20 ไอเดีย ตั้งปณิธานปีใหม่ – (ฉันจะ) เป็นคนใหม่ (ที่ดีกว่าเดิม)

เนื่องในโอกาสวันปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เราเลยอยากจะชวนให้คุณมาเริ่มตั้งเป้าหมายตั้งปณิธานในชีวิตสำหรับปี 2024 กันค่ะ การที่เราได้ตั้งเป้าหมายไว้ล่วงหน้าก็ถือว่าเป็นการวางแผนที่ดี อย่างน้อย ๆ คุณก็จะได้รู้ว่าคุณมีสิ่งที่ต้องทำ มันเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองอย่างหนึ่งและเป็นการย้ำเตือนว่าชีวิตของคุณไม่ได้ว่างเปล่า เพราะชีวิตของคนเราเปรียบเสมือนของขวัญที่มีค่าที่สุดค่ะ ดังนั้นวันนี้เราจึงมีไอเดียดี ๆ สำหรับตั้งปณิธานปีใหม่ 2024 มาฝากกันค่ะ ซึ่งไอเดียทั้งหมดหากว่าคุณตั้งใจ คุณทำได้แน่นอนค่ะ และเมื่อถึงวันนั้นคุณก็เตรียมโบกมือว่าตัวเองในเวอร์ชันเดิม และเตรียมต้อนรับตัวเองในเวอร์ชันใหม่ได้เลย

 

1.เริ่มต้นด้วยการรักตัวเอง

สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดที่เราอยากจะให้ทุกคนได้เริ่มฝึกในปี 2024 นั่นก็คือ ‘การกลับมารักตัวเอง’ หรือ ‘Self Love’ อาจจะเป็นเรื่องยากนะคะ แต่มันก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของคุณเป็นแน่ ลดความกดดันลงบ้างก็ได้ ลดความเครียดลงบ้างก็ดี บางครั้งการเรียนรู้ที่จะชมเชยตัวเองหรือเมตตาต่อตัวเองมากขึ้นก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้คุณบรรเทาความเครียดเรื้อรังได้ อย่างเช่น การพูดกับตัวเองในเชิงบวก “วันนี้เป็นวันของฉัน ฉันขอบคุณตัวเองมากที่ผ่านมันมาได้” ประโยคเหล่านี้เป็นการให้กำลังใจตัวเองและสามารถช่วยให้คุณจดจ่อกับสิ่งที่ดีในชีวิตของคุณได้ มันทำให้คุณรู้สึกมีความสุขและพอใจกับชีวิตของตัวเองมากขึ้นค่ะ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการนอนหลับของคุณได้ดีอีกด้วย

หากลองมองกลับไปเราให้อภัยคนอื่นได้ เราทำดีกับคนอื่น แถมเรายังชื่นชมและให้กำลังใจคนอื่นด้วยคำพูดในเชิงได้ด้วย แต่กับตัวเราเอง เรากลับหลงลืมสิ่งเหล่านี้ไปเสียสนิท คนเราส่วนใหญ่มักจะชอบขึงตัวเองให้ตึงอยู่ตลอดเวลา ตึงขนาดที่ว่าพร้อมที่จะขาดได้ทุกเมื่อ ไม่เคยเลยที่จะผ่อนคลายตัวเอง กล่าวชมตัวเอง หรือให้รางวัลตัวเอง ดังนั้นแล้วในปีใหม่นี้ก็เป็นโอกาสดีค่ะที่จะเริ่มต้นรักตัวเองให้มากขึ้นและหยุดความคิดลบ ๆ ที่ติดตัวมานาน โปรดจงทิ้งมันไว้ในปีเก่าเถอะนะคะ


2. ฝึกเป็นคนรู้จักเก็บออม

“การเก็บออม” เป็นปณิธานปีใหม่อันแรงกล้าของหลาย ๆ คน ที่ต้องการจะให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น การประหยัดรู้จักเก็บออมจะช่วยให้คุณมีชีวิตที่มั่นคงในระยะยาว สิ่งนี้เป็นคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ที่มาตั้งแต่คุณเริ่มจำความได้ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีรายจ่ายจิปาถะมากมาย โดยที่คุณเองก็ไม่รู้ว่าในแต่ละเดือนหมดเงินไปกับเรื่องอะไรบ้าง แต่มารู้ตัวอีกทีก็ตอนสิ้นปีที่เหมือนสิ้นใจ เพราะคุณแทบไม่มีเงินเก็บหรือไม่มีสิ่งของมีค่าใด ๆ เป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง แน่นอนค่ะว่าเมื่อมาถึงจุดนี้ คุณคงเริ่มวิตกกังวลรู้สึกว่าอนาคตช่างมืดมนจนอยากจะเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ในทันที แต่การจะให้เปลี่ยนนิสัยใช้เงินแบบมือเติบได้อย่างรวดเร็วทันใจก็เป็นเรื่องยากเหมือนกัน หากคุณไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนอย่างภาระหนี้สิน ลูก หรือครอบครัว เรารับรองได้ว่าปณิธานปีใหม่ข้อนี้คงไม่สำเร็จแน่นอนค่ะ

การวางแผนการเงิน
การวางแผนการเงิน

สิ่งเดียวที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จและไปถึงจุดหมายได้ดั่งที่หวัง คือ “การวางแผนการเงิน” ซึ่งสิ่งสำคัญคือคุณจะต้องมีอะไรที่คอยเตือนใจและยึดเหนี่ยวคุณให้กลับมาเข้าที่เข้าทางในยามที่คุณรู้สึกหมดหวัง หากเป็นเมื่อก่อนเราขอบอกว่าน้อยคนนักที่จะทำได้ค่ะ เพราะคุณจะต้องอาศัยความมุ่งมั่นอันแรงกล้าในการฝึกตัวเอง แต่ในยุคที่สมาร์ทโฟนครองเมืองเช่นนี้ คุณสามารถใช้แอปพลิเคชันในการช่วยให้คุณรู้จักเก็บออมและประหยัดเงินได้อย่างง่ายดาย อาทิเช่น แอป Mint และแอป You Need a Budget (YNAB) ที่เป็นตัวจัดการและจัดระเบียบด้านการเงิน ทำให้คุณบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นค่ะ

