม่คนไหนกังวลเรื่องอาหาร อาจจะเตรียมข้าวใส่กล่องข้าวไปให้ลูก แต่หากไม่มีเวลาเพียงพอกำชับลูกเรื่องการทานข้าว ให้ล้างมือก่อนทานข้าว ใช้ช้อนกลางหากต้องทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ให้ดื่มน้ำจากแก้วน้ำส่วนตัวเท่านั้น ห้ามดื่มร่วมกันกับผู้อื่นถึงแม้จะมีการใช้หลอดคนละอันก็ไม่สามารถทำได้
5. เจลแอลกอฮอล์ล้างมือและสบู่เหลวล้างมือ
อย่าลืมที่จะซื้อเเจลแอลกอฮอล์ล้างมือหรือสบู่เหลวล้างมือให้ลูกทุกครั้ง ควรใส่ไว้ในกระเป๋านักเรียนเป็นประจำเพื่อให้ลูกได้ล้างมือหลังจากทำกิจกรรมต่าง ๆ นักเรียนระดับมัธยมเราอาจจะกำชับเขาทุกครั้งก่อนออกจากบ้านว่าให้ใช้เจลล้างมือทุกครั้ง ส่วนในเด็กเล็กเราต้องทำให้เขาดูก่อนว่าสามารถล้างได้อย่างไร อาจจะเลือกเจลแอลกอฮอล์ที่มีกลิ่นหอมเพื่อดึงดูดให้เด็กชอบล้างมือมากยิ่งขึ้น หากผู้ปกครองท่านใดอยากประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็สามารถทำเจลแอลกอฮอล์ล้างมือด้วยตัวเองได้ แต่ควรระมังระวังและเรียนรู้ถึงความแตกต่างระหว่างเอทิลแอลกอฮอล์และเมทิลแอลกอฮอล์ ด้วยนะคะเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

6. กำชับเรื่องการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย
เด็กนักเรียนที่ไปโรงเรียนจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่ออยู่ในพื้นที่โรงเรียน ยกเว้นขณะรับประทานอาหาร คุณพ่อคุณแม่ควรกำชับเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยและควรเลือกหน้าอนามัยที่ดีสำหรับลูกหากเลือกหน้ากากผ้าควรจะเป็นผ้ามัสลินแบบหนาสามารถกันน้ำ อย่างผ้าฝ้ายมัสลินหรือผ้าสาลู ที่กันละอองได้และอาจจะมีช่องสำหรับใส่แผ่นกรองอากาศด้วย แต่ในส่วนนี้เราสามารถทำหน้ากากผ้าเองได้ค่ะ ประหยัดเงินไปได้มาก อีกทั้งยังสามารถเลือกเกรดผ้าได้ด้วย หากเลือกหน้ากากอนามัยควรเลือกที่ได้รับมาตรฐาน ไม่ควรเลือกที่ราคาถูกหรือวัสดุที่บางมากจนเกินไป
7. ผู้ปกครองต้องสวมหน้ากากด้วยเช่นกัน
ผู้ปกครองต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากอนามัยด้วยทุกครั้งเมื่อออกไปนอกบ้านเช่นกันนะคะ ไม่ว่าจะไปส่งหรือรับลูกจากการไปโรงเรียน หากผู้ปกครองไม่สวมลูกอาจจะเลียนแบบพฤติกรรมได้ ดังนั้นเมื่ออกไปข้างนอกทุกครั้งควรสวมหน้ากากอนามัย แต่เมื่ออยู่ร่วมกันที่บ้านสามารถถอดได้ตามปกติ อีกทั้งทุกคนภายในบ้านจะต้องเสริมสร้างสุขนิสัยในการใช้ชีวิต ด้วยการล้างมือทุกครั้งเมื่อจะรับประทานอาหาร ก่อนและหลังเข้าห้องน้ำและทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายในบ้าน

8 การรับ – ส่งลูก
เมื่อคุณต้องส่งลูกไปโรงเรียนควรปฏิบัติตามกฏการป้องกันโควิด 19 ของโรงเรียนอย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัย จอดรดในพื้นที่ที่โรงเรียนกำหนด หากโรงเรียนมีการแยกโซนเพื่อรับส่งลูกโดยตรงให้ปฏิบัติตามนั้นและควรเว้นระยะห่างต่อผู้ปกครองคนอื่นไม่น้อยกว่า 1 เมตร หรือเข้าตามช่องที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้และอย่าลืมให้ความร่วมมือเมื่อต้องผ่านจุดคัดกรองของโรงเรียนก่อนเข้าไปรับหรือส่งลูก
9. ผู้ปกครองควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการของโควิด 19