Mint Personal Finance & Money
Mint
ดาวน์โหลด สำหรับ iOS ดาวน์โหลด สำหรับ Android

YNAB (You Need A Budget)
YNAB
ดาวน์โหลด สำหรับ iOS ดาวน์โหลด สำหรับ Android

3. เริ่มต้นเปลี่ยนมาทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

หลาย ๆ คน เริ่มตระหนักได้ว่าเมื่อตัวเองมีอายุที่มากขึ้นสุขภาพก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ แม้ว่าในช่วงวัยรุ่นคุณจะใช้ร่างกายอย่างสมบุกสมบันขนาดไหน แต่ก็ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับชีวิตที่ดีกว่า ดังนั้นการหันมาดูแลตัวเองที่เริ่มจากสิ่งใกล้ตัวอย่าง “อาหารการกิน” ซึ่งเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดที่คุณก็สามารถทำได้ในการเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่

ทานผักและผลไม้มากขึ้น

หลาย ๆ คนก็อยากทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเปลี่ยนอาหารที่ทานเป็นประจำได้ในเวลาอันรวดเร็ว คุณเคยเห็นเพื่อน ๆ หรือคนใกล้ตัวของคุณต้องล้มเลิกความใจในการลดน้ำหนักหรือการหันมาทานอาหารสุขภาพบ่อย ๆ มั้ยคะ นั้นเป็นเพราะพวกเขามีความตั้งใจมากเกินไป สิ่งที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จได้คือการเดินทางสายกลางแบบที่ไม่รีบร้อนและไม่เร่งรัด ดังนั้นสิ่งที่เราอยากแนะนำคือการเริ่มต้นทานอาหารที่เป็นประโยชน์จากสัปดาห์ละครั้งและค่อย ๆ ปรับจำนวนวันขึ้นมาตามความเหมาะสมที่คุณพอจะรับไหว โดยที่คุณไม่รู้สึกเหมือนโดนบังคับ

คุณอาจจะเริ่มต้นด้วยการทานอาหารเช้าแบบคลีนง่าย ๆ ที่ใช้เวลาไม่นาน, อาหารแคลอรี่ต่ำ หรือจะเป็นการงดทานอาหารที่ทำให้น้ำหนักขึ้นได้ง่ายอย่างของทอดและของหวาน ทั้งนี้หากคุณเป็นคนที่ชอบเข้าครัวทำอาหารทานเอง เราแนะนำให้คุณใช้วิธีการปรุงอาหารด้วย หม้ออบลมร้อน, หม้อทอดไร้น้ำมัน, เตาอบ หรือเน้นเป็นปรุงอาหารให้สุกด้วยการต้มหรือนึ่งก็เข้าท่าค่ะ เคล็ดลับอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นทานอาหารคลีนคือการใช้เครื่องเทศสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมเป็นส่วนประกอบในมื้ออาหารเพื่อลดความจำเจ หรือจะเป็นเครื่องปรุงอาหารคลีนที่มีขายสำเร็จรูปก็ได้เช่นกันค่ะ เพียงแค่คุณเริ่มและลงมือทำไม่ว่าวันนี้ พรุ่งนี้ หรือว่าจะเริ่มต้นปีหน้าก็ยังไม่สาย ยิ่งถ้าหากว่าเป็นเรื่องสุขภาพแล้วด้วยยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งจะส่งผลดีกับตัวคุณเองเร็วเท่านั้นค่ะ


4.พยายามอ่านหนังสือเพิ่มเติม

ต้องยอมรับนะคะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ไม่ชอบการอ่านหนังสือ หลาย ๆ คน ที่เห็นเป้าหมายของเราในข้อนี้อาจถึงกับต้องเลื่อนข้ามไปอย่างรวดเร็ว แต่ช้าก่อนค่ะ!! เพราะหนังสือนั้นไม่มีเพียงแต่ความรู้ประเภทเดียวเท่านั้น บางครั้งคุณอาจจะตั้งเป้าหมายเป็นหนังสือประเภทอื่น ๆ ก็ได้ค่ะ สาเหตุที่เราอยากแนะนำให้คุณหมั่นอ่านหนังสือในแต่ละปีนั้น ก็เพราะหนังสือจะช่วยขัดเกลาเปลี่ยนทัศนคติของคุณได้ในทางอ้อม โดยที่คุณไม่รู้สึกว่ามีใครมาคอยสั่งคอยสอนบังคับให้คิด เพราะการอ่านหนังสือเรื่อย ๆ จากหนึ่งหน้าไปเป็นหนึ่งเล่ม จากหนึ่งเล่มไปเป็นสองเล่ม ก็เปรียบเสมือนการปอกหัวหอมทีละชั้น ๆ ที่จะค่อย ๆ เปลี่ยนมิติของคุณให้เป็นคนที่รู้จักคิด ใช้เหตุผล และมีมุมมองที่หลากหลาย สิ่งเหล่านี้จะส่งเสริมให้คุณใช้ชีวิตประจำวันเป็นประชากรที่มีคุณภาพในสังคมได้เป็นอย่างดี

รูปภาพจาก amazon.com

ซึ่งการอ่านหนังสือก็ไม่จำเป็นต้องอ่านในรูปแบบที่เป็นเล่มเสมอไป เพราะปัจจุบันนี้โลกของเราได้พัฒนาไปไกลแล้ว คุณสามารถอ่านหนังสือได้จากสิ่งที่เรียกว่า Ebook โดยคุณจะอ่านผ่านคอมพิวเตอร์, โน๊ตบุ๊ค, แท็บเล็ต, สมาร์ทโฟน หรือจะเป็นเครื่องอ่าน Ebook ที่ได้รับการออกแบบให้ถนอมสายตาโดยเฉพาะก็ได้เช่นกันค่ะ และสำหรับใครที่ตั้งใจว่าปีหน้าจะเริ่มอ่านหนังสือแต่ก็ยังไม่รู้จะเริ่มอ่านหนังสืออะไรดี หนังสือเล่มไหนน่าสนใจ หนังสือเล่มไหนน่าติดตามก็ไม่ต้องเป็นกังวลค่ะ เราขอแนะนำให้คุณลองฟังพอดแคสต์ที่มีชื่อว่า ‘Readery Podcast‘ ก็จะช่วยได้มาก โดยพอดแคสต์อันนี้ก็จะเป็นพอดแคสต์แนะนำหนังสือที่ฟังง่าย ใช้เวลาไม่นานก็ช่วยให้คุณค้นพบหนังสือเล่มโปรดได้แล้วล่ะคะ


5. เข้าร่วมคลับหรือชมรมต่าง ๆ ที่สนใจ

การหางานอดิเรกใหม่เป็นสิ่งหนึ่งจะช่วยให้คุณมีทักษะความสามารถเพิ่มขึ้น ทั้งยังเป็นการเสริมสร้างทักษะการเข้าสังคมที่ต่างไปจากสังคมเดิม ๆ ช่วยให้คุณได้พบปะผู้คนใหม่ ๆ ที่มีอุดมการณ์ตรงกับคุณ สิ่งเหล่าเป็นเหมือนการคัดกรองคนให้คุณไปในตัว หากคุณเป็นคนที่ขี้อายและไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน คุณอาจจะเริ่มจากการพบปะเพื่อนใหม่ทางเพจเฟสบุ๊คที่เป็นชมรมต่าง ๆ ตามที่คุณสนใจก่อนก็ได้ค่ะ


6. สร้างตารางการทำความสะอาด

“ความสะอาด” และ “ความเป็นระเบียบ” ถือเป็นพื้นฐานที่ทุกคนควรจะทำให้เป็นนิสัย การดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อยในทุก ๆ วัน เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถ หากคุณรู้จักจัดตารางเวลาในการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เช่น ทำความสะอาดทุก ๆ สัปดาห์ วิธีนี้จะช่วยให้คุณจะไม่รู้สึกเหนื่อยจนเกินไปเนื่องจากคุณทำเป็นประจำอยู่แล้ว เคล็ดลับในการทำความสะอาดให้สนุกคือคุณจะต้องมีเครื่องช่วยในการทุ่นแรง หากคุณยุ่งจนไม่มีเวลาว่างจะเก็บเศษผมที่ร่วงหรือขนเจ้าแมวเหมี้ยวบนพื้นห้องเลย คุณอาจจะใช้เป็นหุ่นยนต์ทําความสะอาดในการปัดกวาดแทนก็ได้ค่ะ หรือหากคุณไม่มีเวลาในการนำหมอน ผ้าห่ม และที่นอนออกมาตากแดดฆ่าเชื้อโรค คุณอาจจะใช้เป็นเครื่องดูดไร้ฝุ่นแบบรังสี UV หรือแบบที่มีตัวกรองเชื้อโรค HEPA เป็นตัวช่วยในการทำความสะอาดที่นอนก็ได้เช่นกัน อีกทั้งยังใช้เวลาเพียงไม่นาน ไม่ต้องตากแดดเป็นวัน ๆ อีกด้วยค่ะ เห็นมั้ยคะว่าการทำความสะอาดที่เป็นเรื่องยุ่งยากก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายไปในทันที

สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้สินค้าลดราคาในช้อปปี้ & ลาซาด้า - ดีลดี เบสท์รีวิวเลือกให้

นอกจากเหนือจากเรื่องของการทำความสะอาดแล้วอีกหนึ่งสิ่งที่เราอยากจะแนะนำให้คุณได้ลองนำมาปรับใช้นั่นก็คือการจัดระเบียบบ้าน อะไรที่ไม่ได้ใช้งานแล้วก็ต้องทิ้งไปบ้าง ซึ่งหลักการที่นำมาใช้ได้ก็คงจะหนีไม่พ้นหลักการจัดบ้านด้วยเทคนิค ‘Spark joy ‘ ของ Marie Kondo คือเมื่อของใช้ชิ้นนั้นไม่ได้ทำให้คุณรู้สึก ‘สปาร์ค’ ไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้น สนุกสนาน หรือไม่ได้มีผลอะไรต่อความรู้สึกของคุณเหมือนช่วงแรก ๆ นั่นอาจจะถึงเวลาที่จะทิ้งของสิ่งนั้นแล้วล่ะค่ะ


7. ดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง

แอลกอฮอล์ยังมีพลังงานสูงรองจากไขมัน ไม่เหมาะสำหรับคนที่ลดน้ำหนัก

คุณรู้อยู่แล้วว่าคุณไม่มีความจำเป็นที่จะดื่มแอลกอฮอล์แบบจริงจังเป็นนักแข่งมาราธอน เพราะมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อสุขภาพร่างกายเลย (แต่หากเป็นการดื่มในปาร์ตี้เพื่อความสนุกสนานนาน ๆ ครั้งก็จะพออนุโลมอะลุ่มอล่วยกันได้) การงดหรือลดการดื่มแอลกอฮอล์สามารถปรับปรุงอารมณ์, การนอนหลับ, ผิวพรรณ, ปัญหาลงพุงไขมันสะสม และระบบภูมิคุ้มกันของคุณได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณประหยัดเงินได้อีกด้วย 🙂 เห็นรึยังคะว่ามีแต่ได้กับได้ ใครที่มีเป้าหมายในเรื่องนี้ก็อย่างรอช้ารีบลงมือทำเพื่อที่จะเป็นคนใหม่ที่ดีกว่ากันเถอะค่ะ