ในบางครั้งหลายคนอาจจะแยกไม่ออกว่าลูกของท่านเป็นไข้หวัดธรรมดาหรือว่าเป็นโรคโควิด 19 วันนี้เราก็มีตารางบอกถึงความแตกต่างของโควิด 19 และไข้หวัดธรรมดามาฝากกันค่ะ
อาการ | โควิด-19 (COVID-19) | ไข้หัวดธรรมดา |
มีไข้ | ไม่ไข้สูงมากกว่า 37 องศา | มีไข้สูงเพียงแค่ 3-4 วัน หลังจากนั้น อาการจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด |
ไอ จาม เสมหะ | มีอาการทั้งไอแห้งหรือไอมีเสมหะ และเจ็บคอนานเกิน 4 วัน กรณีมีเสมหะอาจมีเลือดติดมา |
มีอาการไอหรือจามเล็กน้อย หลังจาก3-4 วัน อาการจะดีขึ้น |
ท้องเสีย | บางคนมีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสีย | ไม่มีอาการ |
หายใจลำบาก | หายใจไม่สะดวก ติดขัด เจ็บหน้าอก อาจจะรุนแรงถึงปอดอักเสบหรือปอดบวม |
เกิดจากการคัดจมูก มีน้ำมูกอัดตัน ทำให้หายใจไม่สะดวก |
ปวดเมื่อยตามตัว | ปวดเมื่อย ตามตัว หนื่อยล้า อ่อนเพลีย ปวดข้อ | อ่อนเพลีย ปวดตามตัว |
10. หากลูกของคุณมีโรคประจำตัว
ข้อนี้เป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ หากลูกของผู้ปกครองท่านใดมีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ มีอาการคัน มีน้ำมูกไหล ครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นประจำควรเขียนชาร์ตหรือให้แพทย์ออกใบรับรองให้เพื่อนำไปยื่นที่โรงเรียน เพื่อบ่งบอกว่าลูกของเรามีโรคประจำตัวเท่านั้นไม่ได้เป็นไข้และไม่ได้ติดเชื้อโควิด 19
11. แนะนำให้ลูกทำความสะอาดอุปกรณ์การเรียน
เรื่องความสะอาดต้องมาเป็นที่หนึ่งค่ะ ดังนั้นของทุกอย่างจะต้องสะอาดไม่ว่าจะเป็น ปากกา ดินสอ ยางลบ ปากกาลบคำผิด อุปกรณ์การเรียนอื่น ๆ รวมถึงโต๊ะ เก้าอี้ และกระเป๋านักเรียนก็ควรทำความสะอาดค่ะ อาจจะใช้เป็น Alcohol Pad (แผ่นแอลกอฮอล์), แผ่นเช็ดทำความสะอาด, สเปร์ยฆ่าเชื้อหรืออาจจะทำสเปรย์แอลกอฮอล์เองให้ลูกก็ได้ค่ะ ประหยัดเงินได้มากและควรกำชับให้ลูกเช็ดทำความสะอาดทุกครั้งก่อนละหลังใช้ และหากมีเด็กเล็กพ่อแม่เองก็ควรที่จะทำความสะอาดของเล่นก่อนให้ลูกเล่นด้วยเพื่อความสะอาดและการใช้งานที่ปลอดภัย

12. การซักผ้าให้ลูก
เมื่อเราสวมใส่เสื้อผ้านั้นเราต้องทำความสะอาดเสื้อผ้าทุกครั้งก่อนที่จะสวมใส่ใหม่เช่นเดียวกับเสื้อผ้านักเรียนของลูกค่ะ เราจะจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดด้วยน้ำยาซักผ้า ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อก็ได้ อีกทั้งคุณยังสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผ้าขาวและผ้าสีชนิดเข้มข้นได้ เพราะมันมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคอยู่แล้วแต่อย่าลืมอ่านฉลากให้ดี ควรมองหาน้ำยาซักผ้าขาวที่มีโซเดียมไฮโปคลอไรท์ (sodium hypochlorite) เมื่อซักผ้าด้วยน้ำยาซักผ้าขาวหรือไฮเตอร์ อย่าลืมนำมันไปเจือจางก่อนใช้อาจจะผสมผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว 1 ส่วนต่อน้ำสะอาด 11 ส่วนก็ได้ค่ะ เมื่อผสมแล้วมันจะกลายเป็นน้ำยาฆ่าเชื้อในทันทีแต่อย่าทิ้งไว้นานเกินไปเพราะมันมีฤทธิ์กัดกร่อนที่สูงมากเสื้อผ้าอาจจะเสียหายได้ สวมถุงมือทำความสะอาดทุกครั้งก่อนซักหรือแช่เพื่อป้องกันมือและผิวหนัง หากคุณสงสัยว่าตอนนี้เราสามารถใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญสาธารณะได้ไหม ? เราขอแนะนำให้ซักผ้าที่บ้านไปก่อนค่ะ หลีกเลี่ยงการซักผ้าในเครื่องซักผ้าสาธารณะเพื่อความปลอดภัยของคุณและครอบครัวค่ะ