8. เลิกสูบบุหรี่

บุหรี่เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสุขภาพของคุณโดยเฉพาะปอด ทั้งยังทำให้คุณมีกลิ่นปากและมีฟันเหลืองอีกด้วย บุหรี่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ตัวผู้สูบและผู้คนที่อยู่รอบข้าง บุหรี่มีขายตามท้องตลาดเป็นจำนวนมากและหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าทั่วไปนั่นจึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุค่ะที่ทำให้ทุกครั้งที่คุณคิดจะเลิกแต่ก็เลิกไม่ได้เสียที ดังนั้นเพื่อที่จะช่วยให้คุณได้เริ่มต้นเลิกบุหรี่อย่างรวดเร็ว เราแนะนำให้คุณเริ่มจากการอ่านคู่มือการเลิกบุหรี่ด้วยตัวเองก่อนหรืออาจจะทำตามคำแนะนำในแอปพลิเคชันเกี่ยวกับการเลิกบุหรี่หรือการหยุดสูบบุหรี่ก็ได้ค่ะ

การสูบบุหรี่ส่งผลให้ฟันเปลี่ยนสีได้

แต่หากคุณรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องยากเกินความสามารถที่คุณจะทำได้ ให้ใช้นิโคตินเข้าช่วย อาทิเช่น นิโคตินหมากฝรั่ง, แผ่นแปะนิโคติน, นิโคตินคอร์เซ็ต และเครื่องพ่นนิโคติน เป็นต้น แต่ทางที่ดีโปรดปรึกษาเภสัชกรหรือผู้ให้บริการด้านสุขภาพของคุณก่อนซื้อมาใช้นะคะ หรือหากคุณรู้ตัวว่าไม่มีความพยายามมากพอ คุณอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น อาทิ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางและเข้ารับการบำบัดรักษาโรคติดบุหรี่อย่างจริงจังค่ะ สำหรับใครที่ตั้งใจว่าปี 2022 นี้จะเลิกบุหรี่อย่างเด็ดขาด เราก็ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ เราเชื่อว่าคุณต้องทำได้แน่นอนค่ะ ยังไงก็อย่าเพิ่งถอดใจไปเสียก่อนนะคะ


9. ลองโปรแกรมลดน้ำหนักสูตรอื่นบ้าง

การลดน้ำหนักนั้นมีหลายวิธีมากค่ะ ไม่ใช่เพียงแต่ออกกำลังกายและทานอาหารที่เป็นประโยชน์เท่านั้น เพราะบางคนก็อาจจะไม่เหมาะกับวิธีลดน้ำหนักมาตรฐานเหล่านี้เสมอไป คุณสามารถเลือกโปรแกรมการลดน้ำหนักได้จากรายการที่เราแนะนำได้ต่อไปนี้ ไม่ว่าจะเป็น การกินเนื้อสัตว์อย่างเดียวหรือที่เรียกว่า Carnivore Diet, ลดน้ำหนักด้วย Keto, การลดน้ำหนักแบบ Paleo, ลดน้ำหนักเน้นกินโปรตีน-ไขมันแบบ Atkins, วิธีลดน้ำหนักด้วยอดอาหารแบบ IF, การนับจำนวนแคลอรี่ต่อวัน ซึ่งหากคุณไม่แน่ใจว่าตัวเองเหมาะกับโปรแกรมลดน้ำหนักสูตรไหน คุณสามารถเข้าไปอ่านบทความ “เปรียบเทียบวิธีลดน้ำหนัก” ได้เลยค่ะ โดยในบทความจะมีตารางสรุปอย่างเข้าใจง่าย ๆ ให้คุณศึกษาด้วยนะคะ

ลองโปรแกรมสูตรอื่นดูบ้าง

แต่หากจะให้เราแนะนำโปรแกรมลดน้ำหนักที่ยอดเยี่ยมที่สุด คุณควรเน้นการทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์ สารอาหารที่จำเป็น และผักใบเขียวมากมายก็จะดีที่สุดค่ะ แต่สำหรับสายเนื้อที่ไม่ชอบทานผักเลย การใช้วิธี Keto,​ Carnivore, Atkins ที่กำลังเป็นที่นิยมก็เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์คุณมาก เพราะเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ยืดหยุ่นกว่าโดยที่คุณไม่ต้องหลั่งน้ำตาระหว่างการลดน้ำหนัก


10. ขยับร่างกายมากกว่าเดิมเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

หนุ่มสาววัยทำงานจ๋าแม้ว่าคุณกำลังอยู่ในวัยสร้างเนื้อสร้างตัว แต่หากคุณไม่คิดจะขยับร่างกายบ้าง ระวังจะเป็นออฟฟิศซินโดรมไม่รู้ตัวนะคะ โรคนี้มันไม่เลือกเพศและไม่เลือกอายุ แต่มันจะเลือกเป็นกับคนที่ทำงานอย่างหักโหมเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ โดยที่ไม่คิดจะลุกไปยืดเส้นยืดสายเลย จนเกิดเป็นอาการปวดเรื้อรัง ทั้งยังส่งเสริมให้คุณอ้วนโดยไม่รู้ตัว

การวิ่งขึ้นบันได

ดังนั้นทางที่ดีคุณควรจะออกกำลังกายบ้างแม้ว่าจะไม่มีเวลาว่าง แต่การลุกไปเข้าห้องน้ำให้บ่อยขึ้น การเดินออกไปสูดอากาศนอกห้องแอร์บ้าง หรือแม้แต่ “การวิ่งขึ้นบันได” ในสำนักงานหรือบ้านของคุณ อย่างน้อย 10 นาที ก็จะช่วยเผาผลาญแคลอรี่ และทำให้คุณรู้สึกตื่นตัว ขจัดความเหนื่อยล้าไปได้เยอะโดยที่คุณไม่ต้องพึ่งเครื่องดื่มคาเฟอีนหรือกาแฟเลยค่ะ แนะนำให้ใส่รองเท้าวิ่งในขณะวิ่งขึ้นลงบันไดเพื่อเป็นการรักษาข้อเท้าของคุณด้วยนะคะ หากคุณไม่มีรองเท้ากีฬาให้เปลี่ยนเป็นเดินขึ้นบันไดแทนการวิ่งค่ะ นอกจากนี้แล้วชาวออฟฟิศส่วนใหญ่ก็ยังประสบปัญหาอาการตาล้าจากการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ดังนั้นอย่าลืมดูแลและแก้ปัญหาในส่วนนี้ด้วยนะคะ โดยอาจจะมองหาแว่นกรองแสงสีฟ้ามาใส่ขณะทำงานและทานอาหารเสริมบำรุงดวงตาก็ช่วยได้มากเลยค่ะ


11. ดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น

ทุกคนรู้ โลกรู้!! ว่าการดื่มน้ำในปริมาณที่พอเหมาะต่อวันนั้นมีความสำคัญต่อร่างกายขนาดไหน หลายคนพยายามปรับเปลี่ยนตัวเองให้ดื่มมากขึ้นโดยฝืนดื่มทีละมาก ๆ และจบลงที่การเข้าห้องน้ำเพื่อเอาออก เราบอกเลยว่านั่นคือวิธิที่ผิด การดื่มน้ำที่ถูกต้องคือคุณจะต้องจิบน้ำเปล่าบ่อย ๆ ตลอดทั้งวัน

พวกเราหลาย ๆ คน เคยชินกับการดื่มพวก ชา กาแฟ และน้ำหวานระหว่างวัน จนคิดว่าเครื่องดื่มเหล่านี้สามารถทดแทนน้ำเปล่าได้เช่นกัน แต่ในความจริงแล้วมันไม่ใช่ น้ำเปล่าก็คือน้ำเปล่า ไม่มีอะไรมาทดแทนกันได้ค่ะ เราแนะนำให้คุณเริ่มจากตั้งเป้าหมายว่าในแต่ละวัน เช่นดื่มน้ำเปล่า 2 ลิตร/วัน โดยอาจจะมีตัวช่วยอย่างอื่น เช่น ขวดน้ำลวดลายน่ารัก ๆ และการเพิ่มรสชาติที่ชื่นชอบอย่างผลไม้ตระกูลเบอร์รี่, ส้ม, แตงกวา, สะระแหน่ และโรสแมรี่ หรือใช้แอปพลิเคชันในการเตือนความจำที่คอยช่วยวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับคุณ

คำแนะนำเพิ่มเติม การสร้างนิสัยใหม่ต้องค่อย ๆ ทำ เริ่มเปลี่ยนแปลงทีละเล็กน้อยก่อนและไม่ควรกดดันตัวเองเกินไปค่ะ


12. เริ่มต้นออกกำลังกาย

สมัยนี้เทรนด์รักสุขภาพกำลังมาแรง นอกจากการทานอาหารที่เป็นประโยชน์, ดื่มน้ำเยอะ ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอแล้ว “การออกกำลังกาย” ก็เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ทุกคนให้ความสนใจ ใคร ๆ ก็มักจะตั้งปณิธานออกกำลังกายในทุก ๆ ปี แต่เป้าหมายก็มักจะล้มเลิกกลางคันเสมอ แม้ว่าผลลัพธ์ของการออกกำลังกายมันจะยอดเยี่ยมขนาดไหน แต่การลงมือทำจริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายหากคุณไม่มีวินัยและความแน่วแน่มากพอ และนี่คือวิธีเริ่มต้นออกกำลังกายโดยที่คุณไม่รู้สึกลำบากจนเกินไปในฉบับคนขี้เกียจค่ะ

อุปกรณ์การออกกำลังกาย ฮูลาฮูป
  • เริ่มออกกำลังกายระหว่างโฆษณา : ยอมรับมาเถอะค่ะว่าสมัยนี้โฆษณาก็กินเวลาใช่เล่น ทำไมคุณไม่ลองใช้เวลาที่เสียไปตรงนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการออกกำลังกายง่าย ๆ จากที่บ้านดูคะ? แนะนำ 5 ท่าออกกำลังกายลดพุง กระชับหน้าท้องง่าย ๆ ไม่ถึง 10 นาที หรือการออกกำลังกายง่าย ๆ อย่าง “ฮูลาฮูป” เลยค่ะ
  • เริ่มต้นด้วยการยกน้ำหนัก : หากคุณเป็นคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย และไม่มีเวลาว่างไปเข้าฟิตเนส ทำไมคุณไม่ลองซื้อชุดดัมเบลเล็ก ๆ แบบเริ่มต้นในการช่วยยกระดับการออกกำลังกายของคุณอย่างง่ายก่อนละ คุณสามารถนั่งดูทีวีไปด้วยและยกดัมเบลไปด้วยก็ได้ การยกดัมเบลจะช่วยสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังทำงานได้ดีกับอุปกรณ์อื่น ๆ ในห้องออกกำลังกายที่บ้านของคุณเพื่อช่วยกระตุ้นการออกกำลังกายของคุณอีกด้วย
  • เริ่มต้นด้วยการเดิน : พยายามเดินให้มากขึ้นอย่างน้อย 20 นาทีต่อวัน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม อาทิเช่น พยายามเดินไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปพักสายตาหามุมนั่งจิบชาบ้าง นอกจากจะได้การออกกำลังกายก็ยังเป็นการพักสมองและสายตาไปในตัวด้วยค่ะ
  • เริ่มต้นด้วยการเล่นโยคะ : วิธีนี้จะทำให้คุณไม่มีข้ออ้างในการเดินทางไปฟิสเนต เพราะคุณสามารถเล่นโยคะได้เองจากที่บ้าน เพียงแค่คุณต้องมีอุปกรณ์การเล่นโยคะอย่าง ยางยืดออกกำลังกาย หรือเสื่อโยคะเท่านั้นค่ะ
  • เริ่มจากเสียงเพลง : ใช้เพลงในการออกกำลังกายง่าย ๆ โดยเริ่มจากหนึ่งเพลงก่อน (ประมาณ 3-5 นาที) คำแนะนำให้เลือกเพลงที่สนุกและควรจะเป็นเพลงโปรดของคุณในการออกกำลังกาย และจากนั้นก็ค่อย ๆ เพิ่มเวลาไปเรื่อย ๆ
  • มองหาแรงจูงใจ : สำหรับใครที่อยากหาแรงจูงใจในการออกกำลังกายใหม่ ๆ ลองมองหาอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ทำให้คุณรู้สึกดี เช่น เสื้อผ้าออกกำลังกาย, กระเป๋าคาดเอวสำหรับวิ่ง, หูฟังออกกำลังกาย, รองเท้าวิ่ง และ สมาร์ทวอทช์ เป็นต้น
  • มองหาแรงบันดาลใจ : แรงบันดาลใจที่ว่านี้ก็อาจจะเป็นดาราหรือไอดอลที่คุณชื่นชอบก็ได้ค่ะ ยกตัวอย่างเช่นคุณเบเบ้-ธันย์ชนกที่ตอนนี้ก็กลายเป็นขวัญใจของใครหลาย ๆ คนไปแล้ว คุณยิปซี-คีรติกับหุ่นสุดปังเอวเอส หน้าท้องร่อง 11 หรืออาจจะเป็นดาราต่างประเทศ ไอดอลเกาหลี นักแสดง หรือนักร้องระดับโลกอย่างคุณ Adele ก็ได้เช่นกัน
  • ลองกฎ 5 นาที : ส่วนใครที่ติดนิสัยผลัดวันประกันพรุ่งจะเริ่มออกกำลังแต่ไม่เคยลงมือทำสักครั้ง เราขอแนะนำให้ลองนำกฎ 5 นาทีไปลองปรับใช้ดูได้ค่ะ ซึ่งกฎ 5 นาทีคือหากคุณคิดที่จะเดิน ปั่นจักยาน หรือการออกกำลังกายแบบไหนก็แล้วแต่ ขอให้คุณทำทันทีเป็นเวลา 5 นาที พอครบ 5 นาทีก็ให้หยุดหากรู้สึกว่าสิ่งที่ทำอยู่มันอาจไม่ใช่สำหรับคุณ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วหลาย ๆ คนก็มักจะทำสิ่ง ๆ นั้นต่อไปได้นานกว่า 5 นาทีและทำได้เรื่อย ๆ เลยค่ะ ถ้าหากคุณรู้สึกว่าไม่ไหวอาจจะหยุดและลองทำกิจกรรมอย่างอื่นแทนได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดเลยคืออย่าลืมชมตัวของคุณเองด้วยนะคะ เพราะถึงแม้มันจะเป็นการออกกำลังกายเบา ๆ เพียง 5 นาที แต่อย่างน้อยคุณก็ได้เริ่มทำบางสิ่งบางอย่างที่ปีผ่าน ๆ มา คุณไม่เคยคิดที่จะลงมือทำสักครั้ง