![]() | Hygiene ไฮยีนน้ำยาซักผ้าขาว | |
![]() | ไฮเตอร์ น้ำยาซักผ้าขาว สีฟ้า | |
![]() | Dettol Antiseptic Disinfectant | |
![]() | Clorox 1.89 ลิตร โซเดียมไฮโปคลอไรท์ 6.00% (8 ขวด) |
13. กำชับให้ลูกอาบน้ำทุกครั้งเมื่อกลับมาจากโรงเรียน
เด็กๆ ทุกคนมักจะเพลิดเพลินกับการเล่นด้วยชุดนักเรียนค่ะ แต่ในช่วงสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจนี้ผู้ปกครองต้องกำชับลูกให้อาบน้ำทุกครั้งเมื่อกลับมาจากโรงเรียน ทั้งนี้ทั้งนั้นการอาบน้ำนี้จะช่วยป้องกันเชื้อโรคที่ลูกพบเจอมาได้ อีกทั้งควรห้ามไม่ให้ลูกใช้มือสัมผัสใบหน้าหากไม่จำเป็นแตาหากจำเป็นให้ล้างมือหรือใช้เจลแอลกอฮอล์ก่อนค่ะ
14. หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปสถานที่แออัด
เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วค่ะว่าช่วงนี้เราควรเว้นระยะห่างทางสังคม ดังนั้นงดเว้นการพาบุตรหลานไปในที่ที่มีคนแออัด เช่น ตลาดนัด นิทรรศการ หากจำเป็นที่จะต้องเดินทางอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัยและพกเจลแอลกอฮอล์ติดตัวไปด้วย
15. รับประทานอาหารที่ปรุงสุก
เชื้อโรคต่าง ๆ สามารถทำให้ไม่สบายได้ โดยเฉพาะอาหารเมื่อรับประทานอาหารร่วมกันคุณพ่อคุณแม่จะต้องนำอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ ให้ลูกรับประทาน อีกทั้งควรส่งเสริมให้ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่มีผักและผลไม้ทุกมื้อ ส่งเสริมการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง เมื่อร่างกายแข็งแรงแล้วมันก็จะสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อที่เราจะได้ห่างไกลจากโรคโควิดและโรคอื่น ๆ
และนี่คือ 15 วิธีที่ผู้ปกครองควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเมื่อลูกจะต้องไปโรคเรียนค่ะ อย่าลืมว่าเรื่องความสะอาดเป็นเรื่องสำคัญมากทั้งการใช้ชีวิตนอกบ้านและในบ้าน อย่าลืมที่จะดูแลเรื่องความสะอาดของคนในครอบครัว ควรที่จะทำความสะอาดบ้านบ่อย ๆ ด้วยการกวาดขยะ ถูพื้นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ทำความสะอาดเครื่องประดับ แว่นตา ทุกชิ้นเมื่อต้องสวมใส่ไปข้างนอก เพราะเราไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าเชื้อโรคนั้นมันจะเข้ามาสู่เราเมื่อไหร่ แต่เราก็ควรที่จะป้องกันตัวเองและครอบครัวให้ดีที่สุดก่อน ถึงแม้ว่าสถานการณ์โควิด 19 จะเริ่มคลี่คลายแล้วแต่เราก็ยังไว้ใจไม่ได้ค่ะและเราอาจจะต้องใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกยาวนาน ดังนั้นหากผู้ปกครองอยากดูแลคนในครอบครัวให้ดีที่สุดอย่าลืมเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับลูก ทำทุกอย่างให้ลูกดูเพราะเขาจะเริ่มซึมซับและเริ่มดูแลตัวเองจนติดเป็นนิสัยนั่นเองค่ะ สำหรับวันนี้เราก็มีเคล็ดลับมาบอกเพียงเท่านี้ วันหน้าเราจะมีเคล็ดลับหรือคำแนะนำอะไรมาฝากกันนั้นอย่าลืมติดตามกันนะคะ 🙂
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก: คู่มือการจัดการโรงเรียน รับมือโควิด 19