13. การปรับลุคเป็นคนใหม่

การปรับลุคของคุณให้สดชื่นเหมือนใบไม้แรกผลิทำได้ไม่ยากเลยค่ะ สิ่งที่ง่ายและเห็นได้ชัดที่สุดในการเปลี่ยนลุคตัวเองเป็นคนใหม่ คือการเปลี่ยนทรงผมด้วยการตัดผม, ย้อมสีผม, ยืดผม หรือดัดผมลอน เป็นต้น สำหรับการเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล หากคุณเป็นคนที่ไม่ยึดติดกับสไตล์เดิม ๆ ก็ลองสวมใส่เสื้อผ้าสไตล์อื่น ๆ ดูบ้างก็ดีค่ะ และสำหรับคุณผู้หญิงที่ไม่เคยแต่งหน้าเลย การหัดแต่งหน้าเบา ๆ ด้วยเครื่องสำอางง่าย ๆ ไม่กี่ขั้นตอนก็อาจจะช่วยให้คุณดูเป็นคนใหม่ขึ้นได้เช่นกันค่ะ ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการแต่งหน้าง่าย ๆ ก็คือ ที่เขียนคิ้ว, ลิปสติกลิปมันเปลี่ยนสี, บลัชออน และสุดท้ายเป็นแป้งพัฟผสมรองพื้นคุชชั่นก็ได้ค่ะ

การปรับลุคเป็นคนใหม่
การปรับลุคเป็นคนใหม่

หรือคุณอาจจะลงทุนในขั้นตอนการดูแลผิวของคุณด้วยการทาโลชั่นบำรุงผิวหลังการอาบน้ำ และการหมั่นสครับผิวเป็นประจำทุก ๆ สัปดาห์ หากคุณมีผิวที่แห้งหยาบกร้านมากให้มองหาส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่เติมเต็มผิวของคุณอย่างแท้จริง เช่นโลชั่นที่เป็นสูตร Emollients, Humectants, Ceramides และ Occlusives เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะช่วยเปลี่ยนลุคของคุณให้ดูสดใสขึ้นและเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าให้กับคุณในปี 2022 ที่กำลังมาถึงในอีกไม่ช้านี้อย่างแน่นอนค่ะ


14. เลิกนอนดึก

ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไปคุณสามารถท่องโลกอินเตอร์เน็ตเพื่ออ่านบทความ ดูคลิป หรือดูซีรีส์ได้จากบนเตียงนอนผ่านสมาร์ทโฟน หลาย ๆ คน กลับจากที่ทำงานก็นอนเล่นโทรศัพท์จนดึกดื่น แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวผ่อนคลายความเครียดและอำนวยความสะดวกให้แก่ชีวิตคุณได้ดี แต่มันก็ทำให้คุณติดหน้าจอจนเกินไป และส่งผลให้คุณนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายของคุณอ่อนเพลียและเหน็ดเหนื่อย ทางแก้ไขเดียวคือคุณต้องมีการกำหนดเวลาเข้านอนที่ชัดเจน อย่างเช่นการตั้งเวลาเตือนก่อนเข้านอนอย่างน้อย 10 นาที

รวมถึงการหาตัวช่วยที่จะทำให้นอนหลับสบาย อาทิเช่น การสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลายด้วยเครื่องพ่นอโรม่าเทียนหอมอโรม่าน้ำมันหอมระเหยกลิ่นยอดนิยมอย่างลาเวนเดอร์ที่สามารถบรรเทาความเครียดได้, การทานอาหารเสริมเมลาโทนินช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น, การใช้เอียปลั๊กที่อุดหูสำหรับที่พักที่มีเสียงรบกวน, ใช้สเปรย์ฉีดหมอนเพื่อช่วยในเรื่องของการนอนหลับ, ผ้าปิดตาสำหรับคนที่นอนหลับยาก และใช้ Topper (ท็อปเปอร์) สำหรับช่วยให้การนอนของคุณสบายมากยิ่งขึ้น หากคุณมีปัญหาในการนอนหลับลองใช้เคล็ดลับนี้เพื่อการนอนหลับที่ดีขึ้น นั่นก็คือ “การอาบน้ำอุ่น” ก่อนนอนสามารถช่วยให้คุณหลับได้ง่ายภายในเวลาอันรวดเร็ว และอย่าลืมปิดเสียงแจ้งเตือนในสมาร์ทโฟนชั่วคราวด้วยนะคะ


15. ทดลองทำ Social Media Detox

‘Social Media Detox’ คือการล้างพิษทางโซเชียลมีเดีย  เป็นการที่ตัวเราเองจะต้องกำจัดการใช้และการบริโภคข่าวสาร สื่อต่าง ๆ ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างมีสติในช่วงเวลาหนึ่ง โดยทั่วไปการทำโซเชียลมีเดียดีท็อกซ์ส่วนใหญ่จะใช้เวลา 30 วัน แต่บางคนทำ 7 บางคนก็ถึงขั้นทำกันยาวเป็นปีเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเอาแค่กลาง ๆ สักประมาณ 1 เดือนก็พอสวย หรือใครจะทดลองระยะสั้นกว่านี้ก็ได้เช่นกัน ผลของการทำโซเชียลมีเดียดีท็อกเลยก็คือมันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานทางด้านจิตใจ อารมณ์ ทำให้คุณรู้สึกมีความสุขมากขึ้น มีเวลาอยู่กับตัวเองและคนที่คุณรักมากขึ้น

บ่อยครั้งที่เราอาจไม่รู้ตัวเลยค่ะว่าเราใช้เวลาไปกับหน้าจอมือถือนานขนาดไหน รู้ตัวอีกที่ก็ค่ำมืด รู้ตัวอีกทีก็ปาไป 2 – 3 ชั่วโมงแล้ว เราเคยได้ยินคำพูดคำพูดนึงค่ะที่ฟังแล้วสะกิดใจเรามาก ๆ เลยก็คือ ‘โซเชียลมีเดียทำให้คนไกลได้ใกล้กัน และโซเชียลมีเดียก็ทำให้คนใกล้เหมือนไกลกัน’ รู้สึกจี๊ดในใจขึ้นมาทันทีเพราะมันคือความจริงที่ทุกวันนี้เราทุกคนแทบจะไม่ได้คุยกันแล้ว ทุกคนมัวแต่ก้มหน้าก้มตาจิ้มหน้าจอมือถืออย่างเดียว ดังนั้นแล้วอย่าให้ความสำคัญกับโซเชียลมากไปจนลืมใส่ใจคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คุณในวันนี้นะคะ


16.เริ่มทำสิ่งใหม่เดือนละหนึ่งอย่าง

ปีใหม่แล้วก็ลองหาอะไรใหม่ ๆ ที่คุณไม่เคยทำมาก่อนมาเริ่มในปี 2022 นี้ได้ค่ะ ซึ่งความถี่ของการทำกิจกรรมที่ว่านี้ แรก ๆ ก็เดือนละหนึ่งอย่างก่อนก็ได้ค่ะ จากนั้นก็ค่อย ๆ ปรับเพิ่มไปเรื่อย ๆ โดยสิ่งใหม่ ๆ ที่ว่านี้อาจจะเป็น การปลูกผักทานเองตรงบริเวณระเบียงบ้านหรือคอนโด, ฝึกทำอาหารหรือขนม, ฝึกพูดภาษาอังกฤษ, เปลี่ยนสีห้องนอนใหม่ หรือแม้แต่การออกเดินไปเที่ยวคนเดียว ก็ถือเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ


17.ใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น 

ตอนนี้อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นเรื่องที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ดังนั้นแล้วแนวทางในการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเราเองค่ะ เริ่มต้นง่าย ๆ จากการไม่สร้างขยะค่ะ เปลี่ยนมาใช้เป็นถุงผ้าแทนถุงพลาสติก ใช้กระบอกน้ำแทนแก้วพลาสติกรวมถึงหลอดก็เปลี่ยนมาเป็นหลอดโลหะแทนหลอดพลาสติกเพียงเท่านี้คุณก็มีส่วนช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกแล้วค่ะ ซึ่งนี่ก็เป็นเพียงก้าวเล็ก ๆ แต่ก็ถือเป็นก้าวที่สำคัญมาก ๆ เลยค่ะ


18.ฝึกพัฒนา Soft Skills

เชื่อเลยค่ะว่าคนเราทุกคนต้องทำงานร่วมกับกับผู้อื่นไม่ว่าองค์กรของคุณจะเล็กหรือใหญ่ คุณเลยจำเป็นต้องมีทั้ง Hard Skills และ Soft Skills ติดตัวเอาไว้เสมอ แต่ทักษะที่ดูจะที่ยากที่สุดไม่ใช่ Hard Skills (ทักษะความรู้ความสามารถในสายงาน) แต่เป็น Soft Skills ต่างหากค่ะ Soft Skills ที่เป็นทักษะของบุคคล ทักษะทางสังคม ทักษะการสื่อสาร บุคลิกภาพ ทัศนคติ รวมถึงอุปนิสัยเป็นสิ่งที่เราจะต้องกลับมารื้อฟื้นกันใหม่ ลองทบทวนและมองย้อนกลับไปดูค่ะปีที่ผ่าน ๆ มานั้น Soft Skills ของเราเป็นอย่างไรบ้าง จะต้องปรับปรุงแก้ไขหรือเพิ่มตรงส่วนไหน เพราะว่า Soft Skills ถือเป็นทักษะที่มีความสำคัญไม่ต่างจาก Hard Skills เลยค่ะ เราจะเก่งในสายงานเราอย่างเดียวก็ได้แต่ถ้าหากว่ามี Soft Skills ควบคู่มาด้วยก็จะยิ่งช่วยให้คุณสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ ทำงานได้ดีและบรรลุผลตามที่กำหนดมากขึ้น


19.ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตให้มากขึ้น

นอกจากสุขภาพร่างกายแล้วสุขภาพจิตก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เลยค่ะ เราทุกคนอาจจะละเลยในส่วนนี้ จริง ๆ แล้วหารู้ไม่ว่าบางครั้งการกระทำบางอย่างอาจมีผลมาจากจิตใจภายในของเราก็เป็นได้ หากว่าสุขภาพจิตของเราแข็งแรงและสมบูรณ์เชื่อเถอะค่ะว่าไม่ว่าเราจะทำอะไร เราก็ทำได้เต็มที่ และทำออกมาได้ดี ซึ่งการมีสุขภาพจิตที่ดีก็เริ่มง่าย ๆ จากความคิด การควบคุมอารมณ์ จิตใจ ไม่ให้รู้สึกหนักหน่วงไปทางด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป เรียนรู่ที่จะปล่อยวาง ไม่คิดวิตกกังวลจนเกินเหตุ การที่เราหัดมอบความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ตัวเอง หรือการมีความสุขและเอ็นจอยไปกับสิ่งรอบข้างก็สามารถช่วยได้เช่นกันค่ะ  ดังนั้นแล้วปณิธาน 2022 ก็อย่าลืมเรื่องของสุขภาพจิตกันด้วยนะคะ


20. Be Positive ฝึกเป็นคนคิดบวก

และสำหรับการตั้งเป้าหมายข้อสุดท้ายคือการลองเปลี่ยนให้ตัวเองกลายมาเป็นคนที่คิดบวกมากขึ้นค่ะ เราอาจจะเป็นคนที่คิดลบมากเกินไปโดยที่เราไม่รู้ตัว กลายเป็นคนที่ชอบติหรือชอบวิพากษ์วิจารณ์สิ่งต่าง ๆ รอบตัว จนบางครั้งสิ่งเหล่านี้กลับทำให้ตัวเราเองต้องกลับมานั่งเครียดกับความรู้สึกแย่ ๆ ความคิดลบเปรียบเสมือนเป็นหล่มใหญ่ในชีวิต เราอาจจะเคยติดอยู่ในหล่มนี้นานหลายปีแต่สำหรับปี 2022 ที่กำลังจะมาถึงนี้ก็ถือเป็นปีที่ดีค่ะที่จะลองมองมุมกลับปรับมุมมอง เปลี่ยนจากคุณคนเดิมที่คอยคิดแต่เรื่องลบ ๆ มาเป็นคนที่คิดบวกมากขึ้น

ก็ต้องยอมรับค่ะว่าการคิดบวกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของทุกคนอยู่แล้วค่ะ การเริ่มต้นเป็นคนคิดบวกก็เริ่มได้ง่าย ๆ โดยการมองไปรอบ ๆ แล้วรองมองหาข้อดีของมันหรือการที่เราเจอกับสถานการณ์บางอย่าง ก็พยายามหาเหตุผลหรือข้อดีของสถานการ์ณนั้น ๆ ให้ได้ หยุดความคิดติดลบและเสริมด้วยความคิดเชิงบวกแทนก็จะช่วยได้ค่ะ การเป็นคนคิดบวกไม่ได้จะเปลี่ยนแปลงกันง่าย ๆ เพียงแค่ข้ามคืน แต่ต้องอาศัยการฝึกฝนที่สม่ำเสมอและต่อเนื่องด้วยเช่นเดียวกัน


เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับไอเดียการตั้งเป้าหมายในปี 2022 เราคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นในแบบฉบับที่ไม่ยากเกินไป หากคุณรู้สึกว่าข้อไหนทำไม่ได้แน่ ๆ อย่าพึ่งถอดใจล้มเลิกกลางคันก่อนนะคะ ลองเริ่มจากการปรับเปลี่ยนเล็ก ๆ น้อย ๆ ดูก่อน เพราะชีวิตของคนเราไม่มีใครที่สามารถเปลี่ยนตัวเองได้อย่างรวดเร็วเพียงชั่วข้ามคืนหรอกค่ะ อย่างที่คุณเคยได้ยินมาบ่อย ๆ ว่า “กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว” ดังนั้นอย่ากดดันตัวเองจนเกินไป เพราะมันจะทำให้คุณเครียดมากกว่าเดิม ค่อย ๆ ปรับค่อย ๆ เปลี่ยนไปค่ะ เราขอเป็นกำลังใจให้คุณอยู่ตรงนี้นะคะ

Mine Melody

Mine Melody

สวัสดีค่ะทุกคนนน ผู้เขียนขออนุญาตใช้นามแฝงว่า Mine Melody นะคะ แม้ว่าชื่อนี้จะไม่ใช่ชื่อจริง ๆ แต่ก็ยินดีที่ได้รู้จักคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน 😘

ส่วนตัวแล้วผู้เขียนสนใจด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ และจะพยายามอธิบายให้เป็นภาษาที่เข้าใจง่าย 😎 อีกทั้งยังสนใจเรื่องต่าง ๆ ที่อยู่ในเทรนด์อย่าง สกินแคร์, เครื่องสำอาง, แฟชั่น ตลอดจนข่าวบันเทิง แน่นอนว่าเนื้อหาในทุก ๆ บทความที่เขียนไป ขอให้เพื่อน ๆ มั่นใจได้เลยว่ามีแหล่งอ้างอิงจากเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้จ้า!!

หากเพื่อน ๆ มีข้อสงสัย หรืออยากแชร์ไอเดียใด ๆ ร่วมกับผู้เขียน สามารถติดต่อผ่าน E-mail เว็บไซต์ของเราได้เลยค่ะ 😇

Next Post